มู่น่อนน่อนยิ้มออกมา ยิ้มออกมาเสียดูจนใจเป็นอย่างมาก “ทักษะการแสดงของเธอมันเกินจริงเสียขนาดนี้ ผู้คนเขายอมรับกันเหรอ?”
“ชีวิตมั้ยล่ะ ก็ต้องใช้วิธีการพูดเกินจริงสักหน่อยเพื่อมาสื่อถึงความรู้สึกที่อยู่ภายในใจ”
เธอพูดจบ จู่ๆขยิบตาเอ่ยออกมา “เธออยากจะลองพิจารณาดูสักหน่อยมั้ย บทละครต่อไปเตรียมบทบาทให้ฉันสักบทนึง? จำพวกที่เธอสร้างมันออกมาตามความต้องการฉัน ทำให้ฉันมีชื่อเสียงโด่งดังชั่วข้ามคืนไปเลย”
ในปากของเสิ่นเหลียงยังมีโฟมอยู่ ตอนที่พูดคำว่า “ชื่อเสียงโด่งดังชั่วข้ามคืน” คำนี้ออกมา ยังชูแปรงสีฟันขึ้นไปในอากาศโบกไม้โบกมือทำท่าทำทางออกมาสองที
ท่าทางมีความสุข เหมือนกับเด็กคนหนึ่ง
มู่น่อนน่อนตกอยู่ในภวังค์ไปเล็กน้อย
สามปี เหมือนกับไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย
“ได้สิ สร้างบทให้เธอโดยเฉพาะ แต่ไม่รับปากว่าจะสามารถมีชื่อเสียงโด่งดังชั่วข้ามคืนได้ แต่มันจะต้องเหมาะกับเธอแน่” น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนจริงจังมาก
นักแสดงคนหนึ่ง เจอบทบาทที่เหมาะสมกับตัวเองมันก็ไม่ง่ายแล้ว
เสิ่นเหลียงยิ้มพลางเอ่ยออกไป “งั้นก็ตกลงตามนี้”
……
เสิ่นเหลียงหยุดพักผ่อนจริงๆ
มู่น่อนน่อนจะไปหาเฉินจิ่งหยุ้น แน่นอนว่าไม่สามารถพาเฉินมู่ไปด้วยได้
ดังนั้นแล้ว เฉินมู่ทำได้แค่เพียงอยู่เล่นกับเสิ่นเหลียงอยู่ที่บ้านไปอีก
ดีที่เฉินมู่กับเสิ่นเหลียงอยู่ด้วยกันจนค่อนข้างที่จะสนิทกันแล้ว พาเธอไปดูทีวีด้วยกันสักหน่อย และยังสามารถช่วยดูให้มู่น่อนน่อนได้อีกสักพักนึงด้วย
มู่น่อนน่อนกำชับกับเสิ่นเหลียงไปสักหน่อยว่าต้องป้อนน้ำให้เฉินมู่ อย่าให้เธอกินขนมเยอะ แล้วก็ออกจากบ้านไป
วันนี้เป็นวันทำงาน มู่น่อนน่อนตรงไปที่บริษัทเฉินซื่อเพื่อไปหาเฉินจิ่งหยุ้น
เพียงแต่ว่าตอนที่เธอกำลังถามอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ พนักงานประชาสัมพันธ์สาวได้บอกเธอว่า “ท่านรองประธานลาหยุดยาว”
“ลาหยุดยาว? เธอจะจู่ๆก็มาลาหยุดยาวไปกะทันหันได้ยังไงกันน่ะ?” นึกไม่ถึงว่าเฉินจิ่งหยุ้นจะลาหยุดยาวไปในช่วงเวลาแบบนี้ ไม่ว่าจะฟังดูยังไงก็รู้สึกว่ามันผิดปกติไปหมดเลย
พนักงานประชาสัมพันธ์สาวเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยความรู้สึกขอโทษขอโพยออกมา “ขอโทษค่ะ พวกเราเองก็ไม่รู้ชัดด้วยเหมือนกัน”
“ขอบคุณค่ะ” มู่น่อนน่อนเอ่ยขอบคุณออกไป เดินออกไปข้างนอกไปพลาง โทรหาสือเย่ไปพลาง
ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าสือเย่กับเฉินถิงเซียวในตอนนี้กำลังอยู่ในตึกใหญ่หลังนี้ แต่ว่าบริษัทเฉินซื่อไม่ใช่ที่ที่สามารถเข้าไปซี้ซั้วได้ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังต้องขึ้นไปที่ห้องทำงานผู้บริหารที่ชั้นบนสุดเพื่อไปหาเขาอีก
เธอสนใจเพียงแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร ไม่ได้สังเกตเห็นคนที่อยู่ด้านนอกไปชั่วขณะหนึ่ง
ตอนที่รับสาย เธอก็ได้ชนเข้ากับกำแพงคน
เสียงดัง “ผลั่ก” มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าจมูกของตัวเองเจ็บจนไม่เหมือนกับว่าเป็นของตัวเองแล้ว
เธอปิดจมูกของตัวเองเอาไว้ เงยหน้าขึ้นมาด้วยดวงตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตา ก็ได้เห็นใบหน้าเย็นชาที่ไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมานั้นของเฉินถิงเซียวเข้า
มู่น่อนน่อนตะลึงงันไปเล็กน้อย แล้วค่อยๆวางโทรศัพท์ลงไปช้าๆแล้วส่งเสียงเรียกออกไป “เฉินถิงเซียว?”
“เฮอะ!” เฉินถิงเซียวยิ้มเย็นออกมา “ดูท่าแล้วคงประเมินเธอต่ำไป นึกไม่ถึงว่าจะตามกันมาถึงบริษัท”
มู่น่อนน่อน “...” เธอไม่ได้จะมาดักรอเขาเลยจริงๆ
ช่างเถอะ ถึงแม้ว่าเธอจะบอกว่าเธอไม่ได้มาหาเฉินถิงเซียว เฉินถิงเซียวเกรงว่าคงจะไม่มีวันเชื่อเธอแน่
มู่น่อนน่อนตรงเข้าไปยังสือเย่ ถามเขาออกไปเสียงเบา “เฉินจิ่งหยุ้น ไม่ได้มาทำงานที่บริษัทแล้ว?”
สือเย่รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากตรงหน้าตัวเอง เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเฉินถิงเซียว ทำเพียงแค่กัดฟันพูดกับมู่น่อนน่อนออกไป “เธอลาหยุดยาว”
มู่น่อนน่อนถามออกไปอีกว่า “เธออยู่บ้าน? อาศัยอยู่ที่บ้านเก่าเหรอ?”
สือเย่ถูกสายตานั้นมองจ้องจนรู้สึกไม่ดีไปทั้งร่าง แต่ก็ทำได้แค่เพียงตอบคำถามของมู่น่อนน่อนไป “คงจะใช่ครับ”
มู่น่อนน่อนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกไม่ดีของสือเย่
เธอเบือนหน้าหันไปมองเฉินถิงเซียว ก็เห็นว่าเขาได้ถอนสายตากลับไปจากร่างของสือเย่ไปอย่างเป็นธรรมชาติสุดๆ แล้วเดินตรงไปที่หน้าลิฟต์
“คุณหญิงน้อย ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อนนะครับ?” ตอนที่สือเย่พูดนั้น สายตาได้มองไปยังทิศทางที่เฉินถิงเซียวได้เดินออกไปอยู่ตลอด มองไปแล้วดูกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุขออกมาเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...