ตอน บทที่ 435 ความทรงจําขาดหาย แต่อีคิวเพิ่มขึ้น จาก ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 435 ความทรงจําขาดหาย แต่อีคิวเพิ่มขึ้น คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม ที่เขียนโดย Meow(○` 3′○) เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
มู่น่อนน่อนนั่งลงบนโซฟา มองดูเฉินมู่ที่เข้าๆ ออกๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เจอเฉินถิงเซียวมาหลายวันแล้ว
มู่น่อนน่อนจิตใจหดหู่เล็กน้อย ยังไงมันก็ต่างไปจากเมื่อก่อนแล้ว
เมื่อก่อน ตอนที่เธอกับเฉินถิงเซียวไม่ได้อยู่ด้วยกัน เฉินถิงเซียวก็จะโกรธ ที่เธอไม่เริ่มติดต่อหาเขาเอง
แต่ตอนนี้ฉันยุ่งมาหลายวันแล้วไม่ได้ติดต่อไปหาเขาเลย เขาก็จะไม่โทรมาถามเลยสักครั้ง
จิตใจหดหู่ก็จริง มู่น่อนน่อนก็ยังหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาเฉินถิงเซียวทันที
โทรศัพท์โทรติดแล้ว แต่ไม่มีใครรับสาย
มู่น่อนน่อนโทรไปสองครั้งติดต่อกัน แต่ไม่มีใครรับสาย
ในใจของเธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เฉินถิงเซียวคงไม่ได้บล็อกเบอร์เธอไปแล้วหรอกนะ
……
ตึกบริษัทเฉินซื่อ
ในห้องประชุม เฉินถิงเซียวนั่งอยู่ตำแหน่งประธาน และคณะกรรมการระดับสูงก็นั่งลงรองลงไป
เฉินถิงเซียวมองไปที่แฟ้มเอกสารในมือ คิ้วของเขาขมวดแน่น
คนข้างล่างไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไร
สือเย่ยืนอยู่ข้างหลังเขา ยืนก้มหน้าก้มตา เหมือนทำอะไรผิดมา
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของเฉินถิงเซียวก็ดังขึ้นมา
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือที่ดังทำลายบรรยากาศเงียบสงบในห้องประชุมไปทันที
สายตาของบรรดาคณะกรรมการระดับสูงที่อยู่ด้านล่าง ทุกคนต่างก็พากันมองไปที่โทรศัพท์มือถือของเฉินถิงเซียว
สือเย่ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา แอบเหลือบตามอง เขาจึงเห็นชื่อของผู้โทรปรากฏขึ้นมาบนโทรศัพท์อย่างชัดเจน “ผู้หญิงหน้าด้าน”
สือเย่คิดเพียงวินาทีเดียว ก็รู้ว่านี่เป็นชื่อเรียกที่เฉินถิงเซียวใช้เรียกมู่น่อนน่อน
หน้าด้าน……
ไม่รู้ว่าใครหน้าด้านกว่ากัน
เฉินถิงเซียวไม่ได้รับสายในทันที เขาเอาแต่จ้องไปที่โทรศัพท์มือถือที่ยังดังไม่หยุด
เมื่อก่อนถ้าเฉินถิงเซียวเห็นว่ามู่น่อนน่อนโทรมาจะรีบกดรับสายทันที แต่ตอนนี้มันกลับแตกต่างกันลิบลับ
จนโทรศัพท์วางสายไปอัตโนมัติ เฉินถิงเซียวก็ยังไม่ยอมรับสายอยู่ดี
สือเย่ไม่เข้าใจว่าเฉินถิงเซียวคิดอะไรอยู่
ถ้าเฉินถิงเซียวไม่รู้สึกอะไรกับมู่น่อนน่อนเลย ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะให้โอกาสมู่น่อนน่อนโทรมาหาเขา
แต่ถ้ารู้สึกอะไรกับเธอ ทำไมถึงไม่รับสายล่ะ?
หรือว่าเขาคิดจะใช้กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ?
สือเย่ตกตะลึงกับความคิดของตัวเอง
เฉินถิงเซียวคนก่อน ไม่มีทางใช้แผนการที่ซับซ้อนวุ่นวายแบบนี้ ถ้าเขาชอบก็จะแย่งมาอย่างเอาแต่ใจ ถ้าไม่ชอบก็จะผลักออกไปให้ไกลจากตัวเอง
นี่เฉินถิงเซียวความทรงจําขาดหาย แต่อีคิวเพิ่มขึ้นอย่างนั้นเหรอ?
โทรศัพท์เงียบเสียงลง หน้าจอก็ดับลง เฉินถิงเซียวจึงถอนสายตากลับมา แล้วมองเอกสารที่อยู่ข้างหน้าเขาอีกครั้ง
แต่ไม่นาน โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
โทรมาอีกแล้วเหรอ?
