ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 507

สรุปบท จำเป็นต้องทำถึงขั้นนี้ไหม: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

สรุปตอน จำเป็นต้องทำถึงขั้นนี้ไหม – จากเรื่อง ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○)

ตอน จำเป็นต้องทำถึงขั้นนี้ไหม ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดยนักเขียน Meow(○` 3′○) เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“ฉันขอเข้าไปก่อนนะ”

สายตาของมู่น่อนน่อนจับจ้องมาที่ตัวของเฉินถิงเซียว ตอนที่เธอพูดออกมาก็ไม่ได้ละสายตาเลยด้วยซ้ำ แต่เสิ่นเหลียงรู้ดีว่า มู่น่อนน่อนกำลังพูดกับเธอ

“ขอตัวก่อนครับ” ลี่จิ่วเชียนพยักหน้าให้เสิ่นเหลียง และเดินไปพร้อมมู่น่อนน่อนเพื่อมุ่งหน้าไปทางเฉินถิงเซียว

เสิ่นเหลียงเบิกตาโต พลันมองมู่น่อนน่อนที่คล้องแขนลี่จิ่วเชียนตามจริง พลันเดินมุ่งหน้าไปทางเฉินถิงเซียว จนเธอเกิดอาการตัวแข็งทื่อ

เธอกระซิบพูดเกลี้ยกล่อม “น่อนน่อน?นี่แกจะทำอะไร?”

โดยปกติความจริงมู่น่อนน่อนเป็นคนที่โอนอ่อนเป็นพิเศษ แต่ตอนที่โดนยั่งอารมณ์ให้โกรธจริงๆ นั้น จึงเริ่มแสดงพฤติกรรมในทางตรงกันข้ามกันแทน

เห็นได้อย่างชัดเจน การทะเลาะกันของเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนในครั้งนี้มันไม่ใช่ธรรมดาเลย

ส่วนเฉินถิงเซียวให้ซูเหมียนนั่งอยู่ด้านข้างนั้น มู่น่อนน่อนก็โกรธขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว ดังนั้นถึงได้ลากลี่จิ่วเชียนให้เดินไปพร้อมกัน

เสิ่นเหลียงรู้สึกว่าพฤติกรรมเช่นนี้ความจริงแล้วมันค่อนข้างปัญญาอ่อนอยู่บ้าง

แต่พอคิดถึงตอนที่เฉินถิงเซียวเห็นพวกเขาสองคนเข้าไปหาแล้ว อาจจะแสดงอากัปกิริยาระเบิดอารมณ์ดั่งสายฟ้าฟาด และต้องรู้สึกเจ็บจี๊ดอยู่บ้าง

มู่น่อนน่อนได้ยินคำพูดของเสิ่นเหลียงแล้ว พลันหันไปยิ้มปลอบใจให้เธอ เพื่อส่งสื่อความหมายว่าเธอมีขีดจำกัด

เสิ่นเหลียงเห็นภาพนั้นแล้ว ได้แต่ยอมแพ้ พร้อมทั้งแฝงตัวเข้าไปท่ามกลางฝูงชนมุ่งหน้าไปทางนั้น เพื่ออยากไปดูเรื่องสนุกๆด้วย

เมื่อครู่มู่น่อนน่อนยืนอยู่มุมห้องพร้อมกับเสิ่นเหลียง คนที่อยู่ในงานมัวแต่สนใจในตัวเฉินถิงเซียว เลยไม่มีใครมองเห็นเธอ

ทว่าตอนนี้เธอเดินออกมาจากมุมห้องแล้ว แถมยังเดินตรงแน่วมุ่งหน้าไปทางเฉินถิงเซียว ดังนั้นจึงเรียกความสนใจจากคนที่อยู่ด้านข้าง

“ผู้หญิงคนนั้นคือใครกัน? สวยมาก?”

“ดูคุ้นตาจัง”

“ไอ้หยา นั้นมันไม่ใช่มู่น่อนน่อนอดีตภรรยาของคุณชายเฉินเหรอ? นี่พวกแกจำเธอไม่ได้ตอนที่เธอเข้ามาเหรอ?”

“คนที่เคยตกเป็นประเด็นข่าวคนนั้นอะนะ?”

“ฉันว่าผู้หญิงคนนี้หน้าด้านเกินทน หย่ากับท่านประธานเฉินไปสามปีแล้ว แถมคุณชายเฉินยังมีว่าที่ภรรยาคนใหม่แล้ว แล้วยังหน้าด้านหน้าทนจับไม่ยอมปล่อย...”

“คุณชายเฉินตั้งใจจัดงานเลี้ยงในครั้งนี้เป็นพิเศษ เพื่อพาพ่อของเขาออกงาน และเรียกว่าที่ภรรยาของเขามาด้วย นี่ไม่ใช่เป็นการออกหน้าให้เธอเหรอ?”

“งั้นฉันก็หมดโอกาสแล้วสิ?”

“ฉันว่านะ...”

