มู่น่อนน่อนเดินตามหลังอาลั่ว ยิ่งเดินเข้าไปก็ยิ่งเงียบลงเรื่อยๆ
หลังจากขึ้นไปแล้ว บนทางเดินก็มีเสียงเท้าเดินก้องขึ้น
คฤหาสน์เงียบมากจนน่าสงสัย เมื่อกี้ตรงหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ มู่น่อนน่อนยังเห็นบอดี้การ์ดและคนรับใช้เพียบเลย นั่นแสดงว่าคฤหาสน์หลังนี้น่าจะมีคนอาศัยอยู่เยอะ
แต่ตอนนี้ มู่น่อนน่อนกลับรู้สึกว่า คฤหาสน์หลังนี้ไม่มีกลิ่นอายของคนเลย แม้จะมีคนรับใช้เดินผ่านพวกเธออยู่เป็นระยะ
ทางเลี้ยวตรงทางเดิน ภาพก็ดูกว้างใหญ่ขึ้น เดินไปด้านหน้าอีก ก็มีห้องเรือนกระจก
ไฟในห้องเรือนกระจกค่อนข้างมืด อาลั่วพาเธอเดินลัดเลาะห้องเรือนกระจก จนถึงหน้าประตูห้องหนึ่ง
อาลั่วหยุดเดินแล้วหันหน้าไป พูดกับเธอด้วยสีหน้าลำบากใจว่า: “เธอเข้าไปคนเดียวเถอะ”
เธอพูดจบก็ดันประตูเข้าไป
มู่น่อนน่อนยืนอยู่หน้าประตู มองไปที่เตียงข้างหน้า
บนเตียงใหญ่มีผ้าห่มผืนใหญ่คลุมไว้ และยังมีผ้าห่มหนาคลุมอีกชั้น บนหัวเตียงยังมีตุ๊กตาวางอยู่มากมาย เฉินมู่ตัวเล็กมาก คงจะถูกตุ๊กตาพวกนั้นทับเอาไว้อยู่
มู่น่อนน่อนพยายามเดินเสียงเบาที่สุด ขนาดลมหายใจยังเบาเลย
เธอเดินเข้าไป อาลั่วมองดูเธอเดินไปข้างเตียง จากนั้นก็ปิดประตูลง กอดอกเดินวนอยู่ในห้องเรือนกระจก แล้วหาเก้าอี้นั่งลง
ภายในห้อง มู่น่อนน่อนเดินไปถึงข้างเตียงแล้ว
เฉินมู่แทบจะอยู่ในผ้าห่มอยู่แล้ว แค่มีหัวเล็กๆโผล่ออกมานิดเดียว หายใจถี่ปกติ ดูท่าจะหลับลึกมาก
หลังจากที่ชินกับไฟสลัวในห้องแล้ว มู่น่อนน่อนก็เห็นเฉินมู่ชัดมากขึ้น
เธอนั่งอยู่ตรงข้างเตียง เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มที่คลุมหน้าของเฉินมู่ลง ให้ใบหน้าของลูกโผล่ออกมาทั้งหมด
สีหน้าของเฉินมู่ดูดีมาก หลับตาพริ้มขนตายาวเป็นแพ จมูกก็กำลังหายใจถี่ ไม่รู้ว่ากำลังฝันหวานอะไรอยู่
มู่น่อนน่อนมองดูเฉินมู่ เธอไม่อยากละสายตาจากลูกสาวเลย เธอกลัวจะทำให้เฉินมู่ตื่น จึงลูบผมของเฉินมู่เบาๆ
เฉินถิงเซียวบอกว่า นิสัยของเฉินมู่เหมือนกับเธอ
มู่น่อนน่อนคิดว่า เฉินมู่เหมือนเธอมาก เฉินมู่ฉลาดกว่าเธอและยังมีไหวพริบปฏิภาณที่ดีมากด้วย แม้จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมแปลกหน้า เฉินมู่ก็ยังกินดีอยู่ดีได้
ลูกสาวของเธอ อาจจะแตกต่างจากที่เธอคิดไว้ก็ได้
มู่น่อนน่อนเฝ้าเฉินมู่อยู่ข้างเตียงพักใหญ่ นึกได้ว่าอาลั่วยังเฝ้าอยู่ด้านนอก เธอดึงผ้าห่มคลุมตัวเฉินมู่แล้ว ก็ถึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอก
เธอเปิดประตูออกไป ก็ไม่เห็นอาลั่วอยู่หน้าประตูแล้ว และสายตาก็มองไปที่ห้องเรือนกระจก
เธอเดาว่า อาลั่วน่าจะอยู่ที่นั่น
มู่น่อนน่อนเดินไป ก็เห็นอาลั่วนั่งหลังตรงอยู่ท่ามกลางดอกไม้ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
มู่น่อนน่อนไม่ได้พูดอะไร อาลั่วก็หันหน้ากลับไปมองเธอ
อาลั่วพูดกับมู่น่อนน่อนว่า: “คืนนี้เธอนอนที่นี่ได้นะ”
“อืม” มู่น่อนน่อนตอบคำเดียว
อาลั่วพูดจบ ก็กลับหลังหันเดินออกไปทันที
มู่น่อนน่อนรู้สึกแปลกใจ อาลั่วรอเธออยู่ที่นี่ตั้งนาน เพื่อพูดแค่นี้เนี้ยนะ?
จนกระทั่งแผ่นหลังของอาลั่วหายไปจากห้องเรือนกระจกแล้ว มู่น่อนน่อนถึงเดินกลับไปที่ห้องของเฉินมู่
อาลั่วเดินไปถึงทางเดิน ก็เจอลูกน้องเดินมาพอดี
ลูกน้องเห็นเธอแล้ว ก็ทักทายเธออย่างเคารพว่า: “คุณหนูอาลั่ว”
อาลั่วพยักหน้าเล็กน้อยแล้วถามเขาว่า: “คุณผู้ชายกลับมาหรือยัง?”
“ยังเลยครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...