ลี่จิ่วชังได้ยินคำพูดของมู่น่อนน่อน เขาก็กระตุกยิ้มแล้วมองเธอ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย: “งั้นเหรอ?”
มู่น่อนน่อนมองดูลี่จิ่วชัง และไม่ได้พูดอะไรอีก
เธอรู้สึกว่าลี่จิ่วชังแปลกมากตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย เขาเหมือนกับลี่จิ่วเชียนมาก ขอแค่เขาอยากปลอมตัวเป็นลี่จิ่วเชียน ก็ทำได้เดี๋ยวนี้เลยนะ
มู่น่อนน่อนเคยอยู่กับลี่จิ่วเชียนมาพักใหญ่ ก็ถือว่าเป็นคนที่คุ้นเคยกับลี่จิ่วเชียนมากเหมือนกัน และตอนที่ได้เจอกับลี่จิ่วชังครั้งแรก ก็แทบจะแยกเขากับลี่จิ่วชังไม่ออกเลย
มู่น่อนน่อนลดสายตาลง แล้วถามเขาด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า: “ในเมื่อพวกนายพุ่งเป้าหมายมาที่ฉัน ตอนนั้นจะปล่อยฉันไปทำไมล่ะ? แล้วจับลูกสาวมาขู่ฉัน จะเสียเวลาไปทำไมกัน”
“สำหรับเธอมันอาจจะเสียเวลา แต่สำหรับฉันแล้วมันไม่ใช่”
ถึงตอนนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าลี่จิ่วชังไม่ได้คิดจะปกปิดอีก: “ถ้าฉันจับเธอไว้เลย เฉินถิงเซียวก็จะมาหาฉันที่เมืองMทันที แต่ถ้าฉันปล่อยเธอไปแล้วเธอเป็นอะไรไปอีก เฉินถิงเซียวมาเมืองMก็จะรีบตามหาเธอก่อน แล้วพวกเราก็จะมีโอกาสลักพาตัวลูกสาวเธอออกมา……”
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้ว แล้วมองลี่จิ่วชังด้วยแววตาที่เย็นชา: “สุดท้ายก็เหมือนเดิมนี่?”
เธอรู้สกว่า พวกลี่จิ่วชังลักพาตัวเฉินมู่ไป ก็เสียเวลาไปเปล่าๆ
“ต้องต่างกันอยู่แล้ว เฉินมู่อยู่ในมือพวกเรา เธอจะต้องมาหาพวกเราเองแน่นอน ก็เหมือนกับวันนี้ไง” ลี่จิ่วชังพูดแบบนี้ด้วยใบหน้าที่คล้ายกับลี่จิ่วเชียนอย่างกับแกะ มันให้ความรู้สึกที่ไม่แปลกเหมือนกัน
“ทำไมถึงร่วมมือกับมู่หวั่นขีล่ะ?” มู่น่อนน่อนรู้ดีว่า ลี่จิ่วชังไม่รู้จักมู่หวั่นขีเลย
“อย่างมู่หวั่นขีเนี่ยนะ จะมาร่วมมือกับฉันได้? ฉันก็แค่บอกข่าวของเธอให้มู่หวั่นขีเอง มู่หวั่นขีเกลียดเธอขนาดนั้น ก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสที่ดีนี้ไปได้หรอก”
“พวกนายจะทำอะไรกันแน่?” มู่น่อนน่อนยิ่งอยู่ก็ยิ่งไม่เข้าใจแล้วว่าลี่จิ่วชังคิดจะทำอะไรกันแน่
ทันใดนั้นลี่จิ่วชังก็ชะงัก แล้วขยับเข้าไปใกล้เธอ: “เธอปล่อยฉันไปสิ ฉันจะบอกเป้าหมายของพวกเรากับเธอเลย”
มู่น่อนน่อนมองเขาแล้วไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็กลับหลังหันเดินออกไปทันที
หลังจากที่เธอออกไปแล้ว ก็ปิดประตูแล้วยืนคิดอยู่ที่เดิม
ลี่จิ่วชังเป็นคนฉลาด แทบจะเทียบกับเฉินถิงเซียวได้เลย ถึงแม้จะถูกเฉินถิงเซียวจับตัวกลับมา เขาก็ทำท่าไม่สนใจ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่เขาคาดเดาไว้แล้วหรือเปล่า เธอเริ่มกลัวขึ้นมาแล้วล่ะ
เมื่อกี้เขายังพยายามโน้มน้าวให้เธอปล่อยตัวเขาไปอีก!
ลี่จิ่วชังมีความลับมากเกินไป เธอจะปล่อยเขาไปง่ายๆได้ยังไง?
ถึงแม้จะปล่อยเขาไป เฉินถิงเซียวก็ไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่นอน
มู่น่อนน่อนเดินออกไปได้ไม่ไหล ก็เจอสือเย่อีกแล้ว
สือเย่รู้ว่ามู่น่อนน่อนแค่ไปดูลี่จิ่วชังเท่านั้น ก็เลยถามอย่างสงสัยว่า: “คุณหญิงน้อยครับ?”
“ไม่ว่าฉันจะถามอะไรไป เขาก็พยายามพูดวกวนไปมา พูดแต่ที่ไร้ประโยชน์น่ะ” มู่น่อนน่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อว่า: “แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เบื้องหลังเขาต้องมีบุคคลอิทธิพลคอยหนุนหลังอยู่แน่ คนที่สามารถสืบหาความสัมพันธ์ของฉันกับมู่หวั่นขีได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงบาดหมางระหว่างเรา และยังหลอกใช้มู่หวั่นขีเพื่อเป้าหมายของพวกเขาอีก”
สือเย่ได้ยินแล้ว สีหน้าของเขาก็ตึงเครียดมากกว่าเดิม
ทันใดนั้นมู่น่อนน่อนก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้: “ลืมถามเขาเรื่องหนึ่งเลย”
“เรื่องอะไรเหรอครับ?”
“เกี่ยวกับการสะกดจิตไง ก่อนหน้านี้เฉินถิงเซียวก็เคยสงสัยเรื่องสะกดจิต อาจจะเกี่ยวข้องกับลี่จิ่วเชียนก็ได้ แม้ลี่จิ่วเชียนจะน่าสงสัย แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าลี่จิ่วชังน่าสงสัยมากกว่าอีก”
พูดถึงลี่จิ่วเชียน มู่น่อนน่อนก็เม้มปากสักพัก แล้วถึงพูดต่อว่า: “ลี่จิ่วเชียนเป็นหมอจิตแพทย์ และตัวตนเชฟของลี่จิ่วชังก็แน่ใจได้เลยว่าเขาใช้มาหลอกตาคนอื่นเท่านั้น”
สือเย่เงียบสักพักแล้วพูดว่า: “ถ้าตอนนั้นคนที่สะกดจิตคุณผู้ชายเป็นลี่จิ่วชังจริง งั้นเป้าหมายของพวกเขา ก็ยากที่จะคาดเดาได้เลยนะครับ”
……
ตอนกลางคืน มู่น่อนน่อนก็เรียกหมอมาทำแผลให้ลี่จิ่วชัง
สือเย่ก็พาคนไปสอบสวนลี่จิ่วชังอีกครั้ง สือเย่ถามอะไร ลี่จิ่วชังก็ตอบอย่างนั้น แต่สิ่งที่เขาพูดมา แทบจะไม่มีประโยชน์เลย
ตอนกินข้าว มู่น่อนน่อนไม่ค่อยอยากกินเท่าไหร่ เธอกินแค่นิดเดียวก็ลุกออกจากโต๊ะอาหาร จากนั้นก็เดินไปที่ลานบ้าน
อากาศหนาวขึ้นทุกวัน กลางคืนอุณหภูมิด้านนอกต่ำมาก
มู่น่อนน่อนยืนอยู่ที่ลานบ้านอยู่หลายนาที ก็รู้สึกหนาวมากแล้ว
และในสมองเธอก็มีแต่ภาพของเฉินมู่ลอยมา
หนาวขนาดนี้ คนพวกนั้นจะดูแลเฉินมู่ดีไหมนะ? พวกเขาจะให้ของกินลูกสาวเธอไหมนะ?