มู่น่อนน่อนคล้องแขนลี่จิ่วเชียนเอาไง้ แถมเดินมุ่งหน้าโดยที่ไม่ละสายตาสักนิด

คำพูดเหล่านี้ที่พวกเธอพูดออกมา เธอได้ยินอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ

ผู้หญิงเหล่านี้กำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เธอก็ย่อมรู้ดีเช่นเดียวกัน

การได้อยู่ในฐานะคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เธอชัดเจนกับเรื่องที่สุดแล้ว คำพูดของพวกเธอย่อมไม่ส่งผลกระทบกับเธอ

หลังจากที่ซูเหมียนนั่งอยู่ด้านข้างของเฉินถิงเซียวแล้ว และคอยกระซิบกระซาบพูดอะไรอยู่ตลอดเวลา

แม้ว่าอายุ 30 ปีแล้วก็ตาม แต่ซูเหมียนก็บำรุงดูแลผิวพรรณเป็นอย่างดีมาก และนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างมีมารยาทแถมสง่างามจนกลายเป็นภาพวิวที่สวยงามอย่างหนึ่ง

เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไรกับเธอมากนัก แต่สีหน้าก็มองไม่ออกถึงความกระวนกระวายใดๆที่อยู่บนใบหน้า อารมณ์เย็นชาก็ไม่แตกต่างไปจากกับปกติ

แค่ ตอนที่เขาเบนสายตามาจึงเห็นว่ามู่น่อนน่อนเดินคล้องแขนลี่จิ่วเชียนและมุ่งหน้าเดินมาหาเขา นัยน์ตาที่ไร้ความรู้สึกของเขาแต่เดิมนั้นหดตัวลงทันที

เดิมก็เป็นนัยน์ตาที่เข้มอยู่แล้ว แวบเดียวกลับดำมืดพัดโหมอยู่ด้านใน

ทั้งสองคนสบกันอยู่ห่าง ๆ จากนั้นก็เบนสายตาหนีไปเป็นปริยาย

มู่น่อนน่อนก้มศีรษะลง พลันคลี่ยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่แสดงความรู้สึก

เฉินถิงเซียวไม่ใช่คนจำพวกชอบยิ้มอะไร เรื่องที่ทำให้เขาดีใจจนหลุดยิ้มออกมานั้นน้อยมาก แต่ที่มากกว่านั้น คือการที่เขาโมโหที่สุดจนต้องยิ้มออกมา

ดูเหมือนว่าภาพที่อยู่ตรงด้านหน้าไม่มีอะไรที่ดีใจเป็นพิเศษ ที่ทำให้เขายิ้มออกนี่

มู่น่อนน่อนยิ้มตอบกลับ “ทำไมเหรอ? คุณเฉินรู้จักฉันเหรอคะ?”

พูดจบ เธอก็กดคางลง “ต้องการให้ฉันแนะนำตนเองสักหน่อยไหม?”

สือเย่ที่เพิ่งจะช่วยต้อนรับแขกเหรื่อ ตอนที่เขาเห็นมู่น่อนน่อนเข้ามานั้น ก็รีบเดินเข้ามาหาทันที

เมื่อเขาเดินมาถึงและมองเห็น จึงรู้สึกได้ว่าบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนมันผิดปกติไป บวกกับคำพูดคำจาของมู่น่อนน่อน เขาได้แต่แอบร้องไห้อยู่ในใจ

เฉินถิงเซียวไม่ได้เป็นคนเอ่ยปากพูดก่อนในตอนแรก สือเย่เห็นแล้วยิ่งร้อนใจอยู่บ้าง ตอนที่เตรียมจะพูดนั้น แต่กลับถูกเฉินถิงเซียวทำตาแข็งใส่แทน

เฉินถิงเซียวใช้สายตาตักเตือนอย่างเห็นได้อย่างชัดเจน เขาไม่อนุญาตให้สือเย่เข้ามายุ่ง

จากนั้น เขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้น พลันมองมู่น่อนน่อนจากสูงลงต่ำ น้ำเสียงเย็นชาราวกับกำลังพูดอยู่กับคนแปลกหน้า “เรื่องแนะนำตัวคงไม่ต้องหรอก เมื่อครู่คิดออกแล้วว่าคุณคือใคร”

ตอนนี้มู่น่อนน่อนก็ยังคล้องแขนลี่จิ่วเชียนเอาไว้ เมื่อได้ยินคำพูดคำจาของเฉินถิงเซียวแล้ว เธอลงแรงอย่างไม่รู้ตัว จนแขนของลี่จิ่วเชียนถูกเธอรวบจนเจ็บ แต่เขาก็ยังขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา

ในตอนนี้ความสนใจของมู่น่อนน่อนอยู่บนตัวของเฉินถิงเซียวทั้งหมด แต่ไม่ได้สังเกตลี่จิ่วเชียนสักนิด

เมื่อครู่เฉินถิงเซียวเอาแต่นั่งอยู่ ส่วนเธอยืนอยู่ ทว่าอาจเป็นเพราะปัจจัยในการมองชะเง้อมอง ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกกดดันเป็นพิเศษ

แต่ตอนนี้เฉินถิงเซียวลุกขึ้นยืนแล้ว เธอจึงเงยศีรษะขึ้นเพื่อจะมองหน้าของเขาได้ ภายใต้การกดดันจากความสูง ออร่าที่ติดตัวอย่างเป็นธรรมชาติที่อยู่บนตัวเขาแผ่รัศมีออกมา

นั่นเป็นรัศมีของเฉินถิงเซียวเฉพาะตัว

ทั้งเย็นชา ทั้งเด็ดขาด

มู่น่อนน่อนร่นถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว “เหรอ? งั้นก็ดี”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม