ลี่จิ่วเชียนถามเธอ “นั่งเถอะ ดื่มอะไรสักหน่อยมั้ย?”
“อะไรก็ไม่ต้องหรอก พวกเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า” มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าโทนเสียงของตัวเองมันรีบร้อนเกินไป จึงเอ่ยเสริมออกไปว่า “มู่มู่ยังนอนกลางวันอยู่ที่บ้าน ฉันต้องรีบกลับไปเร็วหน่อย”
“อืม” ลี่จิ่วเชียนพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจออกมา
เขานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงกันข้ามมู่น่อนน่อน สีหน้าแสดงความจริงจังออกมาเล็กน้อย “ทำไมจู่ๆถึงได้ถามเรื่องการสะกดจิตขึ้นมาได้ มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
มู่น่อนน่อนลังเลไปแป๊บนึง
ลี่จิ่วเชียนมองเห็นความลังเลของเธอ เขาแสยะริมฝีปากออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยออกมา “เอาเถอะ คุณอยากถามอะไรก็ถามมาก็พอ”
“การสะกดจิตมันสามารถปิดล็อกความทรงจำของคนได้เหรอ?”
“ตัวการสะกดจิตนั้นก็เป็นวิธีที่จะทำการชักนำทางจิตวิทยาให้กับผู้ป่วยที่มีอาการบ่งพร่องทางจิตอย่างหนึ่ง จะทำการสะกดจิตไปตามความต้องการของผู้ป่วย ก็คือปรากฏการณ์ ideomotorจำพวกหนึ่งด้วยเช่นกัน”
ลี่จิ่วเชียนพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย
เห็นมู่น่อนน่อนฟังเสียดูตั้งอกตั้งใจ เขาจึงพูดต่อออกมา “จะให้เจาะจงโดยละเอียดว่าเป็นปรากฏการณ์ ideomotorอะไรผมก็ไม่รู้ชัด แต่จิตใจของคนมันซับซ้อนมากและยากที่จะควบคุมด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้วจึงไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่จะปิดล็อกความทรงจำของคนอื่นอย่างที่คุณว่ามาไปได้”
คำพูดของลี่จิ่วเชียน มันเท่ากับว่าเป็นการยืนยันในอานุภาพของการสะกดจิตได้เลย
มู่น่อนน่อนถามออกไปด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ถ้าหากว่าปิดล็อกความทรงจำของคนอื่นไป จะสามารถทำให้คนนั้นฟื้นความทรงจำกลับมาได้อีกหรือเปล่า? หรือไม่ก็ ทำให้ความทรงจำของคนนั้นเกิดอาการแย่ลง ยุ่งเหยิงไปหมดหรือเปล่า?”
ในทันใดนั้นลี่จิ่วเชียนก็ได้ยิ้มออกมา สายตาจรดลงไปที่หน้าของเธอนิ่ง พลางสบตากับเธอ “ทุกอย่างมันก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น ก็เหมือนกับคุณที่หลังจากสลบไปสามปี แต่กลับฟื้นขึ้นมาอย่างกับปาฏิหาริย์”
มู่น่อนน่อนพูดออกไป “ความหมายของคุณคือมีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นความทรงจำกลับมาเอง?”
