ตอน บทที่ 426 รักฉันขนาดนั้นเลย? จาก ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 426 รักฉันขนาดนั้นเลย? คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม ที่เขียนโดย Meow(○` 3′○) เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เสิ่นเหลียงได้ยินแล้ว จึงถามออกไปด้วยสีหน้าประหลาดใจออกมา “ตีหนูเหรอ? พ่อของหนูเขาตีหนูเหรอ?”
คำพูดเมื่อกี้คำนั้นของเธอ อันที่จริงก็พูดออกไปอย่างนั้นเท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่าเธอจะคิดว่าเฉินถิงเซียวคนนั้นจะน่ากลัว แต่ว่าจะมองดูยังไงก็ไม่คิดว่าเฉินถิงเซียวจะตีลูกสาวที่มีอายุสามขวบกว่าๆของตัวเองได้
เจ้าก้อนตัวเล็กขนาดนี้ นิ้วมือแตะลงไปสักทีก็ต้องทำไปเบาๆ เขายังลงมือตีลงได้อีก?
เฉินมู่ก้มหน้าลงไป คีบเนื้อซี่โครงชิ้นหนึ่งมา แล้วใช้มือข้างหนึ่งหยิบขึ้นมากัดแทะ พลางส่งเสียงตอบรับออกไปอย่างไม่ชัดเจน “อืม”
“คุณพ่อตีหนูได้ยังไง?” แน่นอนว่ามู่น่อนน่อนจะต้องไม่เชื่อว่าเฉินถิงเซียวจะลงไม้ลงมือกับเฉินมู่อยู่แล้ว
เมื่อก่อนหน้านี้ได้อาศัยอยู่ด้วยกันกับเฉินถิงเซียวในหลายวันนั้น ตอนที่เฉินมู่ทำให้เขาโกรธ อย่างมากเขาก็แค่ชักสีหน้าออกมา
“เขาอย่างนี้...”
เฉินมู่ยกมือขึ้นเตรียมจะไปแตะที่หน้าตัวเอง พบว่าในมือของตัวเองกำลังถือซี่โครงอยู่ แล้วก็วางตะเกียบที่อยู่ในมืออีกข้างหนึ่งลง พลางยื่นมือไปหยิกหน้าของตัวเอง
“เขา...ตีหนูอย่างนี้” คำพูดที่อยู่ท่อนหลัง เธอเน้นน้ำเสียงการพูดให้หนักขึ้นเหมือนกับผู้ใหญ่ตัวน้อย
พูดจบ ก็ไม่ลืมที่จะกัดแทะเนื้อซี่โครงของเธอต่อไปอีก
สาวน้อยฟันแข็งแรงดี มักจะชอบกัดแทะกระดูกอยู่ตลอด
ตอนนี้ แม้แต่มู่น่อนน่อนก็ไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้ แล้วก็ได้หัวเราะตามขึ้นมา
“งั้นครั้งหน้าแม่เจอคุณพ่อ จะช่วยหนูตีเขาให้เอง!” มู่น่อนน่อนยิ้มออกมาพลางพูดกับเธอ
เฉินมู่พยักหน้าออกมาเล็กน้อย “กลับบ้าน”
สีหน้าของมู่น่อนน่อนหม่นลงเล็กน้อย
เธอจึงมีการตอบสนองขึ้นมาในตอนหลัง เฉินมู่คิดถึงเฉินถิงเซียวขึ้นมาแล้ว
ถึงแม้ว่าตอนที่อยู่บ้านเมื่อตอนเที่ยง เฉินถิงเซียวจะระเบิดอารมณ์ใหญ่โตขึ้นที่บ้าน แต่เฉินมู่เป็นเด็กน้อย เด็กน้อยมักจะลืมเร็วอยู่แล้ว
มู่น่อนน่อนไม่ได้ตอบคำพูดของเฉินมู่ออกไป
เฉินมู่เหมือนจะเพียงแค่พูดไปอย่างนั้นเอง พูดจบก็ได้กินข้าวต่อไปอย่างว่านอนสอนง่าย
“เรื่องเมื่อกี้นี้ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ”
เสิ่นเหลียงได้พูดหัวข้อบทสนทนาเมื่อกี้นี้ออกมาต่ออีกครั้ง “ครั้งนั้นที่โรงแรมจีนติ่ง ฉันเห็นบอสใหญ่คลุกข้าวให้มู่มู่ แล้วยังเทน้ำซุปใส่ชามสองชามไปมาเพื่อให้เย็นลง เมื่อตอนนั้นฉันคิดว่าบอสใหญ่ดูอ่อนโยนมากเลย”
แต่ตอนหลัง เฉินถิงเซียวพอได้เอ่ยพูดออกมา ก็ได้กลับไปเป็นแบบเดิมอีกครั้ง
คุณชายใหญ่มู่ก็คงจะเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง แต่ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ เขาก็จะยังเป็นเฉินถิงเซียวที่ทำให้คนอื่นหวาดกลัวจนหัวใจเต้นรัวขึ้นมาคนนั้นอยู่ดี
มู่น่อนน่อนจินตนาการภาพนั้นอยู่ในหัวไปแป๊บนึง
เธอกับเฉินถิงเซียวตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ล้วนเป็นเธอที่เป็นคนดูแลเฉินมู่ทั้งนั้น ไม่เคยเห็นเฉินถิงเซียวดูแลเฉินมู่ตอนกินข้าวยังไงมาก่อนเลย
เพียงแต่ว่า เมื่อคิดไปถึงสถานการณ์ของเฉินถิงเซียวในตอนนี้ หัวใจของมู่น่อนน่อนก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลขึ้นมาอีก
รอจนกินข้าวกันเสร็จแล้ว เธอต้องโทรหาสือเย่เพื่อถามถึงสถานการณ์ของเฉินถิงเซียวสักหน่อย
ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าเฉินถิงเซียวจะส่งผลกระทบถึงเฉินมู่ มู่น่อนน่อนในตอนนี้ก็อยากจะไปหาเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวยังไม่ทันได้โทรไปหาสือเย่ สือเย่ก็ได้โทรเข้ามาเธอ
เห็นสายของสือเย่แล้ว ก้นบึ้งภายในใจของมู่น่อนน่อนอดไม่ได้ที่จะบีบรัดแน่นขึ้นมา
มู่น่อนน่อนวางตะเกียบลง เดินเข้าไปรับสายที่ที่ด้านหนึ่ง
“ผู้ช่วยพิเศษสือ มีอะไรคะ?”
