ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 421

เสิ่นเหลียงจะต้องไปตามการแจ้งเตือนที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งก่อน ก็เลยถึงได้ให้กู้จือหยั่นมาที่นี่

กู้จือหยั่นพาพวกเธอไปที่บ้านของเสิ่นเหลียง

“ในตู้เย็นมีโยเกิร์ตผลไม้ ผักและเนื้อมีหมด แล้วก็ยังมีขนมที่กินเล่นได้อยู่ที่ทางนี้”

กู้จือหยั่นเหมือนกับอยู่ที่บ้านตัวองก็ไม่ปาน ได้นำมู่น่อนน่อนไปดูตู้เย็นและตู้สำหรับเก็บของอย่างคล่องแคล่วคุ้นเคยเป็นอย่างดี แล้วยังเปิดห้องมาบอกพวกเธอว่าห้องอาบน้ำอยู่ที่ไหน พักอยู่ในห้องนอนห้องไหน

“ถ้ามีเรื่องอะไรก็สามารถโทรหาฉันได้เลย เย็นนี้เสิ่นเสี่ยวเหลียงจะกลับมาค่อนข้างดึกเลย”

กู้จือหยั่นพูดจบ พอหันหน้าไปก็เห็นมู่น่อนน่อนยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซื้ง

กู้จือหยั่นเกาหัวออกมาเล็กน้อยด้วยความเขินอาย “ถึงยังไงถ้ามีอะไรที่ต้องการก็บอกมาได้เลย”

มู่น่อนน่อนเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอบคุณ”

“ไม่ต้องเกรงใจ เธอเป็นเพื่อนของเสิ่นเสี่ยวเหลียงมั้ยล่ะ แล้วยังเป็นภรรยาของถิงเซียวด้วยอีก มันเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”

มู่น่อนน่อนเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าใครเคยพูดเอาไว้ว่าที่บ้านของกู้จือหยั่นได้เป็นแก๊งมาเฟียไปแล้ว ต่อมาในภายหลังกู้จือหยั่นโตขึ้นมาหน่อยนึง พ่อของเขาก็เริ่มชำระล้างให้สะอาด แล้วเดินทางถูกกฎหมาย

ก็คงจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางครอบครัว กู้จือหยั่นเลยเป็นคนที่มีใจนักเลงต่อเพื่อนฝูงเป็นอย่างมากคนหนึ่งเลย

มู่น่อนน่อนเองก็ไม่ได้เกรงใจอีก จึงได้ตอบรับออกไป “อืม”

“เรื่องถิงเซียว เธอก็อย่าไปกังวลมากเกินไป ยังไงมันก็จะต้องมีวิธีอยู่แล้ว” กู้จือหยั่นถึงแม้ว่าจะกำลังปลอบเธออยู่ แต่หัวคิ้วก็ได้ขมวดออกมาเล็กน้อยด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าจะกังวลอยู่บ้างเหมือนกัน

หลังจากที่กู้จือหยั่นออกไปแล้ว มู่น่อนน่อนก็ได้หยิบเอาผักและเนื้อออกมาจากในตู้เย็นนิดหน่อย แล้วก็ต้มบะหมี่หมูฝอยกับผัก

เฉินมู่ก็หิวมานานแล้ว จึงได้กินเร็วไปบ้าง

มู่น่อนน่อนให้ความสนใจกับเฉินมู่ไปพลาง ระวังไม่ให้เธอกินเร็วเกินไปจนสำลัก แล้วคิดถึงเรื่องของเฉินถิงเซียวไปพลาง

ก่อนหน้านี้สือเย่ได้บอกเธอว่า เฉินถิงเซียวเป็นเพราะว่าถูกเฉินจิ่งหยุ้นพาไปให้คนสะกดจิตปิดล็อกความทรงจำเอาไว้ จึงได้เกิดภาพลวงที่ “สูญเสียความทรงจำ” ให้คนอื่นได้เห็นกัน

ต่างอาชีพกันความรู้ความเข้าใจแตกต่างกัน ถึงแม้ว่าจะเคยได้ยินมาการสะกดจิตมาก่อน แต่เห็นอาการของเฉินถิงเซียวแล้ว มู่น่อนน่อนพบว่ามันได้นอกเหนือไปจากความรู้ความเข้าใจของเธอไปแล้ว

มู่น่อนน่อนเสิร์ชคำจำกัดความของการสะกดจิตในเน็ตดู

ถ้าบอกว่าการสะกดจิตเป็นปรากฏการณ์ ideomotorขั้นหนักมากจำพวกหนึ่ง นั่นก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้แตกต่างกับจิตวิทยาเลยใช่มั้ย?

ลี่จิ่วเชียนไม่ใช่ว่าจบปริญญาเอกทางด้านจิตวิทยามาหรือไง?

เขาจะต้องเข้าใจแน่ว่าการสะกดจิตมันเกิดขึ้นมาได้ยังไง

คิดมาถึงตรงนี้แล้ว มู่น่อนน่อนจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาลี่จิ่วเชียน

ตอนที่รับสาย เธอได้ยินลี่จิ่วเชียนที่อยู่ทางปลายสายพูดออกมาเสียงเบาก่อนว่า “ขอโทษนะ ผมขอรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ”

เขาก็คงจะปิดโทรศัพท์เอาไว้แล้วพูดออกมา เสียงฟังไปแล้วเบามากเลย

ทางปลายสายก็ได้มีเสียงของอีกคนหนึ่งดังขึ้นมาอีกที “ไม่เป็นไร”

ต่อมาก็มีเสียงเก้าอี้เคลื่อนก็ได้ดังขึ้น จากนั้นเสียงของลี่จิ่วเชียนก็ได้ดังออกมาจากโทรศัพท์อย่างชัดเจนออกมา “น่อนน่อน”

“คุณมีคนไข้เหรอ? รบกวนคุณแล้ว” คำพูดของมู่น่อนน่อนได้ประดับไปด้วยความรู้สึกขอโทษ

ในเสียงของลี่จิ่วเชียนได้ประดับไปด้วยความหมายเชิงเย้าหยอกออกมา “ไม่เป็นไร คนไข้ไม่สือสาอะไรที่จะให้ผมรับสายสำคัญก่อน”

ฟังไปแล้วเหมือนกับเป็นคำพูดที่สนิทสนมกัน แต่จากที่เขาพูดออกมา มันทั้งไม่ได้พูดมาเล่นๆและทั้งยังชัดเจนออกมาด้วย

มู่น่อนน่อนได้ถามเขาออกไปตรงๆ “คุณรู้เรื่องการสะกดจิตหรือเปล่า?”

“การสะกดจิต? รู้นิดหน่อย มีอะไร?” ลี่จิ่วเชียนรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว รู้ว่าเธอไม่มีทางจะถามคำถามนี้ออกมาโดยที่ไม่มีเหตุผล ในน้ำเสียงจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงความเป็นห่วงเป็นใยออกไปมากยิ่งขึ้น

“ก็แค่อยากจะถามหน่อยว่าการสะกดจิตมันสามารถ...”

“คุณแม่หนูกินอิ่มแล้ว”

มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นเฉินมู่ยกชามเปล่าของตัวเองยื่นมาให้เธอดู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม