คนอื่น ๆ ที่ดูการแสดงละครดีๆ จบแล้ว เมื่อเห็นมู่น่อนน่อนกับซูเหมียนเดินไปแล้ว ดังนั้นเลยไม่มีเหตุผลให้มุงดูอีกแล้ว
ยังมีคนอยู่อีกหนึ่งส่วนที่อยากจะพูดคุยกับเฉินถิงเซียวต่อ แต่เมื่อมองสีหน้าไม่สู้ดีของเขาแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าเขยิบเข้าหาอีกเลย
หลังจากคนพวกนี้สลายตัวไปแล้ว เฉินถิงเซียวหันหน้าไปทางเฉินชิงเฟิง
ตอนนี้เหลือแค่พวกเขาสองคน เวลาพูดจาก็ไม่ต้องคำนึงถึงอะไรแล้ว
เฉินชิงเฟิงมองเขาด้วยอาการเยาะเย้ย รอยยิ้มแปลกประหลาดอย่างผิดปกติ “พวกเราเป็นคนเหมือนกัน เวลาฉันไม่ได้สิ่งของอะไร แกก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน”
เฉินชิงเฟิงเคียดแค้นมาชั่วชีวิต จนสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย
เขาตั้งตัวเป็นศัตรูกับเฉินถิงเซียวมาตั้งแต่แรกแล้ว สำหรับความรู้สึกจงเกลียดจงชังและความอาฆาตพยาบาท เฉินถิงเซียวเต็มทนซึ่งไม่จำเป็นต้องซุกซ่อนเอาไว้อีกแล้ว
แต่ว่า เฉินถิงเซียวแค่พูดออกไปประโยคเดียว เฉินชิงเฟิงก็สามารถจบชีวิตทันที
“นานแค่ไหนแล้ว ที่คุณไปเจอกับป้ามา?” น้ำเสียงเฉินถิงเซียวแผ่วเบา ฟังดูก็เหมือนออกปากถามไปเรื่อย แต่สำหรับเฉินชิงเฟิงการได้ยินประโยคนี้มันกลายเป็นการโจมตีอันใหญ่หลวง
เฉินชิงเฟิงอยากเจอเฉินเหลียนอยู่แล้ว แต่เขาเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง จนสุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเฉินถิงเซียว สภาพตนเองในเวลานี้คนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง ดังนั้นเลยไม่อยากให้เฉินเหลียนเจอหน้า
แม้ว่าเขาอยากเจอหน้าเฉินเหลียนมากก็ตาม แต่ก็แค่คิดเท่านั้นเอง ไม่มีทางเป็นคนออกตัวไปเจอหน้าเธอก่อนอย่างแน่นอน
เฉินชิงเฟิงจับที่วางมือของเก้าอี้รถเข็นเอาไว้แน่น พลันใช้สายตามองเฉินถิงเซียวอย่างจงเกลียดจงชัง สายตาโหดเหี้ยมราวกับต้องการฉีกเฉินถิงเซียวเป็นชิ้นๆ
เฉินถิงเซียวพอใจกับการแสดงออกของเฉินชิงเฟิง
“คุณคงอยากจะเจอหน้าเธอมากมั้ง วางใจได้เลย ผมจะพาคุณไปเอง” เฉินถิงเซียวโค้งตัวนั่งอยู่ด้านข้างเฉินชิงเฟิง พลันใช้น้ำเสียงกระซิบกระซาบ
สำหรับมุมมองของคนอื่นแล้ว การที่ทั้งสองคนมานั่งอยู่ด้วยกันเหมือนพ่อลูกกำลังคุยสัพเพเหระไปเรื่อย ตรงมุมไกลยังมีคนพูดถึงความรู้สึกอันดีของคู่พ่อลูกระหว่างเฉินถิงเซียวกับเฉินชิงเฟิงอยู่ด้วย
“เฉินถิงเซียว!”
ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนแม้ว่าจะทะเลาะกันถึงขั้นนี้แล้ว แต่เฉินชิงเฟิงก็ยังคำนึงถึงสภาพในตอนนี้ยังอยู่ในงานเลี้ยง แม้ว่าเขาโมโหเกลียดชังน้ำหน้าจนอยากจะฉีกเฉินถิงเซียวเป็นชิ้นๆ ยังคงกดเสียงเอาไว้ ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขาเป็นอริศัตรูกันตั้งแต่แรกแล้ว
ใบหน้าเฉินถิงเซียวพลันแสยะยิ้มอย่างเยาะเย้ย “เป็นคุณพ่อที่แสนดีของผมจริงๆ เลย”
กระทั่งตอนนี้ เฉินชิงเฟิงยังคงนึกถึงหน้าตาของตระกูลเฉิน
“มีเรื่องอะไรก็พุ่งเป้ามาที่ผมนี่ ไม่ต้องไปหาเฉินเหลียนหรอก พวกเราต่างแซ่เฉินกันทั้งนั้น การที่ล้มล้างตระกูลเฉิน มันไม่มีประโยชน์อะไรแม้กับคุณและผมเอง!”
เมื่อพูดถึงเรื่องของตระกูลเฉิน แววตาของเฉินชิงเฟิงยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นเฉียบคมหนักกว่าเก่า และยิ่งมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม
คำพูดของเขามีการตักเตือนอย่างชัดเจน
ในอดีตช่วงเฉินชิงเฟิงเป็นคนคุมบังเหียนในตระกูลเฉิน เฉินถิงเซียวก็ไม่เคยสนใจเขาด้วยซ้ำ อย่าเพิ่งพูดถึงตอนนี้เลย
เฉินถิงเซียวเหมือนได้ยินเรื่องตลกอันแสนตลกขบขันที่แปลกประหลาดมาก เขายื่นมือออกไปประคองหน้าผากพลันก้มหน้าหัวเราะ จากนั้นจึงพูดว่า “ผมขอเตือนคุณหน่อยนะ ตอนนี้ตระกูลเฉินอยู่ในมือผมแล้ว อยากจะจัดการอย่างไร ก็เป็นเรื่องของผม ส่วนคุณนั้น...”
“ผมจะให้คุณมีชีวิตอยู่ตามอายุขัย ใช้ชีวิตให้เพลิดเพลินไปเถอะ” เฉินถิงเซียวพูดจบ จากนั้นก็จัดชุดสูทเล็กน้อย และยืดตัวขึ้น “แต่ตอนนี้ ควรถึงตาที่คุณไปหาเหล่าเพื่อนเก่าของคุณแล้วสิ”
ไม่ต้องรอให้เขาเอ่ยปาก สือเย่ก็เป็นคนเข็นรถเข็นจากทางด้านหลัง เพื่อพาเฉินชิงเฟิงมุ่งหน้าไปยังฝูงชนเองทันที
สามปีที่ผ่านมา นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เฉินชิงเฟิงปรากฏตัว
ตอนที่เฉินถิงเซียวเข็นเขาเข้ามานั้น คนในงานต่างมองสภาพของเฉินชิงเฟิงในเวลานี้อย่างชัดเจน
ตระกูลเฉินเป็นตระกูลกลุ่มชนชั้นสูงอภิมหาเศรษฐีแนวหน้า อำนาจบารมีมากล้นคับฟ้า เฉินชิงเฟิงดื่มด่ำมาตั้งสิบกว่าปี แต่พอแก่ตัวลงกลับเกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้น
จิตใจของคนเราต่างมีความคิดไม่ดี ท่ามกลางคนที่อยู่ในเหตุการณ์ มีคนมากมายที่แสดงท่าทางสงสารจับจิตออกมาทางสีหน้า แต่ลึกๆ ในก้นบึ้งหัวใจนั้นกลับสมน้ำหน้าตั้งแต่แรกอยู่ก่อนแล้ว
พอพวกเขาเดินไป พลันมีคนเริ่มเข้ามาหาเรื่องคุยด้วย
“ไปหาคุณที่บ้านมาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่คุณก็ไม่ยอมออกมารับแขก โชคดีที่คุณชายเฉินกตัญญูเช่นนี้ ที่พาคุณมาเจอหน้าเพื่อนๆ ไม่งั้นนะ พวกเราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอหน้าคุณสักครั้ง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...