ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 422

สรุปบท บทที่ 422 เรื่องนี้ คุณต้องเก็บเป็นความลับ: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

อ่านสรุป บทที่ 422 เรื่องนี้ คุณต้องเก็บเป็นความลับ จาก ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○)

บทที่ บทที่ 422 เรื่องนี้ คุณต้องเก็บเป็นความลับ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Meow(○` 3′○) อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ลี่จิ่วเชียนถามเธอ “นั่งเถอะ ดื่มอะไรสักหน่อยมั้ย?”

“อะไรก็ไม่ต้องหรอก พวกเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า” มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าโทนเสียงของตัวเองมันรีบร้อนเกินไป จึงเอ่ยเสริมออกไปว่า “มู่มู่ยังนอนกลางวันอยู่ที่บ้าน ฉันต้องรีบกลับไปเร็วหน่อย”

“อืม” ลี่จิ่วเชียนพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจออกมา

เขานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงกันข้ามมู่น่อนน่อน สีหน้าแสดงความจริงจังออกมาเล็กน้อย “ทำไมจู่ๆถึงได้ถามเรื่องการสะกดจิตขึ้นมาได้ มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

มู่น่อนน่อนลังเลไปแป๊บนึง

ลี่จิ่วเชียนมองเห็นความลังเลของเธอ เขาแสยะริมฝีปากออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยออกมา “เอาเถอะ คุณอยากถามอะไรก็ถามมาก็พอ”

“การสะกดจิตมันสามารถปิดล็อกความทรงจำของคนได้เหรอ?”

“ตัวการสะกดจิตนั้นก็เป็นวิธีที่จะทำการชักนำทางจิตวิทยาให้กับผู้ป่วยที่มีอาการบ่งพร่องทางจิตอย่างหนึ่ง จะทำการสะกดจิตไปตามความต้องการของผู้ป่วย ก็คือปรากฏการณ์ ideomotorจำพวกหนึ่งด้วยเช่นกัน”

ลี่จิ่วเชียนพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย

เห็นมู่น่อนน่อนฟังเสียดูตั้งอกตั้งใจ เขาจึงพูดต่อออกมา “จะให้เจาะจงโดยละเอียดว่าเป็นปรากฏการณ์ ideomotorอะไรผมก็ไม่รู้ชัด แต่จิตใจของคนมันซับซ้อนมากและยากที่จะควบคุมด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้วจึงไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่จะปิดล็อกความทรงจำของคนอื่นอย่างที่คุณว่ามาไปได้”

คำพูดของลี่จิ่วเชียน มันเท่ากับว่าเป็นการยืนยันในอานุภาพของการสะกดจิตได้เลย

มู่น่อนน่อนถามออกไปด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ถ้าหากว่าปิดล็อกความทรงจำของคนอื่นไป จะสามารถทำให้คนนั้นฟื้นความทรงจำกลับมาได้อีกหรือเปล่า? หรือไม่ก็ ทำให้ความทรงจำของคนนั้นเกิดอาการแย่ลง ยุ่งเหยิงไปหมดหรือเปล่า?”

ในทันใดนั้นลี่จิ่วเชียนก็ได้ยิ้มออกมา สายตาจรดลงไปที่หน้าของเธอนิ่ง พลางสบตากับเธอ “ทุกอย่างมันก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น ก็เหมือนกับคุณที่หลังจากสลบไปสามปี แต่กลับฟื้นขึ้นมาอย่างกับปาฏิหาริย์”

มู่น่อนน่อนพูดออกไป “ความหมายของคุณคือมีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นความทรงจำกลับมาเอง?”

