แม้ว่ามู่น่อนน่อนจะขยับไม่ได้ แต่ยังดีที่สามารถส่งเสียงได้
“มีใครอยู่ไหม?” เธอก็ร้องเรียกออกไปนอกประตูอีกครั้ง “มู่หวั่นขี!”
ผ่านไปไม่นาน ประตูห้องก็ถูกคนผลักออก คนที่ดูท่าทางเหมือนบอดี้การ์ดก็ผลักประตูเข้ามาแล้วมองมาที่เธอ "ร้องอะไร!"
มู่น่อนน่อนเห็นว่ามีคนเข้ามา ก็ออกเสียงว่า "มู่หวั่นขีล่ะ? ฉันอยากเจอเธอ"
“รอไป!” บอดี้การ์ดทิ้งคำพูดนี้ แล้วหันหลังเดินออกไป
เสียงดัง "ปัง" ประตูก็ถูกปิดลง ภายในห้องก็กลับมาเงียบสงบลงเหมือนก่อนหน้านี้อีกครั้ง
มู่น่อนน่อนดิ้นอยู่พักหนึ่งบนเตียง แต่พบว่ายังคงไม่สามารถขยับได้
เวลานี้ ประตูห้องถูกคนผลักจากด้านนอกอีกครั้ง
มู่น่อนน่อนหันไปมองที่ประตู พบว่าคนที่มาครั้งนี้คือมู่หวั่นขี
ข้างหลังมู่หวันขียังมีบอดี้การ์ดและผู้ช่วยตามมา
เธอเดินเข้ามานั่งบนโซฟาที่ไม่ไกลจากเตียง สองขาไขว้กัน มองมู่น่อนน่อนด้วยสายตาที่เย็นชา “เธอหาฉัน? ตัวฉันก็มาแล้ว เธอยังนอนอยู่บนเตียงทำอะไร?”
มู่หวั่นขีรู้ทั้งรู้ว่าคนของเธอวางยามู่น่อนน่อนจงใจพูดอย่างนี้ เพื่อทำให้มู่น่อนน่อนลำบากใจ
ในใจมู่น่อนน่อนเข้าใจจุดนี้ดี แต่ก็ไม่ได้เอาเรื่องไร้สาระนี้มาพูดกับเธอ
มู่น่อนน่อนจ้องไปที่มู่หวั่นขี พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เธอคิดจะทำอะไร? เตรียมจะฆ่าฉันเพื่อล้างแค้นให้ซือเฉิงหยู้?"
มู่หวั่นขีถูกใบหน้าที่เรียบเฉยของมู่น่อนน่อนทำให้โกรธ เธอโกรธจ้องไปที่มู่น่อนน่อน“ฆ่าเธอ? เธอก็รู้สถานการณ์ของตัวเองดีหนิ แน่นอนฉันต้องฆ่าเธอ! แต่ว่าฉันไม่เพียงแต่จะฆ่าเธอ !"
เธอพูดจบ เธอก็ยิ้มแปลกๆ ในแววตาแวบผ่านความสะใจ
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย ภายในใจมีความรู้สึกแปลกๆอย่างหนึ่ง
มู่หวั่นขีแทบอยากจะให้เธอไปตาย เธออยู่ในกำมือของมู่หวั่นขีต้องไม่มีจุดจบที่ดีแน่ แต่มู่หวั่นขีนอกจากจะแค้นเธอแล้ว แม้แต่เฉินถิงเซียวก็พาลโกรธไปด้วย
มู่หวั่นขีจะใช้เธอเพื่อล่อเฉินถิงเซียวให้ติดกับหรือเปล่า?
ถ้ามู่หวั่นขีทำอย่างนั้นจริงๆ มู่น่อนน่อนกลับดีใจด้วยซ้ำ
เฉินถิงเซียวเป็นคนฉลาดระดับไหน มู่หวั่นขีมีสมองแค่นั้น ยังกล้าที่จะมีความคิดนี้
หากมู่หวั่นขีใช้เธอเพื่อล่อเฉินถิงเซียวให้ติดกับจริงๆ ไม่แน่พอถึงเวลายังถูกเฉินถิงเซียวตลบหลัง ตกลงไปในกับดักของเฉินถิงเซียว
“เธอยังอยากฆ่าเฉินถิงเซียว” มู่น่อนน่อนพูดจบด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แล้วหัวเราะขึ้นมา ในน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย “อาศัยเธอ ก็สามารถชนะเฉินถิงเซียวได้? อย่าให้ความสำคัญกับตัวเองเกินไปหน่อยเลย”
เพียงครู่เดียวสายตาของมู่หวั่นขีก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาผิดปกติ ผ่านไปหลายนาที เธอค่อยๆเชยคางขึ้นมา บนใบหน้าแสดงท่าทางบางอย่าง “แน่นอนฉันเอาชนะเฉินถิงเซียวไม่ได้ แต่ฉันสามารถเอาชนะเธอได้หนิ”
เสียงของเธอเบามาก ฟังในหูทำให้คนมีความรู้สึกขนลุกอย่างหนึ่ง เหมือนกับเตรียมแผนการใหญ่ที่ชั่วร้ายไว้เป็นอย่างดี
มู่น่อนน่อนคิดไม่ออกในทันที มู่หวั่นขีนอกจากเอาเธอมาล่อเฉินถิงเซียวแล้วยังจะทำอะไรอีก
มู่หวั่นขีก็ไม่รู้ว่าคิดได้อะไรออก ในแววตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น และเครื่องสำอางที่หนาบนใบหน้าของเธอเพราะความบ้าคลั่งทำให้เกิดรอยย่นขึ้นมาอย่างชัดเจน
ตามด้วย สีหน้าของมู่หวั่นขีก็กลับสู่สภาวะปกติ ถอนหายใจอย่างช้าๆแล้วพูดว่า “ห่างกันขนาดนี้ พูดไปตั้งเยอะแยะ ฉันเจ็บคอไปหมดแล้ว”
พอเธอพูด ก็มีบอดี้การ์ดก้าวขึ้นมา ดึงมู่น่อนน่อนขึ้นมาจากเตียงอย่างหยาบคายสะบัดลงกับพื้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...