ลี่จิ่วชังบอกว่า เขารู้ข่าวของแม่เฉินถิงเซียว
ยังไม่พูดเรื่องที่ลี่จิ่วชังรู้ข่าวของแม่เฉินถิงเซียวจริงหรือเปล่า แต่สำหรับเฉินถิงเซียวแล้ว กลับเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจเขามากที่สุด
นี่เป็นปมในใจของเฉินถิงเซียว เป็นจุดอ่อนของเขาที่พอพูดถึงก็จะระเบิดทันที
พักใหญ่ เฉินถิงเซียวก็พูดว่า: “ลี่จิ่วชังไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าแม่ฉันยังมีชีวิตอยู่เลย”
“ลี่จิ่วชังคงไม่พูดปากเปล่าหรอก” แม้มู่น่อนน่อนจะไม่เข้าใจลี่จิ่วชังมากเท่าไหร่ แต่กลับรู้สึกได้ว่า ลี่จิ่วชังไม่มีทางทำเรื่องที่ตัวเองไม่มั่นใจหรอก
เธอเพิ่งพูดจบ เฉินถิงเซียวก็รีบพูดว่า: “เรื่องนี้พอแค่นี้เถอะ เธอไม่ต้องเข้ามายุ่งแล้วล่ะ”
“นายมีแผนยังไง? แล้วจะตามหามู่มู่ยังไง? ลี่จิ่วชังไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่านายจะทำอะไรกับเขา! และนี่ก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้วด้วย!” มู่น่อนน่อนเป็นห่วงเฉินมู่มากจริงๆ
เฉินถิงเซียวทำหน้าบึ้งตึง ไม่ได้พูดอะไรแล้วกลับหลังหันเดินออกไปทันที
ทางที่เขาเดินไปนั้นเป็นห้องที่ลี่จิ่วชังอยู่
เฉินถิงเซียวเดินเข้าไปในห้องของลี่จิ่วชัง นานมากกว่าจะออกมา
มู่น่อนน่อนนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องโถง
เห็นเฉินถิงเซียวเดินออกมา มู่น่อนน่อนก็ถามเขาว่า: “ถามได้หรือยัง?”
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร แล้วเดินขึ้นบันไดไปทันที
จนกระทั่งเขาเดินหายไป มู่น่อนน่อนถึงจะสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเม้มปากครุ่นคิด
เธอนั่งอยู่ในห้องโถงนานมากก็ยังไม่ขึ้นไป และเฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ลงมาตามหาเธอด้วย
ถ้าเป็นปกติล่ะก็ เฉินถิงเซียวคงเดินลงมาเธอนานแล้ว
เฉินถิงเซียวคงคิดถึงเรื่องของแม่เขา และมู่น่อนน่อนก็คิดถึงแต่เฉินมู่ ทั้งสองคิดต่างกัน ในใจก็กระวนกระวายมาก ไม่มีเวลาให้คิดอย่างอื่นเลย
มู่น่อนน่อนนั่งอยู่ในห้องโถงจนถึงเที่ยงคืน ถึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินออกจากห้องโถง
……
‘ปัง’ เสียงดังลั่น ประตูห้องถูกคนดันออกจากด้านนอก
ลี่จิ่วชังนอนไม่หลับอยู่แล้ว ก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียงประตูนี้
เขายังไม่ทันลุกขึ้น ไฟในห้องก็ถูกคนเปิดออกก่อนแล้ว
ลี่จิ่วชังยื่นมือไปปิดตาตัวเองไว้ ตอนที่เอามือออก ก็เห็นมู่น่อนน่อนกำลังเดินมาที่ปลายเตียงตัวเอง
แววตาเขาประกายไปด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่ามู่น่อนน่อนจะมาหาเขาในเวลานี้
เขาพยุงตัวขึ้นและพิงหัวเตียง จ้องมู่น่อนน่อนนิ่งไม่พูดอะไร รอเธอพูดกับเขาก่อน
มู่น่อนน่อนเดินไปที่ปลายเตียง ยืนมองเขาแล้วพูดว่า: “คำพูดก่อนหน้านี้ ยังนับไหม?”
แววตาของลี่จิ่วชังประกายไปด้วยความตกใจ ต่อมาเขาก็แสยะยิ้มแล้วพูดว่า: “นับสิ”
มู่น่อนน่อนพูดต่อว่า: “ฉันยังมีอีกหนึ่งคำถาม”
ลี่จิ่วชังมองดูเธอ ให้เธอพูดต่อได้
“ตอนนี้มู่มู่เป็นยังไงแล้วบ้าง?” คำพูดของมู่น่อนน่อนเต็มไปด้วยความกังวล
“ในสายตาเธอ ฉันเลวร้ายถึงขนาดทรมานเด็กคนหนึ่งเลยเหรอ?” ลี่จิ่วชังหัวเราะ น้ำเสียงดูเหมือนกำลังกล่าวโทษเธออยู่
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ มู่น่อนน่อนก็ค่อยสบายใจหน่อย
เธอเชื่อสิ่งที่ลี่จิ่วชังพูด เชื่อว่าเขาไม่มีทางทำอะไรเฉินมู่
ถึงแม้เขาจะไม่ทำร้ายเฉินมู่ แต่เฉินมู่ก็ยังเด็กมาก ลูกสาวของเธอถูกคนแปลกหน้าลักพาตัวไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไป ตอนนี้มู่มู่คงจะกลัวมากเลย
เรื่องแบบนี้จะคิดเยอะไม่ได้ ถ้าคิดเยอะแล้ว มู่น่อนน่อนคงได้จมปลักอยู่ในความรู้สึกผิดแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...