ในที่สุด ตอนที่เฉินถิงเซียวคีบผักให้มู่น่อนน่อนอีกครั้ง ลี่จิ่วเชียนได้เขวี้ยงตะเกียบในมือลงบนโต๊ะอาหารฉับพลัน พร้อมพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมและเฉียบขาด:“อาลั่ว ส่งแขก!”
อาลั่วเกลียดขี้หน้าเฉินถิงเซียวตั้งนานแล้ว ได้รีบลุกขึ้นมาแล้วเดินมาที่ตรงหน้าของเฉินถิงเซียว:“คุณเฉิน เชิญค่ะ”
เฉินถิงเซียววางตะเกียบลงอย่างเอื่อยเฉื่อย พร้อมถามสือเย่ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม:“สือเย่ กินอิ่มหรือยัง?”
สือเย่เงียบไปครู่นึง จากนั้นถึงพูดว่า:“ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ครับ”
“อืม” ทีนี้เฉินถิงเซียวถึงลุกขึ้น:“งั้นก็ไปเถอะ”
อย่าว่าแต่ลี่จิ่วเชียนเลย ถ้าพูดกลางๆแม้แต่มู่น่อนน่อนก็ยังรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวทำเกินไปจริงๆ
ทั้งสองเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ไม่เห็นหัวลี่จิ่วเชียนเลย
เฉินถิงเซียวกับสือเย่ได้เดินออกไปข้างนอก ไม่แม้แต่จะหันมามองเลย
จู่ๆลี่จิ่วเชียนได้ลุกขึ้นมากะทันหัน และปัดจานที่อยู่ตรงหน้าทิ้งไปที่พื้นหมด
จานลงไปที่พื้น ส่งเสียงกร๊องแกร๊งๆออกมา
ปฏิกิริยาแรกของมู่น่อนน่อนก็คืออุ้มเฉินมู่ขึ้นมา
เฉินมู่ตกใจจนเอ๋อไปแล้ว
ในเวลานั้น ตอนที่จู่ๆความทรงจำของเฉินถิงเซียวได้กลายมาเป็นสับสน ภายใต้การควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ก็เคยเขวี้ยงข้าวของที่วิลล่าเหมือนกัน
เห็นได้ชัดว่านาทีนี้ลี่จิ่วเชียนได้สติแตกไปแล้ว
อาลั่วให้คนส่งเฉินถิงเซียวพวกเขาออกไป ยังเดินไปได้ไม่ไกล ได้ยินความเคลื่อนไหวของห้องอาหาร เธอก็ได้ย้อนกลับมาทันที
เธอมองไปที่มู่น่อนน่อนอย่างสีหน้าไม่เปลี่ยน:“ยังไม่ไปอีก?”
เฉินมู่ตกใจ ถึงอาลั่วไม่พูด มู่น่อนน่อนก็เตรียมจะไปอยู่ดี
ในเมื่ออาลั่วก็พูดแบบนี้แล้ว เธอจึงได้อุ้มเฉินมู่เดินออกไปข้างนอก ไม่หยุดแม้แต่นาทีเดียว
อาลั่วเห็นมู่น่อนน่อนไปอย่างรวดเร็วขนาดนี้ ได้โกรธจนหัวเราะ แต่สถานการณ์ของลี่จิ่วเชียนในตอนนี้ทำให้เธอไม่ทันไปคิดอย่างอื่น เธอเดินมาที่ตรงหน้าของลี่จิ่วเชียน ล้วงยาที่พกติดตัวตลอดออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้กับลี่จิ่วเชียน
ลี่จิ่วเชียนได้ปัดขวดยาที่อาลั่วยื่นมาทันที คนทั้งคนอยู่ในความเกรี้ยวกราด:“เอาไป!”
พริบตาเดียวขวดยาถูกได้เขาปัดทิ้ง อาลั่วรีบไปเก็บกลับมา
“คุณชาย……”อาลั่วมองลี่จิ่วเชียนด้วยความกังวล แต่กลับไม่รู้ต้องจะทำยังไง
ก็ไม่กล้ายื่นขวดยาให้เขาอีก
ความโกรธของลี่จิ่วเชียนได้พุ่งทะยานขึ้นไป มือสองข้างของเขายันอยู่บนโต๊ะอาหาร และพูดอย่างดุร้าย:“ถือสิทธิ์อะไรว่าเฉินถิงเซียวกับฉันไม่เหมือนกัน?เดิมทีเฉินถิงเซียวก็ควรจะเป็นคนแบบเดียวกันกับฉันอยู่แล้ว!”
ทุกถ้อยคำที่เขาพูดออกมา
ล้วนเหมือนน้ำแข็งที่รวมตัวกันยังไงอย่างงั้น แฝงด้วยความหนาวเย็น
……
มู่น่อนน่อนพาเฉินมู่ออกมาจากห้องอาหาร เฉินมู่เงียบสงบ ใบหน้าเล็กๆบึ้งตึงไว้ไม่พูดจาสักคำ แค่ซบมู่น่อนน่อนไว้แน่น
ในใจมู่น่อนน่อนรู้ดีว่าลี่จิ่วเชียนได้ทำให้เฉินมู่ตกใจแล้ว
มู่น่อนน่อนเห็นลี่จิ่วเชียนเป็นแบบนี้มาสองครั้งแล้ว ไม่ได้ตกตะลึงเหมือนที่เห็นครั้งแรกแล้ว
มู่น่อนน่อนได้หันกลับไปมองทิศทางของห้องอาหารอีกแว๊บนึง จากนั้นก็ได้พาเฉินมู่ขึ้นไปชั้นบน พอปลอบโยนเฉินมู่เสร็จ ถือโอกาสตอนที่เฉินมู่หลับไปแล้ว มู่น่อนได้หามือถือที่ก่อนหน้านี้เฉินถิงเซียวให้เธอออกมา แล้วโทรหาเฉินถิงเซียว
เสียงรอสายดังตู๊ดขึ้นทีเดียว ก็มีคนรับสายแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...