น้ำเสียงของสือเย่ไม่ค่อยจะดีอยู่บ้าง “คุณชายเขากำลังระเบิดอารมณ์ออกมา เมื่อกี้ตอนที่กินข้าว เขาบอกว่าอาหารรสชาติผิดไป...”
ระเบิดอารมณ์ออกมาเพราะว่าอาหารรสชาติผิดไป?
ความทรงจำของเฉินถิงเซียวในตอนนี้หยุดอยู่ที่ประมาณอายุยี่สิบปีล่ะมั้ง?
นึกไม่ถึงว่าเขาเมื่อตอนนั้นจะเป็นคุณชายเจ้าอารมณ์ขนาดนี้
“ตอนนี้ยังปัดของทิ้งอยู่อีกเหรอ?” มู่น่อนน่อนถามออกมา
“ไม่ได้ปัดของทิ้ง...” สือเย่มองคนใช่ที่ยืนอยู่ที่ในห้องโถงใหญ่ไปแวบนึง พลางเอ่ยออกไป “อีกเดี๋ยวก็คงจะโยนคนทิ้งไปแน่”
มู่น่อนน่อนเงียบไปสักพักนึง พลางเอ่ยออกไป “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
เธอวางสายเดินเข้าไป เสิ่นเหลียงเอ่ยถามเธอเสียงเบาออกไป “สายของสือเย่โทรเข้ามา?”
อาหารที่เย็นแล้วโต๊ะหนึ่ง ไม่เคยแตะมาก่อนเลย
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย “คุณอยากกินอะไร ฉันจะทำให้คุณ?”
เฉินถิงเซียวมองเธอเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มออกมา “ตั้งใจเดินทางมาทำอาหารให้ฉันเป็นพิเศษ? รักฉันขนาดนี้เลย?”
มู่น่อนน่อนคร้านจะไปสนใจเฉินถิงเซียว “ไม่พูดฉันจะทำไปตามใจชอบแล้วนะ”
เธอพูดจบ ก็ตรงไปที่ห้องครัว
ดึกมากแล้ว ทำได้แค่เพียงต้มบะหมี่เท่านั้นแหละ
สือเย่โทรมาหาเธอได้ คาดว่าคงจะเป็นเพราะว่า “รู้ว่าเรื่องมันช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้วแต่ก็ยังมีความหวังอยู่”
ภายในใจของมู่น่อนน่อนไม่ค่อยจะแน่ใจเท่าไหร่นัก ว่าเฉินถิงเซียวจะยังชอบกินอาหารที่เธอทำอยู่อีกหรือเปล่า แต่ก็ทำได้แค่เพียงลองดูไปก็เท่านั้น
เพียงไม่นานเธอก็ทำบะหมี่เนื้อหม่าล่าชามหนึ่งเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็ยกออกไป
กลิ่นหอมของน้ำมันพริกลอยฟุ้งออกมา ทำให้เฉินถิงเซียวต้องชำเลืองมองไป
มู่น่อนน่อนเอาบะหมี่วางลงตรงหน้าเฉินถิงเซียว “กินเถอะ”
“แค่ชามเดียว?” เฉินถิงเซียวเลิกตาขึ้นไป ส่งสัญญาณเป็นเชิงให้เธอดูอาหารอื่นๆที่อยู่บนโต๊ะอาหาร
อาหารหลากหลายสไตล์เมนูอื่นๆมองดูสวยงาม วัตถุดิบเองก็เป็นของระดับสูงด้วยเช่นกัน
“บะหมี่ชามหนึ่งไม่พอ?” มู่น่อนน่อนแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายของในคำพูดของเขา เอ่ยพูดออกไป “รอให้คุณกินเสร็จแล้ว ฉันจะต้มให้คุณอีกชามนึง”
เฉินถิงเซียวหรี่ตาลง ผู้หญิงคนนี้จงใจบิดเบือนความหมายจากในคำพูดของเขา ไม่กลัวเขาเลยสักนิด
เขายิ้มเย็นออกมา ชี้นิ้วไปทางคนใดคนหนึ่งไปลวกๆ “เธอ เข้ามากินให้หมด”
คนใช้มองมู่น่อนน่อนไปเป็นเชิงขอโทษ ทำได้แค่เพียงกินบะหมี่ชามนั้นไปอย่างเชื่อฟัง
แต่ฝีมือการทำอาหารของมู่น่อนน่อนดี คนใช้คนนั้นสุดท้ายแล้วก็ดื่มน้ำซุปไปจนเกลี้ยง
เฉินถิงเซียวมองไปทางมู่น่อนน่อนอย่างท้าทาย
มู่น่อนน่อนฉีกยิ้มมุมปากออกมา “ฉันจะไปทำให้คุณอีกชามนึง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...