เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไรเลย พลันมองต่ำลง สายตาจับจ้องไปยังท่อนแขนของมู่น่อนน่อนที่คล้องแขนลี่จิ่วเชียนอยู่
ลี่จิ่วเชียนค่อยๆ ช้อนตาขึ้น รอยยิ้มอันแสนอบอุ่นที่อยู่บนใบหน้ากับภาคภูมิใจแต่ไม่มีพลังการโจมตีสักนิด จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างง่ายๆ “คุณเฉิน”
น้ำเสียงอันเรียบเฉย ราวกับมีความรู้สึกอื่นๆ ปะปนอยู่
เฉินถิงเซียวคลี่ยิ้ม ความโค้งของมุมปากเย็นชาผิดปกติ
สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ตัวของมู่น่อนน่อน
ถ้าต้องการจะให้พูดออกมาไม่ได้ มู่น่อนน่อนยังคงหวาดกลัวเฉินถิงเซียวอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เฉินถิงเซียวในเวลานี้
แต่ว่า ชีวิตคนเรามักก้าวเดินไปด้านหน้าเสมอ
ฉะนั้น มู่น่อนน่อนเกี่ยวแขนลี่จิ่วเชียนเอาไว้ และเหนี่ยวเพิ่มแรงให้มากขึ้น เพื่อให้คนสองคนได้ใกล้ชิดมากขึ้นไปอีกขั้น
ซูเหมียนที่นั่งไม่พูดไม่จาอยู่ด้านข้างเฉินถิงเซียวอยู่ตลอด แต่กลับลุกขึ้นพรวดขึ้นมาอย่างกะทันหัน และเดินมายืนอยู่ข้างกายเฉินถิงเซียว และยิ้มแย้มพูดออกมา “ไม่คิดเลยว่าเฉินถิงเซียวจะเชิญคุณมาด้วยเหมือนกัน ถ้ารู้ตั้งแต่แรกฉันก็ควรจะไปทักทายกับคุณ จะได้ไม่ให้พวกคุณต้องเดินมา”
ซูเหมียนในวัยอายุ 30 ปีแล้ว ดูและช่างไม่แตกต่างกับซูเหมียนเมื่อสามปีที่แล้ว
เมื่อพูดแล้ว นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มู่น่อนน่อนพูดกับซูเหมียนในรอบสามปี
การที่ซูเหมียนสามารถเป็นเพื่อนกับเฉินจิ่งหยุ้นได้ ย่อมไม่ใช่ตัวละครธรรมดาแน่นอน
ซูเหมียนจงใจใช้คำพูดกลายเป็นว่าเฉินถิงเซียวเป็นคนไปเชิญมู่น่อนน่อน การแสดงออกของเฉินถิงเซียวเมื่อครู่นี้คือจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามู่น่อนน่อนเป็นใครกัน และนี่เป็นการเปลี่ยนแนวคิดเพื่อบอกให้ทุกคนได้ทราบว่า การที่มู่น่อนน่อนมาในครั้งนี้ไม่ใช่มาดีแน่
อีกทั้ง เธอยังใช้น้ำเสียงแกมตัวเองเป็นนางเอกตอนพูดออกมา
สรุปแล้วซูเหมียนไม่ใช่ลูกสาวที่ถูกเลี้ยงดูแบบคนปกติทั่วไป เพราะเธอจัดการเรื่องราวได้อย่างเป็นผู้ใหญ่และระมัดระวังมากจนเห็นได้อย่างชัดเจน
เพียงแค่พูดลอยลมออกมาไม่กี่ประโยค แต่สามารถทำให้มู่น่อนน่อนอับอายได้
ยังไม่ทันให้มู่น่อนน่อนพูดตอบมา ลี่จิ่วเชียนก็หัวเราะตอบกลับไปแทน “คุณผู้หญิงท่านนี้คงยังไม่ทราบ เดิมคุณเฉินตั้งใจเรียนเชิญผมให้มาร่วมงานเลี้ยง แต่ว่าเป็นห่วงว่าน่อนน่อนจะเบื่อกับการอยู่คนเดียว เลยพาเธอมาด้วยครับ”
เมื่อครู่ซูเหมียนไม่เคยได้สังเกตลี่จิ่วเชียนสักเท่าไหร่ เพราะถึงอย่างไร นอกจากเฉินถิงเซียวแล้ว เธอยังไม่เคยมองผู้ชายคนอื่นเลย
แต่เมื่อได้ยินเสียงลี่จิ่วเชียนพูดขึ้นมา ถึงได้หันหน้าไปมองเขา
เธอใช้สายตากวาดตาพิจารณามองลี่จิ่วเชียน จนแววตาทอประกายอาการดูถูกออกมา
สำหรับเธอแล้ว แม้ว่าลี่จิ่วเชียนจะหน้าตาไม่เลวก็ตาม นิสัยก็ไม่ได้ย่ำแย่ แต่ยังทิ้งแถวเฉินถิงเซียวอยู่ไกลโข
ซูเหมียนยื่นมือขึ้นลูบผมตัวเองเล็กน้อย พลันยิ้มให้อย่างเป็นทางการ น้ำเสียงช่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”
มู่น่อนน่อนจ้องมองทุกการกระทำของของซูเหมียน
ผู้หญิงที่มีภูมิหลังเช่นซูเหมียน เรื่องที่จะมาดูถูกเธอกับลี่จิ่วเชียน เธอสามารถเข้าใจได้
เพราะถึงอย่างไรก็มักมีคนใช้เรื่องฐานะทางบ้านกับสิ่งของภายนอกมาเปรียบเทียบกัน เพื่อแสดงความโดดเด่นของตนเอง แสดงตัวเองสูงส่งอยู่บนหิ้งเหนือกว่าคนอื่นอีกชั้น
มู่น่อนน่อนหัวเราะแห้งๆ และพูดสื่อความหมายเป็นนัย “สิ่งที่คุณหนูซูไม่รู้เรื่องนั้นมีอีกเยอะ มีเวลาก็คอยถามคุณเฉินบ้างนะคะ”
สัญญาการแต่งงานระหว่างซูเหมียนกับเฉินถิงเซียว ต่างเป็นข่าวลือหนาหูมาตลอด เมื่อครู่ตอนเธอนั่งอยู่ด้านข้างเฉินถิงเซียวนั้น สำหรับคนอื่นมองมาแล้ว นี่เป็นการนั่งที่เป็นการบอกถึงความสัมพันธ์ถึงคนสองคน
แต่มู่น่อนน่อนกับซูเหมียนต่างรู้อย่างชัดเจนดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
โดยปกติแล้ว อย่าไปเอ่ยถึงซูเหมียนว่าจะคุยกับเฉินถิงเซียวเลย ขนาดจะเจอหน้าเจอตากันยังไม่ง่ายเลย
คำพูดอันเหน็บแนมของมู่น่อนน่อน มีแค่ตัวของซูเหมียนที่จะเข้าใจ
รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของซูเหมียนแปรเปลี่ยนเป็นฝืนกลั้นแทน “พูดอีกก็ถูกอีก แต่ว่า ปกติฉันกับเฉินถิงเซียวทำงานยุ่งมาก คงไม่ต้องให้คนนอกมาวิตกกังวลกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้หรอกค่ะ”
เรื่องเล็กน้อยของคนนอกเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...