ตอนที่มู่น่อนน่อนตื่นขึ้นมาก็นอนอยู่บนเตียงแล้ว
ห้องเงียบสงบเหมือนมีเธออยู่คนเดียว
ตอนนี้เอง ข้างเตียงก็มีเสียงของเฉินถิงเซียวดังขึ้น: “ตื่นแล้วเหรอ?”
มู่น่อนน่อนหันหน้าไป ก็เห็นเฉินถิงเซียวนั่งอยู่ข้างๆเตียง
ที่แท้เขาก็อยู่ในห้องนี่เอง แต่ไม่ได้พูดอะไรเลย
“กี่โมงแล้วเหรอ?” มู่น่อนน่อนมือพยุงเตียงไว้แล้วลุกขึ้นมานั่ง
เฉินถิงเซียวก็เข้าไปพยุงตัวเธอไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า: “แปดโมงแล้ว”
เขาพูดจบ ก็ถามมู่น่อนน่อนว่า: “หิวเหรอ? ลงไปกินข้าวกันเถอะ”
เฉินถิงเซียวหยิบถุงออกมาจากด้านหลังแล้วยื่นให้เธอ มู่น่อนน่อนเห็นแล้วก็รู้ว่าเป็นเสื้อผ้าที่เขาเตรียมไว้ให้ตัวเอง
เห็นมู่น่อนน่อนไม่พูดอะไร เฉินถิงเซียวก็ยื่นมือไปลูบหัวเธอ: “ใส่เองได้ไหม? หรือจะให้ฉันช่วยเธอใส่?”
น้ำเสียงเขาดูจริงจังว่า ทำอย่างกับเธอเป็นคนพิการ
มู่น่อนน่อนผลักเขาเบาๆอย่างหยอกล้อ: “ฉันใส่เองได้ นายออกไปเถอะ”
“ฉันรอด้านนอกนะ”
เฉินถิงเซียวพูดจบ ก็มองเธอสักพักอย่างไม่สบายใจ จากนั้นก็ถึงเดินออกไปด้านนอก
รอประตูห้องปิดสนิทแล้ว มู่น่อนน่อนก็ถึงเอาเสื้อผ้าออกมาจากถุงนั้น
เสื้อผ้าด้านในดูใหม่มาก ด้านบนยังมีกลิ่นหอม เห็นได้ชัดว่าเพิ่งซักมาสดๆร้อนๆ
คิดไม่ถึงจริงๆว่าเฉินถิงเซียวจะเป็นคนที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดขนาดนี้
มู่น่อนน่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ออกไป เธอเห็นเฉินถิงเซียวยืนพิงกำแพง ก้มหน้าเล็กน้อยไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
เห็นเธอเปิดประตูห้องแล้ว เฉินถิงเซียวก็ถึงเงยหน้าขึ้นมา
เขาเงียบสักพักจากนั้นก็มองไปที่ตัวของมู่น่อนน่อน จากนั้นก็ถึงกระตุกยิ้มแล้วพูดว่า: “พอดีตัวเลยนะ”
“นายซื้อเหรอ?” มู่น่อนน่อนก้มหน้าดึงเสื้อตัวเองแล้วถามเขา
เฉินถิงเซียวหรี่ตาลงแล้วเลิกคิ้วถามว่า: “ไม่งั้นล่ะ? เธอหวังอยากให้ใครซื้อล่ะ?”
มู่น่อนน่อนไม่สงสัยเลย ถ้าตอนนี้เธอไม่ให้คำตอบที่เฉินถิงเซียวพอใจ เขาคงได้โกรธแน่
“ฉันอยากให้……” มู่น่อนน่อนพูดถึงครึ่ง ทันใดนั้นก็ยิ้มแล้วเดินลงไปข้างล่าง
เฉินถิงเซียวเดินตามหลังเธอ พูดอย่างโมโหว่า: “มู่น่อนน่อน! หยุดเลยนะ เดินช้าหน่อย”
มู่น่อนน่อนก็วิ่งไม่เร็วมาก เพราะยังไงเธอก็ไม่ได้กินข้าวมาสองวันแล้ว วิ่งได้ไม่ถึงสองก้าวก็ช้าลงแล้ว
เธอสำรวจดูบ้านหลังนี้ คฤหาสน์เล็กหลังนี้ตกแต่งได้ธรรมดา มีความคล้ายกับคฤหาสน์หู้หยางของเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวคงมีบ้านอยู่ทุกประเทศเลยสินะ
สือเย่กำลังพูดอะไรกับบอดี้การ์ดสองคนที่ห้องโถง เห็นมู่น่อนน่อนเดินลงมา บอดี้การ์ดสองคนก็หยุดพูดแล้วหันหน้าไปมองสือเย่พร้อมกัน: “คุณหญิงน้อยครับ”
“ผู้ช่วยสือ กินข้าวหรือยัง?” มู่น่อนน่อนถามเขาด้วยรอยยิ้ม
สือเย่พยักหน้าเล็กน้อย: “ยังเลยครับ เดี๋ยวก็กินครับ”
เขาพูดจบ เฉินถิงเซียวก็เดินลงมาจากบันไดด้วย
ตอนที่เดินมาถึงข้างมู่น่อนน่อน เขาจับมือเธอไว้แล้วดึงไปที่ห้องอาหารด้วยกัน น้ำเสียงมีความบ่นเล็กน้อย: “วิ่งเร็วขนาดนี้ ก็ไม่ดูหน่อยว่าสภาพตัวเองตอนนี้เป็นยังไง!”
สองวันนี้เธอถูกมู่หวั่นขีวางยาที่ทำให้ไม่ค่อยมีแรง และไม่ให้น้ำกับข้าวกิน สีหน้าจึงดูซีดและโทรมมาก
แต่ว่า ก็ไม่ถึงกับหมดสภาพขนาดนั้นไหม!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...