ตอน บทที่ 562 นั่นไม่ใช่คนธรรมดาเลยนะ จาก ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 562 นั่นไม่ใช่คนธรรมดาเลยนะ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม ที่เขียนโดย Meow(○` 3′○) เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เฉินถิงเซียวทำเป็นไม่ได้ยินที่เธอพูด แล้วอุ้มเธอไว้ไม่ปล่อย
จนกระทั่งสือเย่เดินเข้ามา แล้วเรียกพวกเขา: “คุณผู้ชาย คุณหญิงน้อย”
มู่น่อนน่อนตบหน้าอกเฉินถิงเซียวเบาๆให้เขาปล่อยเธอลงได้แล้ว
เฉินถิงเซียวก็ถึงปล่อยเธอลง แต่กลับไม่ได้ปล่อยมือเธอ เขาจับมือเธอไว้แน่นมาก แล้วก้มหน้าสังเกตรอบตัวของเธอ
เมื่อกี้ตอนที่เขาเข้ามา ก็เห็นมู่น่อนน่อนน่งอยู่บนพื้นแล้วพิงเก้าอี้อยู่ หัวใจก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา
เฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนต่างก็รู้ว่ามู่หวั่นขีเกลียดเธอแค่ไหน ดังนั้นตอนที่รู้ว่ามู่หวั่นขีจับตัวมู่น่อนน่อนมา ใจเขาก็ลนลานจนแทบบ้าคลั่ง
และในตอนที่เขาได้เห็นมู่น่อนน่อน นอกจากจะดีใจแล้ว ที่เหลือคือความกลัวมากกว่า
เขากลัวว่ามู่หวั่นขีจะทำอะไรที่ไม่น่าให้อภัยกับมู่น่อนน่อน
แต่โชคดีที่มู่น่อนน่อนยังยืนอยู่ตรงนี้ได้
เฉินถิงเซียวยื่นมือไปแตะคราบเลือดที่แห้งแล้วบนแผลของมู่น่อนน่อนเบาๆ แล้วขมวดคิ้วเป็นปม
มู่น่อนน่อนเองก็ยื่นมือไปสัมผัสคราบเลือดที่แห้งแล้วบนบาดแผลตรงหน้าผาก แล้วอธิบายกับเฉินถิงเซียวว่า: “ไม่เจ็บหรอก แค่แผลถลอกเอง”
เฉินถิงเซียวได้ยินแล้ว คิ้วที่ขมวดอยู่ก็ไม่ได้คลายลงเลย แต่กลับขมวดแน่นขึ้นกว่าเดิม
มู่น่อนน่อนตบมือเขาเบาๆ: “ไปกันเถอะ”
เฉินถิงเซียวกวาดตามองรอบๆ แล้วพูดว่า: “เธอตามสือเย่ไปรอฉันที่รถก่อนเลย”
“นาย……” มู่น่อนน่อนกำลังจะถามว่าเขาจะทำอะไร ก็เดาได้ว่าเขาอาจจะไปหามู่หวั่นขี ก็เลยไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วเดินตามสือเย่ออกจากคฤหาสน์ไป
หน้าประตูคฤหาสน์มีรถจอดอยู่หลายคัน เป็นรถของเฉินถิงเซียวและลูกน้องของเขาทั้งหมด
พอมาถึงที่รถ สือเย่ก็เอากล่องปฐมพยาบาลออกมา แล้วพูดกับมู่น่อนน่อนว่า: “คุณหญิงน้อย ทายาก่อนสิครับ”
แม้บาดแผลของมู่น่อนน่อนจะค่อนข้างลึกเล็กน้อย แต่ก็จัดการได้ง่ายมาก
เธอหลับตาลงให้สือเย่ล้างแผลให้เธอ แล้วก็ถามว่า: “นายเตรียมกล่องยามาเองเหรอ?”
“ไม่ใช่ครับ คุณผู้ชายให้ไปซื้อที่ร้านขายยาในระหว่างทางที่มาครับ” สือเย่พูดถึงสุดท้าย ในน้ำเสียงของเขาก็มีเสียงหัวเราะปนอยู่ด้วย
เขาติดตามเฉินถิงเซียวมานาน เวลาส่วนใหญ่ เฉินถิงเซียวเป็นบุคคลที่เย็นชาและเข้าหาตัวได้ยาก แต่กับมู่น่อนน่อน เขากลับเป็นคนที่ละเอียดอ่อนมากกว่าเดิม
ขอแค่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับมู่น่อนน่อน เฉินถิงเซียวก็จะจัดการทุกเรื่องได้อย่างละเอียดและรอบคอบตลอด
สือเย่นึกถึงก่อนที่จะมา ตอนที่เฉินถิงเซียวพูดกับเขา สีหน้าเฉินถิงเซียวก็ดูซีดเซียวลงไปมาก
มู่น่อนน่อนรู้สึกได้ว่า สือเย่ดูจะถนัดกับการทำแผลมาก เมื่อก่อนคงจะทำแผลให้คนเยอะสินะ
ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่เธอจะแต่งงานกับเฉินถิงเซียว ตอนนั้นเธอเช่าบ้านอยู่ในสลัม วันนั้นก็เจอกับเฉินถิงเซียวที่ถูกยิงพอดี
ตอนนั้น เฉินถิงเซียวขู่ให้เธอเอากระสุนออกจากตัวเขา โดยที่ไม่ฉีดยาชา เขาทนรับกับความเจ็บปวดนั้นไว้อย่างอดทน
เรื่องนี้เกิดขึ้นนานมาก ตอนนี้มู่น่อนน่อนนึกย้อนกลับไป ก็รู้สึกเหมือนเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อชาติก่อนแล้ว แต่มันก็เคยเกิดขึ้นจริงๆ
มู่น่อนน่อนถามสือเย่ว่า: “เมื่อก่อนเฉินถิงเซียวก็บาดเจ็บบ่อยเหรอ?”
เธอเคยเห็นร่างกายของเฉินถิงเซียว แต่เธอไม่ได้สังเกตร่างกายของเขาเลย บนตัวเขามีรอยแผล แต่ก็ไม่เยอะเท่าไหร่
“ก็ไม่บ่อยหรอกครับ แค่จะเกิดอุบัติเหตุบางครั้งเท่านั้น” สือเย่พูดแบบขอไปที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่
ตอนนี้เอง สือเย่ก็ทำแผลให้มู่น่อนน่อนเสร็จแล้ว ทายาและปิดแผลไว้เรียบร้อย
มู่น่อนน่อนลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า: “ฉันเคยเจอเฉินถิงเซียวถูกยิง นั่นเป็นตอนที่ฉันเพิ่งแต่งงานกับเขา ในบ้านเช่าที่สลัมของฉัน เรื่องนี้นายน่าจะรู้นะ”
“ทำไมให้ฉันรอนายบนรถล่ะ? ฉันรอนายด้านนอกไม่ได้เหรอ” มู่น่อนน่อนมองดูสีหน้าของเขา รู้สึกว่าสีหน้าเขาผิดปกติแปลกๆ
ทันใดนั้นมู่น่อนน่อนก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านั้นของมู่หวั่นขีที่
เธอมองดูเฉินถิงเซียว ในหัวก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็ถามเขาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทาว่า: “มู่มู่ล่ะ?”
เธอบีบแขนของเฉินถิงเซียวไว้แน่น ดวงตาคู่สวยของเธอก็เริ่มมีความหวาดกลัวเกิดขึ้น
เฉินถิงเซียวเม้มปากบาง แล้วพูดว่า: “มู่มู่อยู่บ้านไง พวกเราจัดการเรื่องนี้เสร็จ ก็กลับไปหาลูกนะ”
“จริงเหรอ?” มู่น่อนน่อนก็ถามเขาอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ
เฉินถิงเซียวตอบเธออย่างมั่นใจว่า: “จริงสิ”
เขาพูดจบ ก็ส่งซิกทางสายตาให้สือเย่ สือเย่เข้าใจแล้วรีบปิดประตูรถทันที
เห็นมู่น่อนน่อนขึ้นรถแล้ว ประตูรถก็ถูกปิดแล้ว เฉินถิงเซียวก็ถึงเดินไปหามู่หวั่นขี
มู่น่อนน่อนแม้จะรู้สึกไม่สบายใจ แต่เธอก็เชื่อคำพูดของเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวไม่มีทางหลอกเธอแน่นอน
เธอมองดูเฉินถิงเซียวเดินไปหามู่หวั่นขี ต่อมาก็หันไปหาสือเย่: “ผู้ช่วยสือ ขอฉันยืมโทรศัพท์หน่อยสิ”
“คุณหญิงน้อยจะโทรหาใครเหรอครับ?” สือเย่หยิบโทรศัพท์แล้วถามไปด้วย
“โทรหาที่บ้านน่ะ ฉันอยากคุยกับมู่มู่หน่อย” เธออยากได้ยินเสียงของมู่มู่เพื่อความสบายใจ
แม้มู่หวั่นขีจะทำท่าจองหองต่อหน้าเธอ แต่ครั้งนี้มู่หวั่นขีดูจะมั่นใจมาก มู่น่อนน่อนรู้สึกว่ามันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...