หรือว่า ตอนนี้เฉินมู่กำลังถูกคนอื่นรังแกโดยที่เธอไม่รู้หรือเปล่า
พอคิดถึงตรงนี้ มู่น่อนน่อนก็รู้สึกร้อนรนใจขึ้นมา และเริ่มกระวนกระวายอยู่ไม่เป็นสุข
เธอแทบอยากจะบินไปหาเฉินมู่เดี๋ยวนี้เลย
ในเวลาแบบนี้ เธอก็รู้สึกอยากโทษเฉินถิงเซียวขึ้นมาทุกที
ถ้าเฉินถิงเซียวบอกเธอเร็วกว่านี้ เธอกับเขาอาจจะคิดวิธีช่วยเฉินมู่ออกมาได้เร็วกว่านี้ก็ได้
มู่น่อนน่อนคิดเยอะมาก รู้สึกวุ่นวายใจไม่ไหว คำพูดของลี่จิ่วชังยังคงก้องอยู่ในหัวของเธอ
——เธอปล่อยฉันไปสิ แล้วฉันจะบอกเป้าหมายของพวกเรากับเธอ
ตอนนั้นได้ยินคำพูดนี้ของลี่จิ่วชัง เธอปฏิเสธเขาไปโดยไม่คิดไตร่ตรองเลย
แต่ตอนนี้ ในใจเธอกลับเริ่มหวั่นไหวเสียแล้ว
เวลาแบบนี้ เธอไม่มีเวลาให้คิดเยอะเลย ขอแค่ได้เจอเฉินมู่ แน่ใจว่าเฉินมู่ยังปลอดภัยดีก็พอใจแล้ว
ทันใดนั้น มู่น่อนน่อนก็รู้สึกตัวหนักขึ้นมาเล็กน้อย เธอหันหน้ากลับไป ก็เห็นเฉินถิงเซียวกำลังเอาเสื้อมาคลุมให้ตัวเอง
นอกจากตอนกลับมา ทั้งสองทะเลาะกันในห้องแล้ว วันนี้ก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลย
เฉินถิงเซียวอาจจะคิดถึงแต่เรื่องของแม่ และมู่น่อนน่อนก็กังวลเรื่องเฉินมู่
มู่น่อนน่อนดึงเสื้อที่เฉินถิงเซียวเอามาคลุมให้ตัวเองเล็กน้อย เธอครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ แล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเข้มงวดว่า: “เฉินถิงเซียว ฉันรอไม่ไหวแล้ว ฉันคิดถึงเฉินมู่มาก”
เธอคิดถึงเฉินมู่มาก เธออยากเอาตัวเองไปแลกกับเฉินมู่แทบตายแล้ว
เฉินถิงเซียวตอบเธอสามคำด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ไม่มีทาง”
มู่น่อนน่อนถามเขากลับว่า: “หรือนายไม่อยากรู้ข่าวของแม่นายเหรอ?”
สีหน้าของเฉินถิงเซียวตึงเครียดขึ้นมาทันที เหมือนกับทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง เพียงแค่ยืนข้างเขา ก็รู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเขา
ผ่านไปหลายวินาที เขาก็ตอบเธอด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า: “ตอนนั้น ฉันเห็นแม่ฆ่าตัวตายกับตาตัวเอง”
แม้มู่น่อนน่อนจะเคยฟังที่เฉินถิงเซียวเล่าเกี่ยวกับการตายของแม่ตัวเอง แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เฉินถิงเซียวพูดเรื่องแม่ตัวเองอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้
มู่น่อนน่อนก้มหน้าลงเล็กน้อย ครุ่นคิดสักพักแล้วก็พูดต่อว่า: “ใช่ ตอนนั้นนายเห็นเองกับตา แต่นายก็ยังคงคาดหวังอยู่ในใจลึกๆ นายหวังอยากให้แม่นายยังมีชีวิตอยู่”
เธอพูดจบก็จ้องเขม็งเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวเบือนหน้าหนีภายใต้การจ้องมองของเธอ เขากำลังหลบสายตาของเธออยู่
มู่น่อนน่อนรู้ว่า เธอเดาความคิดของเฉินถิงเซียวออกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...