“พูดอย่างนี้กับคุณดีกว่า” ลี่จิ่วเชียนครุ่นคิดไปแป๊บนึงแล้วเอ่ยออกมาว่า “การสะกดจิตอันที่จริงก็ไม่ได้สุดยอดอย่างที่คนอื่นเขาว่าขนาดนั้นหรอก เพราะถึงยังไงก็เป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ ideomotorอย่างหนึ่ง คนที่ถูกสะกดจิตถ้าตัวเองไปล้มล้างการทำปรากฏการณ์ ideomotorต่อตัวเองแล้ว อย่างนั้นแล้วการสะกดจิตก็คงจะเริ่มไม่เกิดผลไป”
“ก็เหมือนกับการปิดล็อกความทรงจำที่คุณว่ามาเมื่อกี้ คนที่ถูกสะกดจิตจำพวกนี้ จะถูกคุณหมอสะกดจิตทำปรากฏการณ์ ideomotorให้เขาไปซ้ำๆ บอกเขาเรื่องที่เขาควรจะต้องลืมพวกนั้น แต่ถ้าข้างๆมีคนพูดถึงเรื่องที่เขาลืมพวกนั้นขึ้นมาซ้ำๆ หรือไม่ก็มีคนและเรื่องที่สามารถกระตุ้นเขาขึ้นมาได้ การฟื้นคืนความทรงจำมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็วแล้ว”
“งั้นนอกจากการฟื้นความทรงจำกลับมา ยังมีอาการอื่นอีกหรือเปล่า?” คำพูดที่ลี่จิ่วเชียนพูดออกมาเธอเข้าใจ แต่เฉินถิงเซียวในตอนนี้ไม่ได้ฟื้นความทรงจำกลับมา แต่เป็นอาการอีกอย่างนึงแทน
“ความทรงจำเกิดแย่ลงและยุ่งเหยิงไป ล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น” ลี่จิ่วเชียนพิงเข้ากับข้างหลังไปเล็กน้อย แล้วเปลี่ยนท่าให้สบายมากขึ้น “ก็เหมือนกับคุณฟื้นขึ้นมา แต่กลับเหมือนกับสูญเสียความทรงจำไป เรื่องอะไรก็ตาม ต่างก็มีปัจจัยที่ไม่แน่นอนทั้งนั้น แต่ถ้าความทรงจำของคนที่ถูกสะกดจิตแย่ลง นั่นก็เป็นไปได้ว่าเป็นเพราะว่าขั้นตอนการสะกดจิตล้ำลึกมาก แล้วก็ฟื้นความทรงจำกลับมาอย่างรวดเร็วอีก ดังนั้นแล้วทำอะไรที่มากไปหรือน้อยไปมันก็ไม่ดีทั้งนั้น มันก็เลยจะทำให้เกิดความทรงจำที่ยุ่งเหยิงขึ้นมา”
สิ่งเหล่านี้ที่ลี่จิ่วเชียนพูดออกมา ถือได้ว่าตรงกับอาการของเฉินถิงเซียวสุดๆไปเลย
คิดถึงตรงนี้แล้ว เธอก็ขมวดคิ้วถามออกไป “งั้นถ้าความทรงจำยุ่งเหยิงแล้ว ควรจะต้องทำยังไง?”
“ผมไม่ใช่หมอสะกดจิต คำถามนี้ ผมจนปัญญาที่จะตอบคุณได้ บางทีคุณอาจจะควรหาคุณหมอที่สะกดจิตให้เขาคนนั้นให้เจอ ถึงจะมีวิธีแก้ไขปัญหาได้”
คำพูดของลี่จิ่วเชียน ได้สื่อออกมาชัดเจนมากแล้ว
มู่น่อนน่อนจึงค้นพบขึ้นมาว่า เมื่อกี้ตัวเองรีบร้อนที่จะถามเรื่องสะกดจิตออกไปให้ชัดเจน แต่กลับทำให้ลี่จิ่วเชียนคาดเดาอะไรขึ้นมาได้
สบเข้ากับสายตารู้แจ้งของลี่จิ่วเชียนเข้า เธอมีความรู้สึกไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
ลี่จิ่วเชียนถามออกไปอย่างสงบเยือกเย็น “เป็นเฉินถิงเซียวเหรอ?”
ลี่จิ่วเชียนอธิบายให้กับเธออย่างตั้งอกตั้งใจมาตั้งมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่าเธอจะต้องไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบังอยู่แล้ว “อืม”
พูดจบ เธอก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีก จึงได้เอ่ยพูดกับลี่จิ่วเชียนออกไป “เรื่องนี้ คุณต้องเก็บเป็นความลับ จะบอกคนอื่นไม่ได้นะ”
“คุณยังไม่เชื่อใจผมอีกเหรอ?” ลี่จิ่วเชียนเอียงหัว เอ่ยออกมาพร้อมแสร้งทำเป็นผิดหวังออกมา
ก้นบึ้งภายในใจของมู่น่อนน่อนรู้สึกโล่งอกขึ้นมา แล้วเอ่ยออกมากึ่งๆจริงจัง “มิตรภาพที่เหนียวแน่น แน่นอนว่าเชื่อใจคุณมากที่สุดแล้ว จริงสิ คุณมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสะกดจิตที่รู้จักบ้างมั้ย? แบบคนที่สามารถสะกดจิตคนอื่นจนสูญเสียความทรงจำไปได้จำพวกนั้น”
“ใช่เฉินถิงเซียวจริงๆ?” บนใบหน้าลี่จิ่วเชียนเผยความประหลาดใจออกมา “ชีวิตของคุณกับเฉินถิงเซียวช่างมีสีสันมากเลยจริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...