บทที่ 570 ไปเมื่อคืน – ตอนที่ต้องอ่านของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
ตอนนี้ของ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○) ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 570 ไปเมื่อคืน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
มู่น่อนน่อนพูดความรู้สึกตัวเองออกไปทั้งหมด เธอแอบจะจมอยู่กับความรู้สึกผิดแล้ว
ตอนเฉินมู่ยังเล็ก มู่น่อนน่อนปกป้องเธอได้ไม่ดี ต่อมากว่าจะหามู่มู่เจอ เธอกลับต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลสามปีโดยที่ไม่ได้ดูแลมู่มู่เลย ตอนนี้มู่มู่ยังมาโดนจับตัวไปอีก……
ทุกคนก็คิดไม่ถึงว่าเฉินมู่จะถูกจับตัวไป แต่เธอเป็นแม่ เธอมีความรักผิดชอบเต็มๆเลย
สือเย่ได้ยินคำพูดของมู่น่อนน่อน สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงคำพูดเดิมว่า: “คุณผู้ชายไม่อนุญาตให้คุณทำแบบนี้ครับ”
“เพราะเขาไม่ให้ฉันทำแบบนี้ไง ดังนั้นฉันเลยขอร้องให้นายปล่อยฉันไป มู่มู่เพิ่งจะสามขวบ ถ้าเปลี่ยนเป็นลูกนาย ถ้านายเป็นฉัน นายจะคงจะตัดสินใจเหมือนฉันนี่แหละ”
น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนเริ่มร้อนรน
สือเย่หันหน้ามองขึ้นไปด้านบน มู่น่อนน่อนก็มองไปตามสายตาเขาแล้วพูดว่า: “เฉินถิงเซียวถูกฉันฟาดหลังคอจนสลบไปแล้วล่ะ ตอนนี้คงไม่ตื่นมาหรอก”
สือเย่เงียบสักพัก ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้: “คุณไปเถอะ”
เฉินถิงเซียวรักและตัดสินใจลำเอียงไปที่เธอตลอด เขาให้ความสำคัญกับเธอมากเกินไป เธอคุยกับเฉินถิงเซียวไม่รู้เรื่อง เฉินถิงเซียวก็คงไม่มีทางฟังที่เธอพูดหรอก
ยังดีที่สือเย่เข้าใจที่เธอพูด
“ขอบใจมากนะ” มู่น่อนน่อนกลับหลังหันเดินออกไป จากนั้นก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วหันหน้ากลับไปถามเขา: “มู่หวั่นขีล่ะ?”
สือเย่ตอบ: “เธอยังอยู่ในห้องใต้ดินครับ”
มู่น่อนน่อนเม้มปากแล้วพูดว่า: “ฉันอยากไปดูเธอหน่อย”
สือเย่พาเธอไปที่ห้องใต้ดิน
เพียงแต่ว่า ก่อนที่จะเข้าห้องใต้ดิน สือเย่ก็พูดเตือนเธอว่า: “คุณหญิงน้อยครับ ระวังบันไดนะครับ”
เขาพูดจบ ก็เปิดประตูให้มู่น่อนน่อนก่อน แล้วยืนอยู่ข้างๆ รอมู่น่อนน่อนเข้าไปอย่างเคารพ
มู่น่อนน่อนชะงักเล็กน้อย ก็เข้าใจแล้วว่าสือเย่กำลังจะสื่ออะไร
เธอยกเท้าแล้วเดินเข้าไปทันที
ภายในห้องใต้ดินมีระเบียบมาก ของในนั้นมีไม่เยอะเท่าไหร่ มีเตียงไม้ที่เพิ่งสร้างได้ไม่นาน มู่หวั่นขีก็นอนอยู่ในนั้น
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปใกล้ ตอนแรกมู่หวั่นขียังหลับตาอยู่ ก็ต้องลืมตาขึ้นมากะทันหัน
มู่หวั่นขีมองไปที่มู่น่อนน่อน เธอกัดฟันกรอดเรียกชื่อมู่น่อนน่อนออกมา: “มู่น่อนน่อน!”
มู่หวั่นขีพูดจบ ก็พยายามจะลุกขึ้นมา แต่พยายามอยู่นานก็ลุกขึ้นมาไม่ไหว
มู่น่อนน่อนหรี่ตาลงเล็กน้อย เธอเข้าใจได้ทันทีเลยว่า เฉินถิงเซียววางยามู่หวั่นขี แถมยังเป็นยาที่ก่อนหน้านี้มู่หวั่นขีเคยวางให้เธอด้วย เป็นยาที่ทำให้คนหมดแรง
“หลายปีมานี้ เธอไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ” น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนไม่มีความอ่อนโยนเลย
มู่หวั่นขีไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด ตอนเด็กจองหองไม่มีเหตุผลเห็นแก่ตัว โตมาก็ยังทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ ถึงกับร่วมมือกับคนอื่นลักพาตัวเด็กคนหนึ่งไป
ไม่ว่ามู่หวั่นขีจะผ่านเรื่องราวมาไม่น้อย แต่นิสัยของเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
“เธอก็เหมือนกัน ตั้งแต่เด็กจนโต……” มู่หวั่นขีแสยะยิ้มเย็นชา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยมว่า: “เป็นนังแพศยาเหมือนเดิม!”
