ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 460

สรุปบท บทที่ 460 ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณก็หุบปากซะ: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ตอน บทที่ 460 ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณก็หุบปากซะ จาก ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 460 ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณก็หุบปากซะ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม ที่เขียนโดย Meow(○` 3′○) เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

มู่น่อนน่อนทานข้าว แล้วก็หันไปมองเฉินถิงเซียว

ถึงแม้ว่าเฉินถิงเซียวจะไม่ได้มองไปที่เธอ แต่ก็รับรู้ถึงสายตาของเธอที่ต้องมา

เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “ถ้ามีอะไรก็พูด”

“มู่มู่ไปอยู่กับคุณ คุณรู้สึกคุ้นเคยไหม?” มู่น่อนน่อนวางตะเกียบลง ก่อนที่จะถามออกไป

เฉินถิงเซียวไม่ได้ตอบคำถามโดยตรง เขาถามกลับไปว่า“ถ้าผมบอกว่าไม่คุ้นเคย คุณจะรับตัวเธอกลับมาไหม?”

มู่น่อนน่อนถามอย่างลังเลว่า “…ไม่คุ้นเคยจริงๆ เหรอ?”

ครั้งนี้เฉินถิงเซียวตอบคำถามของเธออย่างจริงจัง

“เมื่อเทียบกับคุณแล้ว เด็กน้อยคนนั้นทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยได้ง่ายกว่าคุณ”

เวลาเขาพูดให้ความรู้สึกเหมือนมีบางอย่างซ่อนอยู่ในคำพูดของเขา

โชคดีที่มู่น่อนน่อนรู้สึกคุ้นเคยกับการพูดแบบนี้ของเขานานแล้ว

ความหมายในคำพูดของเขาก็คือ…เขาเข้ากับเฉินมู่ได้ง่ายกว่า?

มู่น่อนน่อนถามเขา “การเข้ากับฉันมันยากมากเลยเหรอ?”

เมื่อก่อน เธอก็เคยคิดว่าหลังจากที่มีลูกแล้ว เฉินถิงเซียวจะเป็นคุณพ่อในรูปแบบไหนกัน

เธอคิดว่า เฉินถิงเซียวที่มีนิสัยเย็นชาแบบนี้ น่าจะไม่สามารถเข้ากับเด็กน้อยได้

แต่ในความเป็นจริงยืนยันแล้วว่า เขาเข้ากับเด็กน้อยไม่ได้จริงๆ แต่ว่า สิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้เฉินมู่เลิกชอบเขา หรือไม่อยากเข้าใกล้เขา

“เดี๋ยวสักพักคุณก็อยากแต่งงานกับผมมีครั้ง เดี๋ยวสักพักคุณก็ไม่พัวพันกับคนรักคนแรกของคุณ มันวุ่นวายมากๆ”

ตอนที่เฉินถิงเซียวพูดคำพูดพวกนี้ เขาไม่เงยหน้าขึ้นมาเลย เขาพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนกับว่าเขาเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจมานานแล้ว

มู่น่อนน่อนรู้ว่าเขายังพูดไม่จบ เธอก็เลยเงียบและรอให้เขาพูดประโยคหลังออกมา

“เด็กน้อยคนนั้นไม่เหมือนกับคุณ แค่ให้ลูกอมเธอซักสองเม็ดหรือเปิดการ์ตูนให้เธอดู เธอก็เชื่อฟังมากๆแล้ว” หลังจากเฉินถิงเซียวพูดจบ เขาก็เงยหน้ามองไปที่เธอ

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ในแววตาของเขาก็ยังมีความรู้สึกรังเกียจที่มีต่อเธออย่างเห็นได้ชัด

มู่น่อนน่อนขยับปาก ก่อนที่จะอธิบายให้เขาฟังอย่างอดทน “ฉันรู้จักกับเสิ่นชูหานมานานแล้ว ฉันเคยชอบเขา แต่…”

เธอยังไม่ทันได้พูดจบ เธอก็ได้ยินเสียงพูดที่เย็นชาของเฉินถิงเซียว “เหอะ ยอมรับแล้วสิ?”

“คุณฟังฉันให้จบก่อนได้ไหม?” นิสัยเขาที่ชอบพูดตัดบทคนอื่น เมื่อไหร่เขาจะแก้นิสัยนี้สักที?

เฉินถิงเซียวยกยิ้มมุกปาก สีหน้าของเขาดูราบเรียบ “ถ้าปล่อยให้คุณพูดจนจบ ข้าวมื้อนี้ก็คงทานต่อไปไม่ได้แล้ว”

มู่น่อนน่อนสงสัย “หมายความว่ายังไง?”

เฉินถิงเซียวพูดด้วยใบหน้าที่ดูจริงจัง “ที่แท้คุณก็ไม่ได้ตั้งใจจะเรียกให้ผมมาทานข้าวนี่เอง แต่คุณตั้งใจเรียกผมให้มาฟังเรื่องคนรักคนแรกของคุณเพื่อยั่วโมโหผม”

มู่น่อนน่อนพูดประหลาดใจ “…ฉันจงใจไปยั่วโมโหคุณตอนไหนกัน?”

