ติ๊ด--
ภายในห้องพักผู้ป่วย เสียงเครื่องมือแพทย์ดังขึ้นเป็นระยะตามระบบ
มู่น่อนน่อนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย พลันตื่นขึ้นมาในเวลานี้พอดี
เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา พลางมีเสียงฝีเท้าจากทางเดินห้องพักผู้ป่วยดังเข้าหูเป็นสิ่งแรก และมีเสียงเครื่องผลิตออกซิเจนอยู่ใกล้ตัว
เธอขยับนิ้วมือ พลางพบว่ามีสิ่งของบางอย่างคีบนิ้วเอาไว้
พลางเอนศีรษะเหลือบมอง จึงพบว่ามีคลิปหนีบนิ้วมือเชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์
มู่น่อนน่อนดึงคลิปที่หนีบนิ้วมือออก และใช้มือพยุงตัวให้ลุกนั่ง
เธอประเมินภายในห้องพักผู้ป่วยก่อนเล็กน้อย
ห้องพักผู้ป่วยมองดูกว้างขวางมาก แถมยังปลอดโปร่งและสว่างมาก
น่าจะเป็นห้องพักอันหรูหราของโรงพยาบาลเอกชนสักแห่ง อุปกรณ์มองดูทันสมัยมาก ในห้องพักนอกจากเตียงที่เธอนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยแล้ว ยังมีโซฟาและโต๊ะ รวมทั้งมีเตียงคนเฝ้าไข้ไว้ด้วย
สมองมีอาการมึนหัวเล็กน้อย
ไฟไหม้ เฉินมู่ เฉินถิงเซียว
ความทรงจำค่อยๆ ฟื้นกลับมา ใบหน้าไม่มีเลือดฝาดของมู่น่อนน่อนเป็นทุนเดิม พลันหน้าซีดลงถนัดตา
เวลานี้เอง มีพยาบาลผลักประตูเดินเข้ามา
เมื่อพยาบาลเห็นมู่น่อนน่อนฟื้นแล้ว พลางพูดอย่างตื่นตระหนว่า “คุณฟื้นแล้วเหรอคะ?”
นางพยาบาลสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ
มู่น่อนน่อนเหลือบมองนางพยาบาล แต่ไม่พูดจาอะไร
นางพยาบาลรีบวางสิ่งของที่อยู่ในมือทันที “ฉันจะออกไปเรียกเพื่อนของคุณให้เข้ามา คุณรอเดี๋ยวนะคะ...”
พยาบาลเห็นว่ามู่น่อนน่อนไม่ได้พูดอะไรออกมา พลางคิดว่าเธอฟังภาษาอังกฤษไม่ออก จึงใช้มือเพื่อช่วยแสดงท่าทาง พร้อมทั้งเปล่งคำพูดเป็นภาษาจีนออกมาอย่างสุดกำลัง “รอ...ฉัน”
เธอพูดอย่างยากลำบาก ออกเสียงค่อนข้างเน้นหนักไปหน่อย
มู่น่อนน่อนถึงได้พยักหน้า
พยาบาลยิ้มให้เล็กน้อย พลันหันหลังเดินออกไปทันที
ตอนที่พยาบาลออกไปนั้น ไม่ได้ปิดประตูห้องให้สนิทอย่างเข้มงวดมากนัก ไม่นาน มู่น่อนน่อนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบได้ยินมาแต่ไกลจนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
พริบตาเดียวพลันมีเสียง “แอ๊ด” บานประตูถูกเปิดออก
ตอนที่เห็นว่าเป็นใครเข้ามานั้น ความหวังในแววตามู่น่อนน่อนพลันมลายหายไปทันที
“ฟื้นแล้วเหรอคะ?” อาลั่วเดินมายืนตรงหน้าเธอ “รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
มู่น่อนน่อนยังไม่ยอมพูดจา
อาลั่วย่นคิ้วเล็กน้อย และหันศีรษะไปพูดกับพยาบาล “ตรวจร่างกายเธอที ดูสิว่าสูดเขม่าควันไฟมาจนสมองได้รับความเสียหายไปหรือเปล่า”
พยาบาลเห็นสีหน้าอาลั่วไม่เป็นมิตร เลยไม่ได้พูดอะไรมา พลางหันกลับออกไปเรียกคุณหมอเข้ามา
หลังจากตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้ว มู่น่อนน่อนยังคงไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ
ซึ่งเป็นการตรวจร่างกายตามปกติทั่วไป ไม่นานนักผลการตรวจร่างกายก็ออกมา
“คุณอาลั่วครับ ร่างกายของคุณมู่นอกจากอาการอ่อนเพลียเพียงเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอื่นอีกแล้วครับ”
เมื่อได้รับคำตอบของคุณหมอ อาลั่วพลางยกมือเพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้พวกเขาออกไปได้แล้ว
คุณหมอ พยาบาลและลูกน้องของเธอทั้งหมดต่างพลันออกจากห้องทันที
“มู่น่อนน่อน ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณมีความรู้สึกอย่างไร แต่ว่าคนก็เสียชีวิตไปแล้วและไม่สามารถชุบชีวิตได้ คุณตัดใจเถอะ” น้ำเสียงอาลั่วเย็นชาที่สุด
มู่น่อนน่อนที่ไร้ความรู้สึกมาตั้งแต่แรก ในที่สุดก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวแล้ว พลางถามด้วยเสียงแหบพร่า “ใครตาย?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...