“พูดอย่างนี้กับคุณดีกว่า” ลี่จิ่วเชียนครุ่นคิดไปแป๊บนึงแล้วเอ่ยออกมาว่า “การสะกดจิตอันที่จริงก็ไม่ได้สุดยอดอย่างที่คนอื่นเขาว่าขนาดนั้นหรอก เพราะถึงยังไงก็เป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ ideomotorอย่างหนึ่ง คนที่ถูกสะกดจิตถ้าตัวเองไปล้มล้างการทำปรากฏการณ์ ideomotorต่อตัวเองแล้ว อย่างนั้นแล้วการสะกดจิตก็คงจะเริ่มไม่เกิดผลไป”

“ก็เหมือนกับการปิดล็อกความทรงจำที่คุณว่ามาเมื่อกี้ คนที่ถูกสะกดจิตจำพวกนี้ จะถูกคุณหมอสะกดจิตทำปรากฏการณ์ ideomotorให้เขาไปซ้ำๆ บอกเขาเรื่องที่เขาควรจะต้องลืมพวกนั้น แต่ถ้าข้างๆมีคนพูดถึงเรื่องที่เขาลืมพวกนั้นขึ้นมาซ้ำๆ หรือไม่ก็มีคนและเรื่องที่สามารถกระตุ้นเขาขึ้นมาได้ การฟื้นคืนความทรงจำมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็วแล้ว”

“งั้นนอกจากการฟื้นความทรงจำกลับมา ยังมีอาการอื่นอีกหรือเปล่า?” คำพูดที่ลี่จิ่วเชียนพูดออกมาเธอเข้าใจ แต่เฉินถิงเซียวในตอนนี้ไม่ได้ฟื้นความทรงจำกลับมา แต่เป็นอาการอีกอย่างนึงแทน

“ความทรงจำเกิดแย่ลงและยุ่งเหยิงไป ล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น” ลี่จิ่วเชียนพิงเข้ากับข้างหลังไปเล็กน้อย แล้วเปลี่ยนท่าให้สบายมากขึ้น “ก็เหมือนกับคุณฟื้นขึ้นมา แต่กลับเหมือนกับสูญเสียความทรงจำไป เรื่องอะไรก็ตาม ต่างก็มีปัจจัยที่ไม่แน่นอนทั้งนั้น แต่ถ้าความทรงจำของคนที่ถูกสะกดจิตแย่ลง นั่นก็เป็นไปได้ว่าเป็นเพราะว่าขั้นตอนการสะกดจิตล้ำลึกมาก แล้วก็ฟื้นความทรงจำกลับมาอย่างรวดเร็วอีก ดังนั้นแล้วทำอะไรที่มากไปหรือน้อยไปมันก็ไม่ดีทั้งนั้น มันก็เลยจะทำให้เกิดความทรงจำที่ยุ่งเหยิงขึ้นมา”

สิ่งเหล่านี้ที่ลี่จิ่วเชียนพูดออกมา ถือได้ว่าตรงกับอาการของเฉินถิงเซียวสุดๆไปเลย

คิดถึงตรงนี้แล้ว เธอก็ขมวดคิ้วถามออกไป “งั้นถ้าความทรงจำยุ่งเหยิงแล้ว ควรจะต้องทำยังไง?”

“ผมไม่ใช่หมอสะกดจิต คำถามนี้ ผมจนปัญญาที่จะตอบคุณได้ บางทีคุณอาจจะควรหาคุณหมอที่สะกดจิตให้เขาคนนั้นให้เจอ ถึงจะมีวิธีแก้ไขปัญหาได้”

คำพูดของลี่จิ่วเชียน ได้สื่อออกมาชัดเจนมากแล้ว

มู่น่อนน่อนจึงค้นพบขึ้นมาว่า เมื่อกี้ตัวเองรีบร้อนที่จะถามเรื่องสะกดจิตออกไปให้ชัดเจน แต่กลับทำให้ลี่จิ่วเชียนคาดเดาอะไรขึ้นมาได้

สบเข้ากับสายตารู้แจ้งของลี่จิ่วเชียนเข้า เธอมีความรู้สึกไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

ลี่จิ่วเชียนถามออกไปอย่างสงบเยือกเย็น “เป็นเฉินถิงเซียวเหรอ?”

