ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 506

มู่น่อนน่อนเหลือบมองไปอีกทาง แต่ยังปฏิเสธเสียงแข็ง “เขาไม่ได้มองมาทางฉันนี่”

เสิ่นเหลียงส่งเสียง “ชิ” และพูดออกมา “เขาไม่ได้มองแก หรือว่าเขากำลังมองฉันอยู่เหรอไง?”

“มั้ง” มู่น่อนน่อนตอบตามปกติ

เสิ่นเหลียง “…”

เฉินถิงเซียวมองมาทางมู่น่อนน่อนอย่างเดียว และเข็นเฉินชิงเฟิงไปทางด้านหน้าต่อเรื่อย ๆ

หลังจากที่เขาพูดสั่งการกับสือเย่ไปไม่กี่ประโยค ก็นั่งลงทันที

สือเย่กล่าวเปิดพิธีอยู่หลายประโยค เพื่อเป็นการกล่าวเปิดงาน

เขาพูดจบ จึงสังเกตเห็นมู่น่อนน่อนทันที

เขาหันตัวและกระซิบพูดกับเฉินถิงเซียว “คุณชาย นายหญิงน้อยก็มาร่วมงานด้วย”

“มาก็มาสิ ไม่เกี่ยวกับผมนี่” เฉินถิงเซียวหยิบแก้วแชมเปญขึ้นมา พลันมองต่ำลง น้ำเสียงเย็นชาสุดขั้ว

จนทำให้สือเย่พลันคิดถึงคำพูดหนึ่งขึ้นมา ผู้ร้ายปากแข็ง

เวลานี้ จู่ ๆ พลันมีเสียงฮือฮาดังขึ้น

แม้ว่าเสียงฮือฮาไม่เสียงดังเท่ากับตอนที่เฉินถิงเซียวมาถึง แต่ก็ไม่สามารถทำให้คนเพิกเฉยไปได้

“ใครเหรอนั่น?”

“ได้ข่าวว่าเป็นว่าที่ภรรยาของคุณชายเฉิน!”

“ถึงแม้ข่าวจะพูดแบบนี้ แต่คุณชายเฉินก็ไม่เคยตอบรับอย่างเป็นทางการ ทั้งสองคนไม่ได้จัดงานหมั้นหมายด้วยซ้ำ”

“จะเป็นไปได้ยังไง ข่าวว่ากันว่าทั้งสองคนมีลูกสาวด้วยกันคนหนึ่งแล้ว...”

“ไปฟังใครมาเหรอ นี่มันเรื่องจริงใช่ไหม?”

“……”

มู่น่อนน่อนเอียงหูฟัง เพื่อฟังที่ผู้หญิงหลายคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่

ตอนที่ได้ยินเนื้อหาที่พวกเธอกำลังคุยกันอยู่นั้น ก็พ่นลมหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาทันที

เสิ่นเหลียงไม่ทันสังเกตว่าผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้พูดเรื่องอะไรบ้าง แต่เห็นสีหน้าของมู่น่อนน่อนไม่มีความสงสัยใดๆ เลย จึงออกปากถามทันที “อะไรเหรอ?”

“ซูเหมียนเข้ามาในงานแล้ว” มู่น่อนน่อนวางแก้วแชมเปญที่อยู่ในมือลงด้านข้าง พร้อมทั้งจัดระเบียบชุดราตรีของตัวเองเล็กน้อย “ฉันไปเติมหน้า”

“ฉันไปกับแกด้วยนะ”

“ไม่ต้องเลย”

มู่น่อนน่อนเดินเข้าห้องน้ำแบบหัวเดียวกระเทียมลีบ

เธอยืนอยู่หน้ากระจก พร้อมทั้งค่อยๆ เติมหน้าอย่างตั้งใจ และมั่นใจว่าเติมหน้าได้สวยหมดจดแล้วจนไม่มีใครเทียบ ถึงได้เดินถือกระเป๋าออกจากห้องน้ำ

จังหวะนั้นเอง เมื่อเธอเดินออกไปก็เจอลี่จิ่วเชียนทันที

“น่อนน่อนเหรอ?”

ลี่จิ่วเชียนเห็นเธอก่อน และเอ่ยปากเรียกรั้งเธอเอาไว้ทันที

มู่น่อนน่อนหันกลับไป พร้อมทั้งตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยขึ้น “เพิ่งมาถึงเหรอคะ?”

