ใบหน้าของมู่น่อนน่อนมีความโกรธกริ้วโผล่ขึ้นมาเสี้ยวนึง น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย:“อาลั่ว คุณจะทำอะไรกันแน่!ฉันรู้ว่าเพราะลี่จิ่วเชียนแล้วคุณได้มีความบาดหมางกับฉัน แต่คุณก็อย่ารังแกคนมากเกินไปนะ!”
อาลั่วยิ้มหยันพร้อมกัดฟันพูด:“มู่น่อนน่อน ฉันดูถูกคุณเกินไปแล้ว”
ถึงแม้เธอรู้สึกเจ็บใจ แต่ก็แค่อุทานอย่างเย็นชาก็ได้หันหลังเดินออกไปเลย
มู่น่อนน่อนรอให้อาลั่วออกไป หลังจากเดินไปล็อกประตูแล้ว ก็ได้รีบเดินมาเปิดตู้เสื้อผ้า
เธอเปิดประตูตู้เสื้อผ้าของด้านในสุดออก ดึงเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ออกมาข้างนอกทีละตัวๆ ก็เห็นเฉินถิงเซียวกำลังยืนพิงอยู่ที่ผนังตู้เสื้อผ้า
ถึงจะหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้า เฉินถิงเซียวดูแล้วไม่เพียงไม่ตกที่นั่งลำบากเลย กลับกันออร่ายังดูไม่ลดลงเลย
คนบางคนนี่เกิดมาก็ดูสูงส่งเลย
แต่มู่น่อนน่อนก็ยังรู้สึกว่าแบบนี้กล้ำกลืนเฉินถิงเซียวมาก
เธอเม้มปากและพูดว่า:“เธอไปแล้วค่ะ ออกมาได้เลย”
เฉินถิงเซียวมองเธอแว๊บนึง นัยน์ตาที่ดำสนิทแฝงด้วยกลิ่นอายของความดุร้าย
มู่น่อนน่อนกะพริบตาปริบๆ รู้สึกหนาวสันหลังอย่างควบคุมไม่ได้
เฉินถิงเซียวเป็นอะไรไป?
เขาออกมาจากตู้เสื้อผ้า แม้แต่เสื้อผ้าบนตัวก็ขี้เกียจที่จะจัดให้เรียบร้อย แค่จ้องมู่น่อนน่อนไว้อย่างเย็นชาแบบนี้
ถึงแม้มู่น่อนน่อนไม่รู้เลยว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาโกรธ แต่ก็ยังร้อนตัวอย่างไร้สาเหตุ
เธอถามเฉินถิงเซียว:“เป็นอะไรไปคะ?”
เฉินถิงเซียวก้มหน้า หรี่ตาจ้องมู่น่อนน่อนไปพักนึง ถึงค่อยๆเปิดปากพูด:“เจ้านายอีกคน?คุณผู้หญิง?”
น้ำเสียงของเขาเย็นชา ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด และฟังไม่ออกเลยว่าโกรธ
ยิ่งฟังไม่ออกว่าโกรธ ก็ยิ่งหมายความว่ากำลังโกรธอยู่
มู่น่อนน่อนเม้มปากแล้วพูด:“แค่พูดออกมายั่วโมโหอาลั่วเฉยๆ คุณก็ทำเป็นไม่ได้ยินก็พอค่ะ”
“แต่ผมได้ยินแล้ว”เฉินถิงเซียวยักคิ้ว ชัดเจนว่าไม่คิดจะยุติแบบนี้
“……”
มู่น่อนน่อนอ้าปาก แต่สรรหาคำพูดไม่ได้ในชั่วขณะ
ทั้งสองสบตากันไปครู่นึง มู่น่อนน่อนได้เป็นฝ่ายหมดความอดทนก่อน
“งั้นก็ตามใจคุณ”
บางครั้งเฉินถิงเซียวก็เหมือนเด็กเลย ถึงรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ยังจะโกรธอีก
แต่วันนี้ มู่น่อนน่อนไม่คิดที่จะง้อเขาแล้ว จะโกรธซี้ซั้วทุกครั้งไม่ได้ จากนั้นก็ให้เธอไปง้ออีก เธอก็มีอารมณ์เหมือนกันนะ
เธอไม่ง้อเฉินถิงเซียว แต่เฉินถิงเซียวเจ้าอารมณ์กว่าเธอเสียอีก
เขามองมู่น่อนน่อนแว๊บนึง ก็ได้หันหลังเดินไปที่ริมหน้าต่าง จากนั้นได้โดดไปนอกหน้าต่างโดยไม่บอกกล่าวสักคำ
มู่ย่อนน่อนอึ้งอยู่ครู่นึงถึงดึงสติกลับมา เธอรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ริมหน้าต่างอย่างไว
เธอยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง โน้มตัวมองลงไปข้างล่าง ด้านล่างมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลย ร่างเงาคนยิ่งไม่ต้องพูดถึง
มู่น่อนน่อนมองดูรอบๆ เธอก็ไม่กล้าเรียกชื่อเขาเสียงดัง ได้แต่เรียกเบาๆว่า:“เฉินถิงเซียว!”
แต่เฉินถิงเซียวไม่ตอบเธอเลย
มู่น่อนน่อนปิดหน้าต่าง แล้วหันหลังกลับมาเดินไปมาอยู่ที่ห้องนอน
เธอเดินไปด้วยและพึมพำไปด้วย:“ฉันไม่ใช่ไม่รู้สึกสักหน่อยว่าเขามีนิสัยยังไง ฉันไม่โกรธ ฉันไม่โกรธ……”
ไม่โกรธสิแปลก!
มู่น่อนน่อนนั่งลงที่โซฟา หยิกหมอนไว้ทุบตีอยู่พักนึง ในที่สุดถึงรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยนึง
ขณะนี้ เธอรู้สึกได้ว่ากระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองเหมือนมีของ
มู่น่อนน่อนยื่นมือล้วงออกมาดู พบว่าในกระเป๋าเสื้อไม่รู้มีมือถือเพิ่มมาหนึ่งเครื่องตั้งแต่เมื่อไหร่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...