ลี่จิ่วเชียนอธิบายให้กับเธออย่างตั้งอกตั้งใจมาตั้งมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่าเธอจะต้องไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบังอยู่แล้ว “อืม”

พูดจบ เธอก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีก จึงได้เอ่ยพูดกับลี่จิ่วเชียนออกไป “เรื่องนี้ คุณต้องเก็บเป็นความลับ จะบอกคนอื่นไม่ได้นะ”

“คุณยังไม่เชื่อใจผมอีกเหรอ?” ลี่จิ่วเชียนเอียงหัว เอ่ยออกมาพร้อมแสร้งทำเป็นผิดหวังออกมา

ก้นบึ้งภายในใจของมู่น่อนน่อนรู้สึกโล่งอกขึ้นมา แล้วเอ่ยออกมากึ่งๆจริงจัง “มิตรภาพที่เหนียวแน่น แน่นอนว่าเชื่อใจคุณมากที่สุดแล้ว จริงสิ คุณมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสะกดจิตที่รู้จักบ้างมั้ย? แบบคนที่สามารถสะกดจิตคนอื่นจนสูญเสียความทรงจำไปได้จำพวกนั้น”

“ใช่เฉินถิงเซียวจริงๆ?” บนใบหน้าลี่จิ่วเชียนเผยความประหลาดใจออกมา “ชีวิตของคุณกับเฉินถิงเซียวช่างมีสีสันมากเลยจริงๆ”

วางสายไปแล้ว มู่น่อนน่อนได้ให้คนขับรถเปลี่ยนเส้นทางไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ๆ

ห้างไม่ได้ใหญ่มาก มองไปแล้วดูเหมือนจะเป็นห้างที่สร้างใหม่ คนก็ไม่ได้เยอะมากเหมือนกัน

มู่น่อนน่อนหาจุดขนมปังอยู่ชั้นสอง แล้วก็เจอเค้กก้อนเล็กๆแบบที่เฉินมู่ชอบกิน

บนใบหน้าเธอเผยความยินดีออกมา แล้วก็ยิ้มพลางเอ่ยออกไปกับพนักงานขายว่า “รบกวนช่วยห่อเค้กก้อนนี้ให้ฉันด้วยค่ะ”

แต่ทว่า พนักงานขายราวกับว่าจะไม่ได้เป็นมิตรเท่าไหร่นัก ฝืนยิ้มมาให้เธอเล็กน้อย แล้วช่วยห่อเค้กก้อนเล็กๆให้มู่น่อนน่อนไปอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แล้วยื่นให้เธอไป

มู่น่อนน่อนหยิบเงินไปพลาง ถามออกไปพลาง “เท่าไหร่คะ?”

พนักงานขายเหมือนกับไม่ได้ยินคำพูดของเธอก็ไม่ปาน จึงหันหน้ากลับมามองเธอ “ห้ะ?”

เธอสังเกตเห็นเค้กในมือมู่น่อนน่อน จึงเอ่ยออกไป “ไม่เอาเงิน ให้คุณไปเลย รีบไปสิ”

ไม่เก็บเงิน?

มู่น่อนน่อนคิดว่าพนักงานขายคนนี้ดูแปลกไปหมดเลย ถึงขนาดที่มองไปแล้วก็ดูไม่เหมือนพนักงานขายเลยสักนิด

มู่น่อนน่อนย่นคิ้วออกมาเล็กน้อย แล้วเอาเงินร้อยหยวนใบหนึ่งยื่นไปที่บนเคาน์เตอร์ “รบกวนช่วยทอนเงินด้วยค่ะ”

พนักงานขายมีสีหน้ากังวลออกมาเล็กน้อย แต่ก็ยังก้มลงไปในลิ้นชักเพื่อทอนเงินให้มู่น่อนน่อน

มู่น่อนน่อนรับมานับดู จึงพบว่าพนักงานขายให้เธอมาหกสิบหยวน

เธอหยิบแบงก์สิบหยวนออกมาใบหนึ่งแล้วยื่นไปให้พนักงานขาย “เค้กสี่สิบห้า คุณทอนให้ฉันห้าหยวนก็พอแล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม