พนักงานขายจำต้องรับเงินในมือของมู่น่อนน่อนมา
เธอทอนเงินห้าหยวนส่งไปในมือของมู่น่อนน่อน สีหน้าดูแข็งตึงออกมาเล็กน้อย “ค่อยๆเดิน โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ”
มู่น่อนน่อนรับเงินมา เคลื่อนสายตาออกไปโดยไม่ตั้งใจ ก็เห็นมือของพนักงานขายแตะไปที่บริเวณใบหูเล็กน้อย
พนักงานขายเป็นเด็กสาววัยรุ่นผมสั้นคนหนึ่ง เมื่อกี้ตอนที่เธอยกมือขึ้นไปแตะที่ใบหู มู่น่อนน่อนก็เห็นว่าในใบหูของเธอเหมือนกับว่ามีอะไรอุดอยู่เลย
นึกโยงไปถึงตอนที่เพิ่งเข้าห้างมา คนในห้างก็น้อยมากเป็นพิเศษ...
ก้นบึ้งภายในใจของมู่น่อนน่อนเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
เธอได้มองพนักงานขายไปอีกที พลางผันร่างรีบร้อนเดินออกไป
เมื่อกี้ตอนที่เธอเข้าห้างมา เพียงแค่รู้สึกว่าคนในห้างมันน้อยมากเท่านั้น
ในตอนนี้เธอได้ออกมาจากร้านขนมปัง ก็ได้ค้นพบว่าภายในห้างมีคนอยู่เพียงแค่ไม่กี่คนกระจัดกระจายอยู่เป็นหย่อมๆเท่านั้น เงียบเชียบเสียจนดูผิดปกติไปบ้าง
มู่น่อนน่อนเดินไปที่หน้าบันได คิดว่าจะขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อลงไปที่ชั้นหนึ่ง
เธอเพิ่งจะยืนอยู่บนบันไดเลื่อน ก็ได้ยินเสียง “ติ๊ง” ดังชัดขึ้นมาจากทางด้านหลัง
ที่หน้าบันไดของห้าง สิ่งที่อยู่ตรงกับบันไดเลื่อนนั้นเป็นลิฟต์
มู่น่อนน่อนหันหน้าไปโดยอัตโนมัติ ก็เห็นชายสวมชุดสีดำคนหนึ่งเดินออกมาจากลิฟต์ แล้วเดินขึ้นบันไดเลื่อนไป
ชายชุดดำก็เห็นมู่น่อนน่อนด้วยเช่นกัน
เขาสวมหมวกแก๊ปใบหนึ่ง มู่น่อนน่อนมองเห็นสีหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจนนัก แต่สามารถรู้สึกได้ว่าเขากำลังมองเธออยู่
ภายในใจของมู่น่อนน่อนรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรงขึ้นมา
เธอมองไปรอบๆ พบว่ารอบๆเงียบสงัด
แสงไฟภายในห้างส่องสว่าง ร้านค้าที่อยู่รอบๆก็เปิดไฟสว่างไสวออกมาเช่นกัน แต่ไม่มีใครเลยสักคนเดียว
เธอนึกถึงที่ในร้านขนมปังร้านนั้นขึ้นมาได้ เด็กสาวที่ไม่ค่อยจะเหมือนพนักงานขายเท่าไหร่นักคนนั้น เหมือนกับจะเร่งให้เธอรีบๆไปอยู่ตลอด
ส่วนท่าทางระมัดระวังของเด็กสาวคนนั้น มองไปแล้วดูค่อนข้างที่จะเหมือนกับว่าเป็น...ตำรวจ!