“ผมไม่อยากจะได้ยินคำว่าเสิ่นชูหานออกมาจากปากของคนอีก ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณก็หุบปากซะ” เขาพูดเน้นย้ำทีละคำ น้ำเสียงเขาก็ฟังดูเข้มงวดมาก

มู่น่อนน่อนตกใจจนรีบเงียบทันที

หลังจากที่เฉินถิงเซียวพูดจบ เขาก็ก้มหน้าลงทานข่าวต่อ

เขาทานอาหารได้เยอะมาก เหมือนเมื่อก่อนเลย เขาจะคีบกับข้าวทุกเมนูทีละน้อย จากนั้นก็จะทำอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมา

แม้แต่ทานข้าว เขาก็มีท่าทีที่ดูจริงจังเหมือนกับตอนที่กำลังทำงานเลย

อือ ไม่อยากจะได้ยินคำว่าเสิ่นชูหานออกมาจากปากของเธอ คือเขาหึงเหรอ?

ในใจมู่น่อนน่อนคิดแบบนี้ แต่เธอก็ไม่มั่นใจเลย

เฉินถิงเซียวเห็นว่ามู่น่อนน่อนไม่ยอมพูดสักที เขาคิดว่าเธอโกรธที่เขาพูดมาครู่นี้ เขาจึงหันไปมองที่เธอก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย เขาถามเธอว่า “ทำไมต้องส่งมู่มู่ไปอยู่กับผม?”

มู่น่อนน่อนถาม “คุณไม่ชอบเธอเหรอ?”

“ผมสงสัยอยู่ว่าสือเย่กำลังโกหกผมหรือเปล่า เมื่อก่อนผมชอบผู้หญิงที่ในสมองคิดอะไรอ้อมไปอ้อมมาแบบนี้จริงเหรอ?” ในแววตาของเฉินถิงเซียวมีความโมโหแอบแฝงอยู่

น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนก็ไม่ได้น่าฟังนัก “อะไรที่เรียกว่าผู้หญิงที่ในสมองคิดอ้อมไปอ้อมมา? ถ้าอยากจะชมฉันว่าฉลาดก็พูดมาตรงๆ เลย”

เฉินถิงเซียวไม่อยากจะพูดเรื่องนี้กับเธอต่อไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงจะโดนเธอพาออกนอกเรื่องแน่ๆ

เขาพูดเข้าเรื่องทันที “เดือนที่แล้ว คุณอยู่กับลี่จิ่วเชียนและก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นหนึ่งครั้ง และสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็เพราะว่ามีคนตัดสายเบรก”

ตอนที่เขาพูดอยู่ เขาจ้องตรงไปที่ดวงตาของมู่น่อนน่อน เพื่อไม่ให้เธอมีโอกาสหลบหลีกหรือพูดโกหก

หลังจากความประหลาดใจที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ เธอก็พยักหน้า “ใช่ มันเป็นอย่างนั้นแหละ”

เรื่องนี้เธอไม่เคยเล่าให้เฉินถิงเซียวฟัง เฉินถิงเซียวน่าจะเป็นคนที่ไปตรวจสอบเอง

ท้ายที่สุดแล้วเฉินถิงเซียวก็เป็นคนที่ฉลาดและรอบคอบ ที่มู่น่อนน่อนเอาเฉินมู่ไปอยู่กับเขา และยังรับปากอีกว่าจะไม่รับเธอกลับมา ตอนแรกมันก็น่าสงสัยอยู่แล้ว เขาก็เลยไปตรวจสอบเรื่องนี้

พื้นที่ในการใช้ชีวิตของมู่น่อนน่อนก็มีแค่นั้น เรื่องผิดปกติที่เกิดขึ้นบนตัวเธอ ก็สามารถตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย

เฉินถิงเซียวมองตรงไปที่ตาของเธอ ก่อนจะพูดอย่างไม่เร่งรีบว่า “ผู้หญิงที่ชื่อมู่หวั่นขีเป็นคนทำ เธอเป็นพี่สาวคนละแม่กับคุณ เธอก็ไม่ถูกกับคุณมาโดยตลอด ที่สำคัญเธอก็เป็นคู่หมั้นของผมในตอนแรก คนที่เธอรักก็คือซือเฉิงหยู้”

หลังจากพูดจบ เขาก็จ้องมองไปที่มู่น่อนน่อน

ในเมื่อเขาพูดมาขนาดนี้แล้ว มู่น่อนน่อนก็ไม่มีเรื่องอะไรที่จะปิดบังเขาได้อีก

“อืม” เธอพยักหน้าและพูดว่า “เธอรักซือเฉิงหยู้มากๆ เธอคิดว่า ที่ซือเฉิงหยู้ต้องตาย ก็เพราะคุณกับฉันเป็นคนทำ ดังนั้นเธอก็เลยหาโอกาสแก้แค้นให้กับซือเฉิงหยู้มาโดยตลอด”

เฉินถิงเซียวหัวเราะอย่างเยือกเย็น น้ำเสียงของเขาดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “จะแก้แค้นยังไง? จะฆ่าพวกเราให้ตายเหรอ?”

จากนั้น เขาก็พูดอีกว่า “ลี่จิ่วเชียนก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร คนชั่วอย่างมู่หวั่นขี สุดท้ายก็ถูกประกันตัวออกไป”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม