บทที่ 560 ผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่น – ตอนที่ต้องอ่านของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
ตอนนี้ของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○) ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 560 ผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่น จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนนั้นเบา แต่หวั่นขีได้ยินเข้าหูทุกคำพูด ทุกคำพูดกลับแทงใจดำ
ในช่วงสามปีนี้ ทุกวันเธอผ่านไปอย่างเจ็บปวดมาก
เธอไม่ได้เจอหน้าซือเฉิงหยู้ในวันสุดท้าย ทุกคนข้างกายเธอก็ไม่มีใครมีความสัมพันธ์กับซือเฉิงหยู้เลย
เมื่อตอนที่เธอนึกถึงซือเฉิงหยู้ แม้แต่คนของซือเฉิงหยู้ที่สามารถคุยกันได้ก็ไม่มี
คิดถึง เสียใจกับการกระทำของตัวเอง... อารมณ์ของเธอทุกข์ทรมานหลายรูปแบบ การแก้แค้นเป็นความเชื่อเดียวที่สนับสนุนให้เธอมีชีวิตอยู่
ในสุดท้ายทำให้เธอมีโอกาสจับมู่น่อนน่อนได้ แต่เธอก็ไม่ต้องการฆ่ามู่น่อนน่อนในทันที เธอเกลียดมู่น่อนน่อนมาก เธอไม่สามารถที่จะยอมให้มู่น่อนน่อนตายง่ายๆ
สายตามู่หวั่นขีมองไปที่มู่น่อนน่อนด้วยท่าทางมืดมนและพูดอย่างฉุนเฉียว "หุบปาก! มู่น่อนน่อนหุบปากนะ!"
“อ๋อ” มู่น่อนน่อนปิดปากทันที แล้วไม่พูดอะไรอีกเลย
มู่หวั่นขีจ้องไปที่มู่น่อนน่อนสายตาราวกับดาบที่แหลมคมอย่างนั้น ดูเหมือนจะแทงมู่น่อนน่อนให้ตายภายในวินาทีถัดไป แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
กลับระงับความโกรธไว้พูดหนึ่งประโยคว่า "เธอจะต้องขอร้องฉัน"
เธอพูดจบ ก็พากลุ่มคนออกไป
ปึ้ง!
ประตูถูกปิด ในห้องเหลือเพียงแค่มู่น่อนน่อน
ในเวลานี้ มู่น่อนน่อนถึงจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดบนหน้าผากของเธอ
มู่น่อนน่อนยื่นมือมากดหน้าผาก ใช้ความพยายามอย่างมาก ถึงจะโซเซลุกขึ้นมาจากพื้นได้
ในห้องไม่มีผ้าเช็ดตัว เธอหยิบแก้วขึ้นมาจากพื้นใบหนึ่ง ตัดผ้าปูที่นอนแผ่นหนึ่งมากดแผลไว้
โชคดีที่แผลบนหน้าผากของเธอไม่ใหญ่มาก บาดเจ็บแค่เนื้อผิวหนังชั้นนอกเท่านั้น เพียงแค่กดแผลแล้วปล่อยให้เลือดหยุดก็ได้แล้ว
เมื่อครู่ที่นั่งอยู่บนพื้นเลือดไหลไม่หยุด ตอนที่เธอนั่งอยู่บนพื้นทั้งร่างไม่มีเรี่ยวแรงเลย ตอนนี้มีเลือดไหลออกมา บนร่างกายกลับมีแรงขึ้นมา
ตอนอยู่ที่สนามบิน โทรศัพท์มือถือของเธอถูกมู่หวั่นขีใส่เข้าไปในถุงขยะเครื่องดื่ม ขณะนี้ในห้องก็ไม่มีของที่สามารถเอาไว้ดูเวลาได้
มู่น่อนน่อนได้แต่แยกแยะความมืดของทิวทัศน์ข้างนอกหน้าต่าง ขณะนี้เป็นเวลากลางคืน
ตอนนี้ประเทศZคือตอนกลางคืน งั้นในประเทศก็ต้องเป็นตอนกลางวัน
ก่อนหน้านี้ตอนที่เธออยู่ที่สนามบินได้ส่งข้อความหาเฉินถิงเซียวตอนที่เขาโทรมาเธอไม่ได้รับสาย บางทีเขาอาจจะเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้ว ไม่แน่ตอนนี้คงเริ่มออกเดินทางมาเมือง M แล้ว
แต่ แม้ว่านี่คือเมือง M ไม่ใช่เมืองหู้หยางเฉินถิงเซียวมาที่นี่ต้องการทำอะไร ท้ายที่สุดแล้วไม่น่าง่ายเหมือนในประเทศขนาดนั้น
มู่น่อนน่อนคิดนู้นคิดนี่ สุดท้ายก็ผล็อยหลับไป พอได้หลับก็หลับไปถึงเช้า
ตอนที่เธอลืมตา ในห้องสว่าง ผ้าม่านไม่ได้ดึงขึ้น แสงพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามาผ่านกระจกหน้าต่าง ความอบอุ่นสาดส่องมาบนเรือนร่าง
ในช่วงที่มู่น่อนน่อนมาที่เมือง M นี่คือท้องฟ้าที่แจ่มใสครั้งแรก ก่อนหน้านั้น ทุกวันเมฆทั้งครึ้มทั้งหนาว ไม่เห็นแสงแดดแม้แต่น้อย
อากาศดีขนาดนี้นี้ บางทีจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น
มู่น่อนน่อนเอื้อมมือไปแตะที่แผลบนหน้าผากของตัวเอง ตรงนั้นเลือดจับเป็นก้อนแล้ว โชคดีที่เป็นฤดูหนาว หากเป็นฤดูร้อน แผลคงจะอักเสบไปแล้วแน่ๆ
หลังจากตื่นนอน มู่น่อนน่อนพบว่าความรู้สึกที่อ่อนแอในร่างกายของเธอค่อยๆลดลง อย่างน้อยตอนที่เธอพลิกตัวลงจากเตียงก็ไม่ได้ล้มลงมาอีก
ก็ไม่รู้ว่ามู่หวั่นขีไปทำยามั่วๆซั่วๆพวกนี้มาจากที่ไหน
อีกอย่าง ครั้งนี้เธอจากเมืองหู้หยางมาถึงประเทศZ ซึ่งไม่ค่อยมีคนรู้ แถมยังสามารถหยุดเธอที่สนามบินได้อย่างแม่นยำ คิดแล้วไม่น่าจะเป็นความบังเอิญ
เธอรู้ดีกว่าใครว่า มู่หวั่นขีแค้นเธอมากแค่ไหน อยากจะฆ่าเธอมากแค่ไหน
คลิ้ก!
เสียงเปิดประตูดังมาจากด้านหลัง
มู่น่อนน่อนรีบวิ่งกลับไปที่เตียงแล้วนอนลง แสร้งทำเป็นว่าร่างกายอ่อนแรง
มู่หวั่นขีให้คนเอายาที่ทำให้ทั้งร่างกายเธอไม่มีแรง ก็เพราะว่ากลัวเธอจะหนีไป ถ้ามู่หวั่นขีรู้ว่าเธอสามารถยืนขึ้นได้ เดินได้ไม่แน่คงต้องให้ยากับเธออีกครั้ง
หลังจากที่เธอนอนลงบนเตียง ได้ยินเสียงคนเข้ามา ถึงจะลืมตาขึ้น ท่าทางมึนๆงงๆเหมือนเพิ่งตื่นนอนอย่างนั้น
บอดี้การ์ดทั้งสองดึงเธอขึ้นจากเตียงทันที ซ้ายขวาหนีบเธอออกไป
บอดี้การ์ดสองคนนี้แรงเยอะมาก มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าแขนของเธอกำลังจะเคล็ดแล้ว แต่เธอก็ยังต้องแสร้งทำเป็นอ่อนแอ
พวกเขาพาเธอไปที่ร้านอาหาร
มู่หวั่นขีกำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะข้างหน้า บอดี้การ์ดโยนมู่น่อนน่อนลงบนเก้าอี้ตรงฝั่งตรงข้ามเธอ เธอหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดมือ แล้วเงยหน้ามองไปทางมู่น่อนน่อนเธอละสายตาไปด้วยความรังเกียจ หันหน้าที่เย็นชาไปทางบอดี้การ์ดแล้วโมโหขึ้น "ฉันให้พวกนายพาเธอมานั่งกินข้าวกับฉันเหรอ? เธอคู่ควรที่จะมานั่งโต๊ะเดียวกับฉันเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น บอดี้การ์ดก็ดึงมู่น่อนน่อนออกจากเก้าอี้ทันที
มู่น่อนน่อนกัดฟันแล้วถูกโยนลงพื้น โชคดีที่เก้าอี้ไม่สูง แม้ว่าจะถูกโยนลงพื้น แต่ก็ไม่ล้มอะไรเท่าไหร่ แต่ดูแล้วกลับดูจนตรอกมาก
มู่หวั่นขีมองไปทางมู่น่อนน่อนที่คลานอยู่บนพื้นอย่างพึงพอใจ ขณะที่เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ ที่มีความรู้สึกเหนือกว่า
เธอชอบความรู้สึกที่ได้มองคนจากที่สูงจริงๆ โดยเฉพาะมองมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนตั้งแต่เด็กด้อยกว่าเธอในทุกๆด้าน แต่เมื่อโตขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มู่น่อนน่อนถึงกับมีชีวิตที่ดีกว่าเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...