“ครับ เพิ่งถึง เมื่อครู่ไม่เห็นคุณตอนอยู่ในห้องบอลรูม ยังคิดเลยว่าคุณคงไม่มานะเนี่ย” ลี่จิ่วเชียนสาวเท้ามาทางด้านหน้า เพื่อเดินให้ทันฝีเท้าของเธอ

จากนั้น เขาก็เดิมเสมอกับมู่น่อนน่อน และค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ

“เมื่อครู่ไปห้องน้ำมาค่ะ”

มู่น่อนน่อนกับลี่จิ่วเชียนเดินเคียงข้างกัน เข้าไปในบอลรูมจัดงานเลี้ยง

ตอนที่พวกเขากลับเข้ามาในบอลรูมจัดเลี้ยงนั้น คนในงานก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ต่างจับกลุ่มกันพูดคุยกัน

ตรงไหนที่มีคนเยอะที่สุด แน่นอนว่าต้องอยู่ข้างๆ เฉินถิงเซียวอย่างแน่นอน

รอบตัวเฉินถิงเซียวมีคนล้อมรอบอยู่ไม่น้อยเลย คนที่นั่งของข้างเขาก็คือเฉินชิงเฟิง

เฉินชิงเฟิงยังคงนั่งอยู่บนรถเข็น พลางเม้มริมฝีปากไม่ยอมพูดยอมจา สีหน้าเคร่งขรึม มีคนเดินไปพร้อมทั้งกล่าวทักตามมารยาทว่า “คุณเฉิน” เขาก็ตอบรับพร้อมกับเฉินถิงเซียว

ลี่จิ่วเชียนมองมาทางมู่น่อนน่อน พลันยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแทรกอาการเยาะเย้ยทันที “ขอแค่เป็นมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ต่างมองถึงผลประโยชน์ว่าใครมีประโยชน์มากกว่ากัน จึงเห็นความจำเป็นในการสานสัมพันธ์”

อดีตตอนที่เฉินชิงเฟิงเป็นคนมีอำนาจในตระกูลเฉินนั้น คนเหล่านี้ต่างสานสัมพันธ์กับเฉินชิงเฟิง แต่ตอนนี้เฉินถิงเซียวดำรงตำแหน่งเป็นประธานของบริษัทเฉินซื่อ

พวกเขาคงลืมไปแล้วว่าหลังจากเกิดคดีลักพาตัวในปีนั้น แล้วพวกเขาพูดถึงเฉินถิงเซียวที่รอดชีวิตมาได้ว่าอย่างไรบ้าง

หัวใจของคนเราอ่อนแอก็อะไรทั้งสิ้น แต่ก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด

“ฟังจากน้ำเสียงคุณแล้ว เหมือนจะเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้อย่างถ่องแท้” มู่น่อนน่อนหันกลับไปมองลี่จิ่วเชียน พลันมีการสอบถามอยู่ในน้ำเสียงนั้นด้วย “ถึงอย่างไร ดูเหมือนคุณจะเข้าใจในตระกูลเฉินเป็นอย่างดี”

รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของลี่จิ่วเชียนแข็งทื่อทันที จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติตามเดิม “เหรอ?”

มู่น่อนน่อนจ้องมองเขาอยู่นาน จากนั้นถึงได้ถามกลับ “คำพูดที่คุณพูดก่อนหน้านี้มันจริงหรือเปล่า? ที่คุณพูดว่าเคยช่วยชีวิตฉัน ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลย”

แม้ว่ามู่น่อนน่อนยอมเชื่อลี่จิ่วเชียนไปตามสัญชาตญาณได้ที่ไม่ได้ไตร่ตรองก่อน ทว่าการที่ลี่จิ่วเชียนสามารถหาตัวเธอกับเฉินถิงเซียวบนเขาเจอได้ในตอนแรก เรื่องนี้ถือว่าน่าสงสัยอยู่บ้าง

ลี่จิ่วเชียนไม่ได้ตอบคำถามของเธอทันที แต่ย้อนถามกลับแทน “นี่คุณกำลังสงสัยในตัวผมอยู่ใช่ไหม?”

มู่น่อนน่อนยื่นมือออกไปหยิบน้ำผลไม้มาแก้วหนึ่งบนถาดที่พนักงานถือมา พลางจิบเล็กน้อยและพูดต่อ “คุณใช้เวลาอันสั้นในการหาตำแหน่งฉันกับเฉินถิงเซียวเจอ แสดงให้เห็นว่าคุณคอยให้คนจับตามองฉันอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าคุณทำเพื่อทดแทนบุญคุณ หรือคำนึงถึงความปลอดภัยของฉันก็ตาม คุณไม่รู้สึกว่ามันเกินไปไหม?”