ภายในห้างเงียบขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการเคลียร์พื้นที่เอาไว้
เมื่อกี้ตอนที่เธอเข้ามา ก็คงจะกำลังเคลียร์พื้นที่กันอยู่
เธอเป็นคนเขียนบทละครสืบสวนสอบสวน กับสถานการณ์จำพวกนี้มันไม่ได้ผิดหูผิดตาเลย
ในสถานที่ที่มีคนหลั่งไหลเข้ามารวมตัวกันอย่างห้างจำพวกนี้ จู่ๆก็เคลียร์พื้นที่ ปกติแล้วล้วนแล้วแต่จะเป็นการรักษาความปลอดภัยทั้งนั้น
ไม่ใช่ว่ามีคนดังมาแล้ว ก็จะมีคนที่คิดจะก่ออาชญากรรมขึ้นมาที่นี่
ภายในใจของมู่น่อนน่อนมีความคิดจำพวกนี้แวบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่บนใบหน้ากลับไม่ได้แสดงอาการออกมา
มือข้างหนึ่งเธอถือเค้กเอาไว้ มืออีกข้างค้ำยันอยู่บนราวจับบันไดเลื่อน ชายชุดดำที่อยู่ด้านหลังคนนั้น ก็รักษาท่าทางที่เหมือนกับเธอแล้วขึ้นบันไดเลื่อนลงมาชั้นล่างด้วยเหมือนกัน
ชายชุดดำที่อยู่ข้างหลังคนนั้น ไม่เป็นตำรวจ ก็เป็นคนที่จะก่อเหตุที่นี่คนนั้น
บันไดเลื่อนลงมาถึงชั้นหนึ่ง
มู่น่อนน่อนตอนที่ลงจากบันไดเลื่อน ก็แสร้งทำเป็นหันหน้าไปมองผู้ชายคนนั้นไปแวบนึงอย่างไม่ได้ใส่ใจไปอีกที
ชายชุดดำคนนั้นยังคงอยู่บนบันไดเลื่อนไปอย่างช้าๆ ท่าทางดูไม่ได้เร็วเกินไปและก็ไม่ได้เชื่องช้าเกินไป มู่น่อนน่อนกำลังจะหันหน้าไป จู่ๆก็พบว่าชายชุดดำคนนั้นได้ถอดหมวกแก๊ปบนหัวของตัวเองออก พลางฉีกยิ้มมาให้เธอ
รอยยิ้มนั้นมันดูมืดครึ้มทั้งยังดูบ้าคลั่งอีกด้วย
ภายในใจของมู่น่อนน่อนกระตุกขึ้นมาทันที พลางรีบก้าวเดินเข้าไปข้างหน้า วิ่งออกไปทางประตูทางเข้าห้างไปอย่างรวดเร็ว
ตรงชั้นหนึ่งของห้างกว้างขวางมาก แต่บันไดเลื่อนห่างออกมาจากประตูห้างไกลมาก เหมือนกับไม่ว่าเธอจะวิ่งเร็วแค่ไหนก็ยังมีระยะห่างจากประตูทางเข้าอีกยาวไกลอยู่ตลอดเลย
ในตอนนี้ ภายในห้างได้มีเสียงดังผ่านโทรโข่งดังขึ้นมา “สวีลี่ชิง ตอนนี้นายโดนล้อมเอาไว้แล้ว ขอเพียงแค่ตอนนี้นายหยุดไปเสีย พวกเราจะผ่อนปรนความผิดนายให้!”
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้น พบว่ารอบๆไม่รู้ว่ามีกลุ่มตำรวจปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ชายชุดดำที่อยู่ด้านหลังส่งเสียงออกมา “ใครมันจะอยากให้พวกแกผ่อนปรนโทษให้กัน ฉันอยากจะให้พวกแกชิบหายไปด้วยกัน!”
มู่น่อนน่อนรู้สึกได้ว่าเสียงนั้นเหมือนกับว่าจะอยู่ที่ข้างๆใบหูของเธอ เธอหันหน้ากลับไป ก็เห็นชายชุดดำไม่รู้ว่าถอดเสื้อคลุมตัวนอกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มัดระเบิดอยู่ตามลำตัว
ชายชุดดำเห็นมู่น่อนน่อนหันหน้ามา จึงเอ่ยเสียงเหี้ยมออกมา “พวกแกอพยพกลุ่มคนไปแล้วมันยังไงกัน? ไม่ใช่ว่ายังตกอยู่คนนึง ลากสาวสวยคนหนึ่งมาฝังพร้อมกับฉันก็ไม่ขาดทุนเหมือนกันนะ”
เขาพูดออกมา พลางยื่นมือไปดึงเส้นบางเส้นที่อยู่บนร่างตัวเองเอาไว้...
เสียงของตำรวจได้ดังออกมาจากโทรโข่งอีกครั้ง “หมอบลง! รีบหมอบลงเร็ว!”
มู่น่อนน่อนเบิกตากว้างออกมา เอาเค้กในมือโยนไปทางชายชุดดำ หันหน้าพุ่งกระโจนเข้าไปข้างหน้าอย่างกุลีกุจอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...