มู่น่อนน่อนได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ชะงักไปในทันที
เสิ่นเหลียงสังเกตเห็นสีหน้าของมู่น่อนน่อน แล้วก็คาดเดาได้ว่าเธอน่าจะไม่เชื่อก็เลยถามว่า “ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงกับบอสใหญ่เหรอ?”
“ไม่ได้รู้สึกอะไร” นอกจากขี้เบื่อกับไร้เดียงสา เธอก็รู้สึกว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้มีอะไรพิเศษ
เสิ่นเหลียงทำเสียง “จุ๊ๆ ” สองครั้ง “ถ้าอย่างนั้นเธอวางแผนจะทำยังไง? เธอคงอยู่กับเขาตลอดไปไม่ได้หรอกนะ”
พอพูดถึงตรงนี้แล้ว เสิ่นเหลียงก็ชะงักไป เราก็ช่วยเธอวิเคราะห์ตอบว่า “ฉันสามารถบอกกับเธอได้อย่างแน่นอนว่า ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของเธอกับบอสใหญ่นั้นดีมาก ฉันรู้สึกว่าตอนนี้เธอสามารถเลือกได้ 2 ทาง ทางได้ก็คือ เธอกับเขาหรือฟื้นความทรงจำเราก็รักกันต่อไป ส่วนอย่างที่ 2 ถ้าเกิดว่าเธอกับเขาไม่สามารถรื้อฟื้นความทรงจำได้ และไม่รักกันต่อไปแล้วล่ะก็ ไม่ช้าก็เร็วเธอก็ต้องคิดถึงอนาคตของตัวเอง……”
พอพูดถึงตรงนี้แล้ว มู่น่อนน่อนเข้าใจเองก็พอแล้ว เสิ่นเหลียงไม่ได้มีความจำเป็นต้องพูดเยอะ
“เรื่องนี้ฉันก็เคยคิดมาเหมือนกัน”
มู่น่อนน่อนหันกลับไปมองเฉินมู่ แล้วก็พบว่าเธอหลับไปแล้ว ก็เลยยื่นมือไปอุ้มเธอขึ้นมา
เธอกอดเฉินมู่ไว้ในอ้อมแขน เฉินมู่ยกเปลือกตาขึ้นแล้วเหลือบมองเธอ เอาหน้าถูอ้อมแขนที่เธอไว้วางใจเราก็หลับไป
เสิ่นเหลียงเอนตัวเข้ามาแล้วก็ทำด้วยเสียงเบา “หลับไปแล้วเหรอ?”
“อืม”มู่น่อนน่อนตอบคําถาม:“เธอจะกินข้าวหรือจะนอนก็แล้วแต่ทำให้ทุกคนไว้ใจได้ ไม่งอแงเลยแม้แต่นิดเดียว”
เสิ่นเหลียงอดไม่ไหวที่จะยื่นมือไปลูบหน้าของเฉินมู่ “เป็นเด็กดีมากเลย”
มู่น่อนน่อนเปลี่ยนมาใช้อีกมือหนึ่ง ทำให้เฉินมู่หลับสบายขึ้นหน่อย แล้วก็เลยนะพร้อมกับพูดกับเสิ่นเหลียง “ชอบก็มีสักคนหนึ่งสิ”
“ก่อนที่จะอายุ 30 ฉันจะไม่คิดเรื่องแต่งงานหรือแม้แต่นิดเดียว”รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นเหลียงจางโรคในทันที “ไม่ต้องพูดถึงฉัน พูดถึงเธอเถอะ”
“เรื่องเมื่อกี้ที่เธอพูด ฉันเองก็เคยคิดมาแล้ว ฉันเคยคิดเกี่ยวกับสิทธิในการเลี้ยงดูของเฉินมู่”มู่น่อนน่อนสีหน้าจริงจังพร้อมกับพูดว่า “ถ้าเกิดว่าตอนนี้ฉันแยกสิทธิ์ในการเลี้ยงลูกกลับเฉินถิงเซียวล่ะก็ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ต้องเป็นไปทีละขั้นทีละตอน ตอนนี้ฉันต้องไปหางานทำ”
ถ้าเกิดว่าเธอจะแยกสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเฉินมู่ เรื่องแรก ก็คือเธอต้องมีอิสระทางด้านการเงิน
แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่สวยก็คือ ชีวิตของตัวเธอเองยังคงวุ่นวายอยู่เลย
พอได้ยินมู่น่อนน่อนพูดแบบนี้ เสิ่นเหลียงก็นึกขึ้นมาได้ บทละครที่มู่น่อนน่อนเคยขายให้ฉินสุ่ยซานเรื่องนั้น
“เมื่อก่อนเธอเคยเขียนบทละคร ชื่อว่า ‘เมืองพัง’ เมืองพัง’ ได้ออกอากาศเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ขายดีมาก มีแฟนหลายคนไปเรียกร้องใน Weiboของเธอให้มีภาค 2”
เสิ่นเหลียงพูด แล้วก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา เปิดหน้าWeiboของมู่น่อนน่อน แล้วก็เปิดความเห็นจากแฟนๆ ของเธอให้เธอดู
มู่น่อนน่อนมองดูIDแล้วก็บ่นว่า “มู่มู่งั้นเหรอ?”
ถึงแม้ว่าจะจำไม่ได้ว่าตอนนั้นอารมณ์ไหนถึงใช้นามปากกานี้ แต่เธอรู้ว่านามปากกานี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องเฉินมู่
เสิ่นเหลียงเปิดคอมเม้นของแฟนๆ ให้มู่น่อนน่อนดู
“ นี่มัน 2 ปีมาแล้ว คนเขียนบทคุณวางแผนที่จะปล่อยภาค 2 หรือไม่?”
“‘เมืองพัง’มีหลุมมากมายที่ยังไม่ได้เติมลงไป คนเขียนบทออกมาคุยกับพวกเราหน่อยเถอะ!”
“ตามคนเขียนบทให้ออกมาเขียน‘เมืองพัง’ภาค 2”
“โพสต์Weiboล่าสุดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว รู้สึกได้ว่าเธอน่าจะไม่ออกมาเขียนบท‘เมืองพัง’ ตอนที่ 2 อีกแล้ว……”
คอมเมนท์ของแฟนๆ ที่ใหม่ที่สุด ก็คือ 1 วันก่อนหน้านี้
มู่น่อนน่อนพลิกไปด้านหน้า แล้วก็พบว่าโพสต์ที่ใหม่ที่สุดของตัวเองคือ 3 ปีก่อนจริงๆ
“เห็นแล้วใช่ไหม นี่คือแฟนคลับ‘เมืองพัง’ของเธอ ถ้าเกิดว่าเธอกลับมาเขียนตอนที่ 2 ต้องมีโปรดิวเซอร์และผู้กำกับตามหาเธออย่างมากมายอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่นิยายในอินเทอร์เน็ต แต่ว่าก็ได้รับรางวัลมากมายในอุตสาหกรรมนี้ และนักลงทุนก็ทำเงินได้มากมาย……”
เสิ่นเหลียงคิดแล้วรู้สึกเจ็บใจเล็กน้อย “ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นเธอขายไปในราคาเท่าไหร่ แค่รู้สึกว่าน่าจะสูญเสีย”
ตอนนั้นจู่ๆ มู่น่อนน่อนก็เผาคฤหาสน์และหนีไป แล้วก็เลยขายบทละครเรื่องนี้ เสิ่นเหลียงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอขายไปในราคาเท่าไหร่
แต่ว่ามู่น่อนน่อนกลับไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนเหมือนกับเสิ่นเหลียง
เธอหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วก็ค้นหาคำว่า ‘เมืองพัง’ในอินเทอร์เน็ต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...