สือเย่ถอนหายใจเล็กน้อย “ผมเข้าใจครับ”
มู่น่อนน่อนพยักหน้านิดหน่อย แล้วหันเดินไปทางห้องของเฉินมู่พร้อมกับพูดว่า “ฉันไปดูเฉินมู่อีกที เดี๋ยวจะกลับมา”
สือเย่ได้ยินว่าเธอจะไปหาเฉินมู่ ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ยินยอมเงียบๆ
มู่น่อนน่อนไปดูเฉินมู่ ก่อนจะออกจากวิลล่าไป
ประตูใหญ่วิลล่า มีรถสองคันจอดเตรียมพร้อมอยู่แล้ว รถคันหนึ่งในนั้นบรรจุของใช้ของมู่น่อนน่อน รถอีกคันอาจจะมารับเธอไป
มู่น่อนน่อนลดสายตาลงเล็กน้อย “สิ่งของพวกนี้ไม่จำเป็น และไม่ต้องไปส่งฉัน ฉันขับรถไปเอง”
สือเย่เข้าใจอารมณ์โกรธของมู่น่อนน่อน จึงไม่ได้ฝืนบังคับมากนัก แค่ถามหยั่งเชิงว่า “งั้นให้ผมบอกที่อยู่บ้านกับคุณไหมครับ”
“ไม่ต้อง ฉันจะไม่ไปอยู่” มู่น่อนน่อนปฏิเสธตรงๆ และขับรถตัวเองออกไป
สือเย่ยืนอยู่ใต้โคมไฟทางตรงหน้าประตูใหญ่ เห็นมู่น่อนน่อนขับรถจากไปแล้ว ถึงได้โทรออกไปหาเฉินถิงเซียว
“คุณชายครับ”
เฉินถิงเซียวเอ่ยถาม “เธอไปแล้วเหรอ”
“คุณหญิงน้อยเพิ่งไปครับ แต่ว่า......”
คำพูดของสือเย่เพิ่งผ่านไปครึ่งเดียว ก็ถูกเฉินถิงเซียวขัดจังหวะ “เธอไม่ต้องการสิ่งของ และไม่ต้องการบ้านใช่ไหม”
สือเย่ถอนหายใจเล็กน้อย “ใช่ครับ”
ปลายสายโทรศัพท์เกิดความเงียบ ก่อนที่เสียงของเฉินถิงเซียวจะดังขึ้นอีกครั้ง “ผมรู้แล้ว คุณกลับไปก่อน”
เดิมทีสือเย่ยังมีถ้อยคำที่ต้องการพูด แต่คำพูดของเฉินถิงเซียวกลับขัดขวางถ้อยคำในตอนท้ายที่ยังไม่ได้พูดออกมา
“ได้ครับ” เขาจึงได้แต่วางสายไป
……
มู่น่อนน่อนย้ายกลับไปยังห้องชุดที่เช่าไว้ก่อนหน้านี้
ห้องชุดหลังนั้นเธอเซ็นสัญญาระยะยาว ต่อให้ย้ายกลับไปวิลล่าของเฉินถิงเซียว ก็ไม่ได้มีการคืนห้อง
ตอนนี้ได้ใช้สอยอีกครั้งพอดี
ก่อนหน้านี้พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกเคยอาศัยอยู่ในห้องชุดหลังนี้ด้วยกัน ในห้องมีของจุกจิกเพิ่มขึ้นพอสมควร
ที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุด คงเป็นโต๊ะทำงานใหญ่ในห้องโถง
ตอนนั้นเฉินถิงเซียวยืนกรานว่าจะเข้ามาอยู่ ถึงได้ตั้งโต๊ะทำงานไว้ตรงนั้น
มู่น่อนน่อนเดินไปยืนนิ่งที่หน้าโต๊ะครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปหลังโต๊ะทำงาน เก็บเอาของที่เหลือบนโต๊ะและชั้นวางหนังสือออกไป หลังจากนั้นเอาคอมพิวเตอร์ของตัวเองกับหนังสือข้อมูลอ้างอิงวางลง
หลังจากนี้ไป นี่จะเป็นโต๊ะทำงานของเธอคนเดียว
ในห้องไม่มีใครอยู่มานาน มู่น่อนน่อนทำความสะอาดง่ายๆ ครู่หนึ่ง ไม่มีความอยากอาหารแม้แต่อาหารเย็นก็ขี้เกียจทาน แค่หลับไปทั้งอย่างนั้น
......
เช้าวันรุ่งขึ้น มู่น่อนน่อนขับรถไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต
ซื้อของใช้ประจำวันและวัตถุดิบทำอาหารมากมาย เพื่อนำกลับไปทำทานเอง
เธอกลับถึงที่พัก เพิ่งทำอาหารเสร็จ ก็ได้รับสายจากฉินสุ่ยซาน
“ที่บอกกับคุณไว้เมื่อวาน ว่าคืนนี้มีงานยังจำได้ไหม มีชุดหรือยัง ตอนบ่ายอยากไปดูด้วยกันไหม”
มู่น่อนน่อนพิงหลังกับพนักเก้าอี้ พูดอย่างไร้แรงกำลัง “ได้สิ”
ฉินสุ่ยซานได้ยินความผิดปกติในน้ำเสียงของมู่น่อนน่อน จึงถามเธอออกไปว่า “ทำไมคุณพูดอย่างไร้แรงกำลังจัง คุณเป็นอะไร”
“ไม่ได้เป็นอะไร ฉันยังมีธุระ ไม่มีอะไรแล้วฉันวางนะ” มู่น่อนน่อนหยิบตะเกียบขึ้นมา จิ้มผักในจานที่อยู่ตรงหน้าอย่างคนไร้จิตวิญญาณ
ฉินสุ่ยซานโทรหาเธอ หลักใหญ่ใจความก็คือเตือนเธอเกี่ยวกับงานคืนนี้ จึงบอกลาแล้ววางสายไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...