แม้มู่น่อนน่อนจะตะคอกสุดเสียงกับเฉินถิงเซียวยังไง เขาก็ยังมีท่าทีสีหน้าเหมือนเดิมและไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยด้วย
รอมู่น่อนน่อนใจเย็นลงแล้ว เฉินถิงเซียวก็ถึงลุกขึ้นแล้วเดินไปหาเธอ จากนั้นก็พาเธอมาหน้าโต๊ะอาหาร แล้วพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า: “กินข้าว”
มู่น่อนน่อนมองเขาอย่างเย็นชา เธอไม่พูดอะไรเลยสักคำ
“ไม่กินเหรอ?” เฉินถิงเซียวหรี่ตาลง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโมโห
เฉินถิงเซียวแสยะยิ้มเย็นชา: “เธอไม่กินได้ งั้นฉันจะไม่ให้เธอเจอมู่มู่อีก”
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมากะทันหัน จ้องมองเฉินถิงเซียวนิ่ง เธอเม้มปากแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มกินข้าว
เธอไม่อยากกินเลย แต่เฉินถิงเซียวคอยจ้องให้เธอกินข้าวให้หมด เธอจึงต้องจำใจและบังคับให้ตัวเองกิน
พอกินเสร็จแล้ว ก็มีคนรับใช้มาเก็บจานบนโต๊ะ
มู่น่อนน่อนใจเย็นลงแล้วจริงๆ
เธอมองออกไปด้านนอกแล้วถามเฉินถิงเซียวว่า: “ตอนนี้ฉันออกจากห้องนี้ไม่ได้เลยเหรอ?”
“เมื่อก่อนเธอเคยเผาคฤหาสน์ของฉัน” เฉินถิงเซียวหัวเราะอย่างไม่ทราบสาเหตุ
มู่น่อนน่อนชะงัก ตอนนั้นที่เธอต้องเผาคฤหาสน์ของเฉินถิงเซียว ก็เพราะเขาขังเธอไว้ไม่ให้เธอไปไหน
มู่น่อนน่อนพูดประชด: “งั้นก็ต้องขอบใจนายจริงๆนะ”
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
พอเขาออกไปแล้ว มู่น่อนน่อนก็ทนไม่ไหวเตะเก้าอี้ตรงหน้ากระเด็นออกไป
เธอไม่รู้จริงๆว่าทำไมเฉินถิงเซียวต้องขังเธอไว้ ไม่ให้เธอออกไปตามหาเฉินมู่ด้วยกัน
คิดให้ตายก็คิดไม่ออกว่าทำไม
ทันใดนั้นมู่น่อนน่อนก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอควานหาของในกระเป๋า เห็นว่ากระเป๋าว่างเปล่า แล้วเดินไปที่ข้างเตียงอีกครั้ง ในที่สุดก็เจอโทรศัพท์ที่อยู่บนตู้หัวเตียง
เฉินถิงเซียวทิ้งโทรศัพท์ไว้ให้เธองั้นเหรอ?
มู่น่อนน่อนตาเป็นประกาย เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็ถึงเห็นว่าในโทรศัพท์ไม่มีซิมอยู่ด้วยซ้ำ!
ให้โทรศัพท์เธอ แต่ข้างในกลับไม่มีซิมเนี้ยนะ……
ตอนนี้เธออยู่เมืองM อยู่ต่างประเทศแบบนี้ นอกจากลี่จิ่วเชียนที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว เธอก็ไม่รู้จักคนอื่นเลย ถึงแม้เธอจะโทรหาเสิ่นเหลียง ก็ช่วยเธอไม่ได้อยู่ดี
ถ้าอย่างนั้น เฉินถิงเซียวให้โทรศัพท์เธอมา ไม่ใช่เพื่อป้องกันเธอโทรหาคนอื่น แต่เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นโทรหาเธองั้นเหรอ?
มู่น่อนน่อนนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของมู่หวั่นขีอีกแล้ว
มู่หวั่นขีบอกว่า ‘คนที่จับเฉินมู่จะมาหาเธอเอง’
งั้นก็หมายความว่า เหตุผลที่เฉินถิงเซียวไม่ให้ซิมโทรศัพท์เธอ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนพวกนั้นติดต่อเธองั้นเหรอ?
ทำไมต้องป้องกันไม่ให้คนพวกนั้นติดต่อเธอด้วยล่ะ? หรือว่า เหตุผลที่พวกนั้นจับเฉินมู่ไป เป้าหมายคือเธองั้นเหรอ?
มู่น่อนน่อนพูดพึมพำ: “จะเป็นไปได้ยังไงนะ……”
เธอยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าความเป็นไปได้นี้สูงกว่า
คนพวกนั้นลักพาตัวเฉินมู่ไป เป้าหมายคือเธอ และเฉินถิงเซียวเป็นคนที่เฉียบขาด เพื่อไม่ให้มู่น่อนน่อนเข้าไปติดกับดักนี้ ก็เลยขังเธอไว้
เฉินถิงเซียวไม่ใช่คนใจดีอะไร เขาเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้สิ่งสิ่งนั้นมา เขาไม่อยากให้มู่น่อนน่อนเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ ก็เลยขังเธอเอาไว้แทน แม้จะดูเหมือนไม่มีเหตุผล แต่กลับเป็นวิธีที่ง่ายและตรงที่สุด
เฉินถิงเซียวรู้ดีว่า ถ้าคนพวกนั้นคิดจะจับมู่น่อนน่อนไป มู่น่อนน่อนจะต้องไปช่วยเฉินมู่อย่างไม่ลังเลแน่นอน
มู่น่อนน่อนนึกถึงสถานการณ์ตอนนี้ของเฉินมู่ เธอก็รู้สึกกังวลมากจนอยู่ไม่นิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...