เขาก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าผู้หญิงหน้าด้านคนนั้น จะโทรมาได้สักกี่ครั้ง
แต่ว่า ยังไม่ทันที่เขาจะสามารถทดสอบได้ว่ามู่น่อนน่อนจะโทรมาได้อีกกี่ครั้ง เขากลับพบว่าตัวเองแทบอยากจะรับสายแล้ว
หลายวันมานี้มู่น่อนน่อนไม่ได้มาหาเขาเลย และไม่ได้ติดต่อมาหาเขาเลยด้วย
นี่เป็นการกระทําของผู้หญิงที่อยากจะแต่งงานกับเขาใหม่จริงๆ เหรอ?
ถ้าหากเธออยากจะแต่งงานกับเขาใหม่จริงๆ เธอไม่ควรจะฉวยโอกาสทุกโอกาสเพื่อมาเอาใจเขาเหรอ
แต่มู่น่อนน่อนคนนี้ กลับมาทำก๋วยเตี๋ยวให้เขากินแค่ชามเดียว
วันต่อมาเป็นเขาที่ไปหาเธอ แต่เธอกลับพูดบางอย่างที่น่าฟังออกมา แล้วไม่สนใจเขาอีก?
ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้!
มู่น่อนน่อนโทรมาอีกแล้วเหรอ?
เฉินถิงเซียวขมวดคิ้วครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็ก้มลงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากถังขยะ
แต่ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอกลับไม่ใช่ “ผู้หญิงหน้าด้าน”
เฉินถิงเซียวสีหน้าบูดบึ้ง แล้วกดรับสาย “กู้จือหยั่น นายโทรหาฉันเจอทางที่ดีควรจะเป็นธุระสำคัญ ไม่อย่างนั้น...”
เขาพูดไม่จบ ก่อนจะส่งเสียงเหอะออกมาอย่างเย็นชา
การพูดแค่ครึ่งเดียว ทำให้ฟังดูน่ากลัวมาก
ผ่านไปครึ่งทางมันดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
กู้จือหยั่นไม่รู้ว่าเขาไปทำให้เฉินถิงเซียวอารมณ์เสียตั้งแต่เมื่อไหร่
อารมณ์ของเฉินถิงเซียวนั้นไม่แน่ไม่นอน ครั้งที่แล้วเขาอุตส่าห์พยายามจนเฉินถิงเซียวยอมตกลง ที่จะให้เขาไปกินและดื่มที่บ้านของตนเอง แต่แค่พริบตาเดียว เฉินถิงเซียวก็กลับมาเป็นแบบนี้อีกแล้ว...
พอคิดได้แบบนี้ กู้จือหยั่นก็สบายใจขึ้น
กู้จือหยั่นตรงเข้าหัวข้อ “น่อนน่อนย้ายบ้านแล้ว เธอบอกว่าจะเชิญทุกคนไปกินเลี้ยง นายจะไปด้วยกันไหม”
มู่น่อนน่อนเพิ่งโทรหาเขา แล้วบอกว่าเฉินถิงเซียวไม่รับสายของเธอ ขอให้เขาช่วยโทรหาดู เขาคิดไม่ถึงว่าเฉินถิงเซียวจะรับสายของเขาจริงๆ
ถ้าเป็นการใช้คำที่นิยมใช้บนอินเทอร์เน็ต เฉินถิงเซียวกำลังหาที่ตาย
น่อนน่อน? เรียกซะสนิทสนมกันถึงขนาดนี้!
เฉินถิงเซียวถามอย่างเย็นชา “คุณสนิทสนมกับมู่น่อนน่อนมากหรือไง”
กู้จือหยั่นมีไหวพริบเร็วมาก เขาสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของเฉินถิงเซียวผิดปกติไป จึงรีบพูดอธิบายเพื่อที่จะเอาตัวรอดอย่างรวดเร็ว “...ไม่สนิท แต่ที่รักของฉันสนิทกับเธอมาก”
เฉินถิงเซียวเลิกคิ้วขึ้น “นายแต่งงานไปตอนไหน?”
กู้จือหยั่นรู้สึกว่า เฉินถิงเซียวกำลังพูดแทงใจดำเขามาก
ระหว่างเขากับเสิ่นเหลียง ไม่สามารถพูดได้ว่ามีปัญหา แต่กลับเหมือนมีบางอย่างขวางกั้นระหว่างพวกเขาไว้
กู้จือหยั่นกุมหน้าอกของตัวเอง “...ยังไม่ได้แต่งงาน แค่เรียกให้หัวใจได้ชุ่มชื่น”
เฉินถิงเซียวยังคงพูดแทงใจดำเขาต่อ “การแต่งงานมันดีตรงไหน มู่น่อนน่อนเอาแต่ไล่ตามฉัน อยากจะแต่งงานกับฉันใหม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...