มู่น่อนน่อนพลิกมือไปกุมมือของเฉินถิงเซียวเอาไว้
เฉินถิงเซียวหันหน้ามามองเธอ น้ำเสียงต่างไปจากสีหน้าที่แสดงออกมาของเขา ทุ้มต่ำแต่ก็ยังมีความอ่อนโยนแผ่ออกมา “เป็นอะไร?”
เขาไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้จริงๆ คลุมเครือกันระหว่างภาพของเฉินถิงเซียวเมื่อสามปีก่อนอยู่บ้าง
แม้ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไม่ดี แต่ตอนที่เผชิญหน้ากับเธอ ก็จะยับยั้งอารมณ์ของตัวเองเอาไว้
มู่น่อนน่อนถามเขาออกไป “คุณวางแผนที่จะทำยังไงต่อไป?”
เฉินถิงเซียวประสานไปพร้อมกับฝีเท้าของเธอ ผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง ริมฝีปากแสยะออกมาแต่กลับไม่เห็นรอยยิ้มเผยออกมา “ไม่ทำอะไร เขาอยู่บ้านเก่ามาสามปีแล้ว ผมพาเขาออกมาเจอคนสักหน่อย”
มู่น่อนน่อนไหนเลยจะไม่เข้าใจ เฉินถิงเซียวก็คืออยากจะทรมานเฉินชิงเฟิง
เรื่องที่เฉินชิงเฟิงยิ่งไม่อยากจะทำเท่าไหร่ เฉินถิงเซียวก็ยิ่งอยากให้เขาทำ
……
ความสามารถให้การดำเนินการของเฉินถิงเซียวสุดยอดมาก
วันที่สองหลังจากที่ไปเจอเฉินชิงเฟิงเสร็จ เฉินถิงเซียวก็ให้คนปล่อยข่าวออกไปว่าจะจัดงานเลี้ยง
สถานที่ของงานเลี้ยงได้เลือกจัดที่โรงแรมเจ็ดดาวแห่งหนึ่ง เป็นโรงแรมที่เมื่อก่อนเฉินชิงเฟิงชอบมาอยู่บ่อยๆ
งานเลี้ยงที่เขาให้มู่น่อนน่อนมาเข้าร่วมเมื่อตอนนั้น ก็อยู่ที่โรงแรมนี้ด้วยเหมือนกันพอดี
สือเย่พอได้ยินว่าเฉินถิงเซียวต้องการจะจัดงานเลี้ยงขึ้น ก็ได้ถามออกไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลสุดๆ “คุณชาย ทำไมจู่ๆคุณก็นึกอยากจะจัดงานเลี้ยงขึ้นมาครับ?”
เขายังจำได้ว่าครั้งที่แล้วเฉินถิงเซียวบอกว่าจะจัดงานเลี้ยง เฉินถิงเซียวจู่ๆก็นึกอยากจะเตรียมงานเลี้ยงขึ้นมา แต่ผลสุดท้ายยังไม่ทันงานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นเลย เฉินถิงเซียวก็ไปหามู่น่อนน่อนเสียแล้ว
สุดท้ายก็ยังคงเป็นสือเย่คอยอยู่จัดการแก้ปัญหาในตอนหลัง จัดการเรื่องงานเลี้ยงไปพลาง และก็ต้องจัดการงานที่บริษัทไปพลาง หลายวันนั้นยุ่งจนเท้าแทบไม่อยู่แตะพื้นเลย และเหลือทิ้งเงามืดไว้ให้สือเย่
ครั้งนี้เฉินถิงเซียวมีความคิดอยากจะจัดงานเลี้ยงขึ้นมาอีก สือเย่จะต้องอยากถามออกไปให้ชัดเจนก่อนอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
เฉินถิงเซียวได้ยินแล้ว ดวงตาได้หรี่ลงเล็กน้อย มองไปทางสือเย่ด้วยใบหน้าที่ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมา
สือเย่รู้ดีว่าคำถามนี้ของตน ถามได้เกินความจำเป็นอยู่บ้าง จึงเอ่ยพูดออกไปด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ผมก็แค่...”
แต่เฉินถิงเซียวในตอนนี้กลับยิ้มเย็นเอ่ยขัดคำพูดของเขาออกมา “เฉินชิงเฟิงอุดอู้อยู่ในบ้านเก่ามาสามปีแล้ว ในฐานะที่เป็นลูกชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขา ฉันจัดงานเลี้ยงมางานนึงเพื่อพาเขาออกมาครื้นเครงสนุกสนานสักหน่อย นายคิดว่าเป็นยังไง?”
“เพียงคนเดียว” คำนี้ เฉินถิงเซียวตั้งใจเน้นน้ำเสียงลงไป น้ำเสียงของเขาเบาและเนิบช้า ฟังไปแล้วยิ่งดูเหมือนว่าจะมีความรู้สึกมืดครึ้มเสียจนน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย
สือเย่ตื่นตระหนกสุดๆขึ้นมา พลางสั่นสะท้านออกมา
“ผมคิดว่า...ดีมากเลยครับ”
“ไปเถอะ” เฉินถิงเซียวยกมือขึ้นมาเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้เขาไปจัดการ
สือเย่รีบผันร่างเดินไปด้านนอกทันที เดินไปพลาง ปาดเช็ดเหงื่อเย็นที่ไหลอาบออกมาไปพลาง
คุณชายเดี๋ยวก็เสียความทรงจำเดี๋ยวก็ฟื้นความทรงจำกลับมาบ้างอีกครั้ง ทำเอาตัวเขาแปลกประหลาดไปหมดแล้ว นับวันจะคาดเดาไม่ออกขึ้นมาเรื่อยๆแล้ว
หลังจากที่สือเย่ออกไป เฉินถิงเซียวได้พิงเข้ากับพนักเก้าอี้ ไม่มีการเคลื่อนไหวอยู่นาน
กำหนดเวลาของงานเลี้ยงอยู่ที่เย็นวันศุกร์
มู่น่อนน่อนออกไปเจอกับฉินสุ่ยซานเพื่อคุยเรื่องบทละครกัน หลังจากที่คุยกันเสร็จแล้ว ฉินสุ่ยซานพูดถึงเรื่องงานเลี้ยงขึ้นมาด้วย
ฉินสุ่ยซานถามเธอ “คุณได้รับจดหมายเชิญของงานเลี้ยงแล้วหรือยัง?”
มู่น่อนน่อนส่ายหน้าออกไป “ยังเลย”
หลังจากที่ออกมาจากบ้านเก่าเมื่อวันนั้น มู่น่อนน่อนสามารถมองความคิดของเฉินถิงเซียวออกรางๆ แต่เธอก็ไม่ได้ถามให้ละเอียดออกไปเช่นกัน
สองวันนี้เฉินถิงเซียวยุ่งอยู่กับงาน เธอยุ่งอยู่กับการเขียนบทละคร ทั้งสองคนถึงแม้ว่าจะอยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น แต่คำพูดที่พูดคุยกันไม่ได้เยอะเลย
เธอกับเฉินถิงเซียวอยู่ด้วยกันไปอย่างกลมเกลียวกันมากเช่นกัน เดิมทีเธอนึกว่าหลังจากวันนั้น เฉินถิงเซียวจะโวยวายจะย้ายมานอนด้วยกันที่ในห้องเธอ แต่เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น
เธอคาดเดาความคิดที่อยู่ภายในใจของเฉินถิงเซียวไม่ออกอยู่บ้าง
ไม่ว่าเฉินถิงเซียวจะมีความคิดอะไรกับเธอ หรือว่าเฉินถิงเซียวมีความคิดอะไรต่อเรื่องที่เขาต้องการจะทำในช่วงนี้บ้าง มู่น่อนน่อนก็คาดเดาไม่ออกเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...