มู่น่อนน่อนรู้ว่าเธอเป็นคนยังไง มู่น่อนน่อนไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดของเธอแล้วล่ะ
ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับเฉินถิงเซียว ตอนที่อยู่ในบ้านตระกูลมู่ เธอเคยคิดว่ามู่หวั่นขีเป็นพี่น้องของเธอจริงๆ
แต่ว่า ในใจของมู่หวั่นขี ไม่เคยจำความดีของใครเลย
มู่น่อนน่อนหัวเราะ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเชื่องช้าว่า: “ฉันรู้แล้วล่ะ เดี๋ยวรอฉันไปแล้ว เธอก็อยู่เพลิดเพลินกับที่นี่ต่อไปเถอะ ฉันเชื่อว่าเฉินถิงเซียวมีวิธีทรมานเธออีกเยอะเลยล่ะ”
ฝีมือการทรมานคนของเฉินถิงเซียว มู่หวั่นขีเคยลิ้มลองมาก่อนแล้ว เธอได้ยินคำพูดของมู่น่อนน่อน สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
“เธอจะทำอะไร?”
“ฉันก็ต้องไปช่วยลูกสาวของฉันน่ะสิ และถ้าฉันไปแล้ว เฉินถิงเซียวจะจัดการเธอยังไง ฉันก็ไม่รู้แล้วล่ะ” มู่น่อนน่อนพูดอย่างสะใจ จากนั้นก็หัวเราะ ‘ฮิๆ’ เสียงต่ำ
ตอนนี้ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว นี่เป็นเวลาตอนแล้ว
เฉินถิงเซียวไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าก็รีบเดินไปที่ประตู เขาเปิดประตูไปด้วยแล้วตะโกนไปด้วยว่า: “มู่น่อนน่อนล่ะ!”
พอเปิดประตูออกไป ก็เห็นสือเย่ยืนอยู่หน้าประตู
เขาเห็นเฉินถิงเซียวตื่นแล้ว ก็รีบโค้งตัวคำนับ: “คุณผู้ชายครับ”
เฉินถิงเซียวมือข้างหนึ่งพยุงขอบประตูไว้ เห็นสือเย่ยืนอยู่หน้าห้อง เขาก็เดาอะไรได้แล้ว มือที่พยุงขอบประตูก็บีบแน่นมากขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า: “มู่น่อนน่อนล่ะ?”
“คุณหญิงน้อยไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ” สือเย่ตอบไปตามตรง
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร เขาจ้องเขม็งสือเย่ แววตาที่เฉียบคมนั้นเหมือนกรีซที่แทงทะลุตัวสือเย่
แม้สือเย่จะรู้ว่าการปล่อยตัวมู่น่อนน่อนไปเป็นการกระทำที่ผิด แต่เฉินถิงเซียวกลับไม่มีทางคิดเหมือนเขา
เขาก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ไม่กล้าสบตากับเฉินถิงเซียว
สักพัก เฉินถิงเซียวก็ถีบตัวเขาแรงๆ: “ไสหัวไปซะ!”
เขาเตะแรงมาก สือเย่เจ็บจนต้องร้องออกมาเสียงเบา เขาอดทนกับความเจ็บไว้ไม่ได้พูดอะไรและไม่ได้แก้ตัวอะไรเลย
แก้ตัวตอนนี้สำหรับเฉินถิงเซียวแล้ว ก็เป็นแค่คำพูดไร้ประโยชน์
เฉินถิงเซียวไม่ได้มองสือเย่อีก เขากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง สือเย่ยังคงเฝ้าอยู่หน้าประตู
เขาเดินไปตรงหน้าสือเย่ แล้วถามสือเย่ด้วยสีหน้าเย็นชา: “ตอนนี้เธอไปไหน?”
เขาเป็นคนที่ฉลาดมาก ก็ต้องรู้วิธีการจัดการของสือเย่เป็นธรรมดา
สือเย่ระวังตัวขนาดนี้ เขาปล่อยมู่น่อนน่อนไป เพื่อดึงดูดคนพวกนั้นมาตามหามู่น่อนน่อนเอง ก็ต้องมีแผนไว้ก่อนแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...