มู่น่อนน่อนหันไปมองลี่จิ่วเชียน ด้วยแววตาคมเฉียบเชือดเฉือน

เธอไม่ใช่คนที่เชื่อใจลี่จิ่วเชียนจนโงหัวไม่ขึ้น

ก็เหมือนกับที่พวกของสือเย่คอยพร่ำพูดอยู่ตลอด ลี่จิ่วเชียนเป็นคนไม่มีประวัติความเป็นมา เขามีบุญกับเธอ แต่ว่าบนตัวเขาซ่อนความลับไว้เยอะแยะ ซึ่งมันคนละเรื่องกัน มู่น่อนน่อนแยกแยะอย่างชัดเจน

ลี่จิ่วเชียนยิ้มให้เธอเล็กน้อย ใบหน้าไม่มีอาการเขินอายที่ถูกมู่น่อนน่อนพูดจี้จุดสักนิด “ในเมื่อคุณไม่ยินดี ต่อไปผมจะไม่ทำเช่นนั้นอีก”

เมื่อเขาพูดจบ ก็เหลือบมองไปทางเฉินถิงเซียว น้ำเสียงแสดงความสนอกสนใจออกมา “แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณและเฉินถิงเซียวเหรอ?”

มู่น่อนน่อนหันกลับมามองเขาอีกรอบ จึงเห็นซูเหมียนเดินมาหยุดทางด้านหน้าของเฉินถิงเซียวไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่และกำลังพูดคุยกับเฉินถิงเซียวอยู่

เฉินถิงเซียวที่กำลังนั่งอยู่ ส่วนซูเหมียนยืนคุยกับเขา เธอขวางทางเฉินถิงเซียวเอาไว้ ส่วนมู่น่อนน่อนจึงมองไม่เห็นสีหน้าความรู้สึกของเฉินถิงเซียวในเวลานี้แล้ว

มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าซูเหมียนกับเฉินถิงเซียวกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่บ้าง แต่กลับรู้สึกว่าตกใจอยู่บ้าง เพราะเฉินถิงเซียวตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่ซูเหมียนที่กำลังพูดคุยกับเขา

อดีตที่ผ่านมาสามปี สื่อมวลชนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันมาตลอดว่าซูเหมียนเป็นว่าที่ภรรยาของเฉินถิงเซียว ส่วนเฉินถิงเซียวนั้นก็ไม่ได้ออกมาปฏิเสธมาตลอด

ดังนั้น แท้จริงแล้วผู้คนต่างยอมรับกันแล้วว่าซูเหมียนเป็นว่าที่ภรรยาของเฉินถิงเซียวไปแล้ว

แม้ว่าไม่มีการหมั้นหมายกันเลย อย่างน้อยระหว่างคนสองคนก็มีความสัมพันธ์กัน

“ฉันพูดแล้วนะว่าอีนังจิ้งจอกต้องการใช้เต้าไต่หาท่านประธานใหญ่เพื่อเลื่อยขา...” เสิ่นเหลียงเดินเข้ามาหา จนคำว่า “เตียง” ยังไม่ได้พูดออกมาด้วยซ้ำ ตอนที่เห็นลี่จิ่วเชียนอยู่ด้านข้างมู่น่อนน่อนนั้น พลันเงียบปากทันที

ลี่จิ่วเชียนเหลือบมองเสิ่นเหลียง พลันพยักหน้าให้เล็กน้อยและยิ้มตอบอย่างมีมารยาท

เสิ่นเหลียงเองก็ยิ้มตอบตามมารยาท จากนั้นก็เขยิบเข้าหามู่น่อนน่อนพร้อมทั้งถามโดยใช้เสียงแค่สองคนได้ยินเท่านั้น “เกิดอะไรขึ้น ลี่จิ่วเชียนมาได้ยังไง?”

“เฉินถิงเซียวเชิญเขามานะสิ” มู่น่อนน่อนเผลอพูดออกมาอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย

แม้ว่าคำพูดของเธอนั้นจะพูดกับเสิ่นเหลียงก็ตาม แววตากลับจ้องมองไปทางที่เฉินถิงเซียวอยู่ตรงนั้นแทน

เสิ่นเหลียงหันกลับมา จึงเห็นซูเหมียนนั่งอยู่ด้านข้างเฉินถิงเซียว แม้ว่าทั้งสองคนไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันก็ตาม แต่การที่เฉินถิงเซียวให้ซูเหมียนมานั่งอยู่ด้านข้างเขานั้น มันก็สื่อความหมายเป็นนัยแล้ว

เสิ่นเหลียงอัดอั้นอยู่นาน พลันหลุดปากพูดสุภาษิตออกมา “หญิงก็ร้ายชายก็เลว!”

“มาตั้งนานขนาดนี้แล้ว ควรจะเข้าไปทักทายได้แล้วนะ” มู่น่อนน่อนพูดจบ พลางยื่นมือออกไปเกี่ยวแขนลี่จิ่วเชียน “ไปด้วยกันไหมคะ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม