ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 499

สรุปบท บทที่ 499 ฉันสามารถพาเธอเข้าไปได้!: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ตอน บทที่ 499 ฉันสามารถพาเธอเข้าไปได้! จาก ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 499 ฉันสามารถพาเธอเข้าไปได้! คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม ที่เขียนโดย Meow(○` 3′○) เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

มู่น่อนน่อนพลิกมือไปกุมมือของเฉินถิงเซียวเอาไว้

เฉินถิงเซียวหันหน้ามามองเธอ น้ำเสียงต่างไปจากสีหน้าที่แสดงออกมาของเขา ทุ้มต่ำแต่ก็ยังมีความอ่อนโยนแผ่ออกมา “เป็นอะไร?”

เขาไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้จริงๆ คลุมเครือกันระหว่างภาพของเฉินถิงเซียวเมื่อสามปีก่อนอยู่บ้าง

แม้ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไม่ดี แต่ตอนที่เผชิญหน้ากับเธอ ก็จะยับยั้งอารมณ์ของตัวเองเอาไว้

มู่น่อนน่อนถามเขาออกไป “คุณวางแผนที่จะทำยังไงต่อไป?”

เฉินถิงเซียวประสานไปพร้อมกับฝีเท้าของเธอ ผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง ริมฝีปากแสยะออกมาแต่กลับไม่เห็นรอยยิ้มเผยออกมา “ไม่ทำอะไร เขาอยู่บ้านเก่ามาสามปีแล้ว ผมพาเขาออกมาเจอคนสักหน่อย”

มู่น่อนน่อนไหนเลยจะไม่เข้าใจ เฉินถิงเซียวก็คืออยากจะทรมานเฉินชิงเฟิง

เรื่องที่เฉินชิงเฟิงยิ่งไม่อยากจะทำเท่าไหร่ เฉินถิงเซียวก็ยิ่งอยากให้เขาทำ

……

ความสามารถให้การดำเนินการของเฉินถิงเซียวสุดยอดมาก

วันที่สองหลังจากที่ไปเจอเฉินชิงเฟิงเสร็จ เฉินถิงเซียวก็ให้คนปล่อยข่าวออกไปว่าจะจัดงานเลี้ยง

สถานที่ของงานเลี้ยงได้เลือกจัดที่โรงแรมเจ็ดดาวแห่งหนึ่ง เป็นโรงแรมที่เมื่อก่อนเฉินชิงเฟิงชอบมาอยู่บ่อยๆ

งานเลี้ยงที่เขาให้มู่น่อนน่อนมาเข้าร่วมเมื่อตอนนั้น ก็อยู่ที่โรงแรมนี้ด้วยเหมือนกันพอดี

สือเย่พอได้ยินว่าเฉินถิงเซียวต้องการจะจัดงานเลี้ยงขึ้น ก็ได้ถามออกไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลสุดๆ “คุณชาย ทำไมจู่ๆคุณก็นึกอยากจะจัดงานเลี้ยงขึ้นมาครับ?”

เขายังจำได้ว่าครั้งที่แล้วเฉินถิงเซียวบอกว่าจะจัดงานเลี้ยง เฉินถิงเซียวจู่ๆก็นึกอยากจะเตรียมงานเลี้ยงขึ้นมา แต่ผลสุดท้ายยังไม่ทันงานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นเลย เฉินถิงเซียวก็ไปหามู่น่อนน่อนเสียแล้ว

สุดท้ายก็ยังคงเป็นสือเย่คอยอยู่จัดการแก้ปัญหาในตอนหลัง จัดการเรื่องงานเลี้ยงไปพลาง และก็ต้องจัดการงานที่บริษัทไปพลาง หลายวันนั้นยุ่งจนเท้าแทบไม่อยู่แตะพื้นเลย และเหลือทิ้งเงามืดไว้ให้สือเย่

ครั้งนี้เฉินถิงเซียวมีความคิดอยากจะจัดงานเลี้ยงขึ้นมาอีก สือเย่จะต้องอยากถามออกไปให้ชัดเจนก่อนอย่างแน่นอนอยู่แล้ว

เฉินถิงเซียวได้ยินแล้ว ดวงตาได้หรี่ลงเล็กน้อย มองไปทางสือเย่ด้วยใบหน้าที่ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมา

สือเย่รู้ดีว่าคำถามนี้ของตน ถามได้เกินความจำเป็นอยู่บ้าง จึงเอ่ยพูดออกไปด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ผมก็แค่...”

แต่เฉินถิงเซียวในตอนนี้กลับยิ้มเย็นเอ่ยขัดคำพูดของเขาออกมา “เฉินชิงเฟิงอุดอู้อยู่ในบ้านเก่ามาสามปีแล้ว ในฐานะที่เป็นลูกชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขา ฉันจัดงานเลี้ยงมางานนึงเพื่อพาเขาออกมาครื้นเครงสนุกสนานสักหน่อย นายคิดว่าเป็นยังไง?”

“เพียงคนเดียว” คำนี้ เฉินถิงเซียวตั้งใจเน้นน้ำเสียงลงไป น้ำเสียงของเขาเบาและเนิบช้า ฟังไปแล้วยิ่งดูเหมือนว่าจะมีความรู้สึกมืดครึ้มเสียจนน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย

สือเย่ตื่นตระหนกสุดๆขึ้นมา พลางสั่นสะท้านออกมา

“ผมคิดว่า...ดีมากเลยครับ”

“ไปเถอะ” เฉินถิงเซียวยกมือขึ้นมาเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้เขาไปจัดการ

สือเย่รีบผันร่างเดินไปด้านนอกทันที เดินไปพลาง ปาดเช็ดเหงื่อเย็นที่ไหลอาบออกมาไปพลาง

คุณชายเดี๋ยวก็เสียความทรงจำเดี๋ยวก็ฟื้นความทรงจำกลับมาบ้างอีกครั้ง ทำเอาตัวเขาแปลกประหลาดไปหมดแล้ว นับวันจะคาดเดาไม่ออกขึ้นมาเรื่อยๆแล้ว

หลังจากที่สือเย่ออกไป เฉินถิงเซียวได้พิงเข้ากับพนักเก้าอี้ ไม่มีการเคลื่อนไหวอยู่นาน

กำหนดเวลาของงานเลี้ยงอยู่ที่เย็นวันศุกร์

มู่น่อนน่อนออกไปเจอกับฉินสุ่ยซานเพื่อคุยเรื่องบทละครกัน หลังจากที่คุยกันเสร็จแล้ว ฉินสุ่ยซานพูดถึงเรื่องงานเลี้ยงขึ้นมาด้วย

ฉินสุ่ยซานถามเธอ “คุณได้รับจดหมายเชิญของงานเลี้ยงแล้วหรือยัง?”

มู่น่อนน่อนส่ายหน้าออกไป “ยังเลย”

หลังจากที่ออกมาจากบ้านเก่าเมื่อวันนั้น มู่น่อนน่อนสามารถมองความคิดของเฉินถิงเซียวออกรางๆ แต่เธอก็ไม่ได้ถามให้ละเอียดออกไปเช่นกัน

สองวันนี้เฉินถิงเซียวยุ่งอยู่กับงาน เธอยุ่งอยู่กับการเขียนบทละคร ทั้งสองคนถึงแม้ว่าจะอยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น แต่คำพูดที่พูดคุยกันไม่ได้เยอะเลย

เธอกับเฉินถิงเซียวอยู่ด้วยกันไปอย่างกลมเกลียวกันมากเช่นกัน เดิมทีเธอนึกว่าหลังจากวันนั้น เฉินถิงเซียวจะโวยวายจะย้ายมานอนด้วยกันที่ในห้องเธอ แต่เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น

เธอคาดเดาความคิดที่อยู่ภายในใจของเฉินถิงเซียวไม่ออกอยู่บ้าง

ไม่ว่าเฉินถิงเซียวจะมีความคิดอะไรกับเธอ หรือว่าเฉินถิงเซียวมีความคิดอะไรต่อเรื่องที่เขาต้องการจะทำในช่วงนี้บ้าง มู่น่อนน่อนก็คาดเดาไม่ออกเลย

“เก็บขึ้นมา”

หลังจากนั้นก็เป็นเสียงไม่พอใจของเฉินมู่ “หนูไม่เอา...”

ทางปลายสายเงียบไปสักพักนึง การคาดเดาของมู่น่อนน่อนก็คือเฉินถิงเซียวกำลังส่งสายตาข่มขู่ลูกสาวของเขาไปอีก

เพราะว่าวินาทีต่อมา ในสายก็มีเสียงยอมๆไปเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งเหมือนกับผู้ใหญ่ตัวน้อยของเฉินมู่ดังขึ้นมา “เอาเถอะ”

“มีอะไร?”

มู่น่อนน่อนที่ได้เงี่ยหูฟังเสียงจากทางฝั่งนั้นมาโดยตลอด จนกระทั่งเสียงของเฉินถิงเซียวได้ดังชัดเจนออกมาจากในโทรศัพท์ เธออ้ำอึ้งอยู่แป๊บนึงถึงจะได้พูดออกไป “ฉันทำงานเสร็จแล้ว ฉันจะเข้าไปรับมู่มู่กลับไปแล้วกัน”

“อืม”

เฉินถิงเซียวเองก็ไม่ได้ถามออกมามากมายเช่นกัน แล้วก็วางสายไปเลย

ตอนที่มู่น่อนน่อนขับรถมา สือเย่ก็ได้พาเฉินมู่ออกมาแล้ว

สือเย่เป็นคนที่ระมัดระวังมากคนนึง เขาพาเฉินมู่ยืนรอมู่น่อนน่อนอยู่ตรงตำแหน่งที่ไม่เป็นที่สะดุดตาที่หนึ่ง

เฉินมู่พอเห็นมู่น่อนน่อน ก็ได้ก้าวขาเล็กสั้นวิ่งเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว “คุณแม่!”

มู่น่อนน่อนรับเธอเอาไว้ เงยหน้าขึ้นมองไปทางสือเย่

“คุณหญิง” สือเย่เดินเข้ามาหา พยักหน้ามาให้เธอเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบจดหมายเชิญงานเลี้ยงใบหนึ่งออกมาให้มู่น่อนน่อน “มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะไหว้วานคุณหญิงสักหน่อยครับ”

มู่น่อนน่อนมองจดหมายเชิญในมือเขาไปแวบนึง พลางถามออกไป “เรื่องอะไร?”

“รบกวนคุณหญิงช่วยเอาจดหมายเชิญนี้ไปให้คุณลี่จิ่วเชียนหน่อยครับ” น้ำเสียงของสือเย่จริงใจเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเพียงแค่กำลังไหว้วานมู่น่อนน่อนให้ช่วยเป็นธุระให้เขาสักหน่อยเท่านั้นจริงๆ

ภายในใจของมู่น่อนน่อนเหมือนอย่างกับกระจกก็ไม่ปาน เรื่องจำพวกนี้ ถ้าไม่ใช่ความต้องการของเฉินถิงเซียว สือเย่ไหนเลยจะมาให้เธอช่วย

สือเย่เป็นคนที่มีขอบเขตมากคนนึง เคารพนับถือต่อเธอกับเฉินถิงเซียวเป็นอย่างมาก ประสิทธิภาพในการทำงานของเขาก็ดีมากเลยด้วย การส่งจดหมายเชิญเรื่องจำพวกนี้มันก็ไม่ได้มีความยากเย็นอะไรเลยด้วย ถ้าไม่เพราะเฉินถิงเซียวแจ้งเจตนารมณ์ให้ไปทำอย่างนี้ สือเย่ไหนเลยจะมาหาให้เธอช่วยกัน?

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือไม่มีการแจ้งเจตนารมณ์จากเฉินถิงเซียวให้ไปทำอย่างนี้ สือเย่ก็ไม่กล้ามาให้เธอทำเรื่องเล็กๆน้อยๆจำพวกนี้หรอก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม