อ่านสรุป บทที่ 563 ช่วยให้เธอสมหวัง จาก ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○)
บทที่ บทที่ 563 ช่วยให้เธอสมหวัง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Meow(○` 3′○) อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
สือเย่ได้ยินว่ามู่น่อนน่อนจะโทรกลับประเทศ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเล็กน้อย แล้วเขาก็ตอบไปว่า: “โทรศัพท์ของผมเหมือนจะไม่มีการติดต่อระหว่างประเทศน่ะครับ”
มู่น่อนน่อนได้ยินแล้วก็อึ้งทันที: “แบบนี้เองเหรอ?”
สือเย่เห็นว่าเธอเชื่อแล้ว เขาก็พยักหน้าแล้วพูดว่า: “เดี๋ยวรอคุณผู้ชายมาแล้ว ใช้โทรศัพท์ของคุณผู้ชายโทรเป็นยังไงครับ?”
มู่น่อนน่อนสังเกตดูสีหน้าของสือเย่ เห็นว่าสีหน้าเขาดูปกติ ก็เลยตอบกลับไปว่า: “อืม”
ด้านนอกหน้าต่างรถ
เฉินถิงเซียวเดินไปหามู่หวั่นขี บอดี้การ์ดที่ล้อมอยู่รอบๆก็ถอยไปข้างๆอย่างรู้ตัว และคนที่มู่หวั่นขีพามาไม่เยอะเท่าเฉินถิงเซียว ตอนนี้พวกนั้นไปหลบอยู่ข้างหลังนานแล้วล่ะ
มู่หวั่นขียังจำทุกการกระทำที่เฉินถิงเซียวทรมานเธอได้ดี
ดังนั้น ตอนที่เธอเห็นเฉินถิงเซียวเดินมา ก็ต้องตัวสั่นแล้วถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว
แต่ว่า ด้านหลังเธอเป็นรถ เธอไม่มีทางถอยไปไหนได้เลย
เธอจ้องมองเฉินถิงเซียวนิ่ง เธอตื่นเต้นจนหน้าและตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันประเมินค่าเธอต่ำไป” เฉินถิงเซียวยืนอยู่ตรงหน้าเธอนิ่งๆ ด้วยแววตาที่เย็นชาและน้ำเสียงที่เยือกเย็นจนน่ากลัว: “ดูแล้วเธอก็เหมือนกับซือเฉิงหยู้ ต่างก็อยากตายอยู่นอกประเทศ”
ชื่อของซือเฉิงหยู้เป็นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจของมู่หวั่นขี ทำให้เธอใจเย็นลง ไม่หวาดกลัวจนตัวสั่นเหมือนเมื่อกี้อีก
เธอมองเฉินถิงเซียวด้วยแววตาที่แดงก่ำ แม้ตอนนี้เธอจะกลัวแค่ไหน แต่เธอก็รวบรวมความกล้าแล้วถามเฉินถิงเซียวอย่างตัวสั่นว่า: “นายยอมรับแล้วใช่ไหมว่านายเป็นคนฆ่าเฉิงหยู้น่ะ?”
“เขาสมควรตายแล้ว!”
ตอนนี้เฉินถิงเซียวจำได้ทั้งหมดแล้ว แต่จากที่สือเย่เล่ามา เขาก็นึกและประกอบเรื่องทุกอย่างได้ทั้งหมดแล้ว ในสายตาเขา ซือเฉิงหยู้ตายสักพันครั้งก็ไม่พอหรอก
ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหมอนั่น มู่น่อนน่อนก็คงไม่ต้องนอนป่วยติดเตียงอยู่สามปี
ก่อนที่จะแต่งงานกับมู่น่อนน่อน เขาอดทนมาหลายปี ไม่สนใจว่าโลกภายนอกจะเข้าใจเขาผิดยังไง เขาต้องแบกรับชื่อเสียงอะไรไว้ เขาไม่เคยสนใจมันเลยสักครั้ง
มู่น่อนน่อนเป็นคนที่เขาปกป้องและดูแลดั่งไข่ในหิน ในโลกใบนี้ สิ่งที่เขาสนใจมีไม่มาก มีแค่เพียงมู่น่อนน่อน แต่เขาก็ยังปกป้องเธอได้ไม่ดีพอ
ถ้าซือเฉิงหยู้ยังมีชีวิตอยู่ แม้จะทรมานและฆ่าหั่นศพเขา ก็ไม่สามารถทำให้เขาหายแค้นได้อยู่ดี
น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวทั้งเยือกเย็นและเย็นชา มู่หวั่นขีเหมือนได้กลับไปในคืนของหลายปีก่อน ภายในห้องที่แสงไฟสลัว เงาที่เยือกเย็นของเฉินถิงเซียว มองดูลูกน้องเขาเฉือนเนื้อบนตัวของเธอทีละชิ้นๆ……
ผ่านไปหลายปีแล้ว ความกลัวนั้นยังคงเป็นปมอยู่ในใจไม่หายไปไหน
“เธอควรจะดีใจนะที่ซือเฉิงหยู้ตายไปในระเบิดครั้งนั้น ถ้าเขาไม่ตาย……” เฉินถิงเซียวกระตุกมุมปาก เผยรอยยิ้มแปลกๆออกมา จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ถึงแม้เขาจะไม่พูด ก็มีพลังมากพอที่จะทำให้คนคนหนึ่งกลัวได้แล้ว
มู่หวั่นขีหน้าซีดเซียว แววตาเต็มไปด้วยความแค้นที่ไม่อาจปกปิดได้ เธอพูดด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทาว่า: “เฉินถิงเซียว……นายคิดว่าฉันยังเป็นมู่หวั่นขีสามปีก่อนนั้นเหรอ? นายกับมู่น่อนน่อนไม่มีทางหนีรอดไปได้หรอกนะ”
มู่หวั่นขีแม้จะกลัวเฉินถิงเซียวมากแค่ไหน แต่ก็ยังกล้าข่มขู่เขากลับอยู่ดี
ถ้าเธอไม่ใช่มู่หวั่นขี เฉินถิงเซียวอาจจะมองต่างออกไป
“เหอะ” เฉินถิงเซียวแสยะยิ้มเย็นชา แล้วส่งสายตาให้ลูกน้องข้างๆ ลูกน้องได้รับแล้วก็รีบเข้าไปมัดตัวมู่หวั่นขีไว้ทันที แล้วเอาเทปกาวปิดปากเธอไว้อย่างรวดเร็ว
ความตึงเครียดก็ได้ลดลงไปมาก เธอโล่งอกและหายใจได้คล่องมากยิ่งขึ้น
เธอขยับเข้าไปในอ้อมกอดของเฉินถิงเซียว แล้วพูดอย่างไม่สบายใจว่า: “มู่หวั่นขีจับฉันมา แต่กลับไม่ได้ทำอะไรฉันเลย……”
เฉินถิงเซียวพูดแทรกเธออย่างเย็นชาว่า: “ไม่ได้ทำอะไรเธอเลยเหรอ?”
มู่น่อนน่อนรู้ว่าเขาพูดถึงแผลบนหน้าผากตัวเอง เธอจึงส่ายหน้าแล้วพูดว่า: “นี่มันแค่เล็กน้อย เธอเกลียดฉันมากขนาดนั้น แค่นี้ถือว่าเป็นแผลที่เล็กมาก ไม่ถือว่าทำร้ายฉันเลย แต่เธอดูมั่นอกมั่นใจ เหมือนจับจุดอ่อนฉันไว้เลย ฉันเลยนึกถึงมู่มู่ของเราน่ะ……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ มู่น่อนน่อนก็ถอนหายใจยาวๆ น้ำเสียงดูสบายใจขึ้นอย่างมาก: “ยังดีที่มู่มู่ไม่เป็นไร”
แต่เพราะเฉินมู่ไม่เป็นไร ในใจเธอกลับสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม
มู่น่อนน่อนถามเขาว่า: “นายว่า มู่หวั่นขีคิดจะทำอะไรกันแน่? เธอจะทำอะไรกันแน่นะ?”
เฉินถิงเซียวกอดเอวมู่น่อนน่อนไว้แน่น มืออีกข้างก็กดหัวเธอเข้ามาในอ้อมกอดตัวเองเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า: “พักผ่อนก่อนเถอะ”
มู่น่อนน่อนเหนื่อยมากจริงๆ เธอพักอยู่ในอ้อมกอดของเฉินถิงเซียว กลิ่นและความรู้สึกที่คุ้นเคยอบครวญอยู่รอบๆ เธอรู้สึกสบายใจจนไม่คิดมากอีก ไม่นานก็หลับไปทันที
รู้สึกได้ถึงลมหายใจถี่ของคนในอ้อมกอด ใบหน้าอ่อนโยนที่ยากจะเห็นได้ง่ายๆของเฉินถิงเซียวก็หายไปในพริบตา แววตาของเขาเหลือแต่เพียงความโหดเหี้ยม
สือเย่เห็นสีหน้าของเฉินถิงเซียวจากกระจกมองหลัง ก็จึงพูดว่า: “คุณผู้ชายครับ เสี่ยว……”
“หุบปาก” แม้เฉินถิงเซียวจะพูดกับเขา แต่สายตาเขากลับมองไปข้างหน้า ไม่รู้ว่ามองหรือคิดอะไรอยู่
สือเย่มองดูมู่น่อนน่อนที่นอนอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างสบายใจ เขาขยับปากแต่กลับไม่ได้พูดอะไรเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...