มู่น่อนน่อนไม่ได้สัญญาหรือปฏิเสธในทันที
เธอแค่รู้สึกตกใจมาก
ตั้งแต่ตอนยังอยู่กับเฉินถิงเซียว เธอผ่านประสบการณ์หลายอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน แต่ที่ฉีเฉิงพูดเธอเพิ่งได้ยินครั้งแรก
ที่แท้ มีองค์กรใต้ดินประเภทที่ซื้อชีวิตคนได้อยู่จริงๆ
ฉีเฉิงส่งมู่น่อนน่อนขึ้นรถ แล้วหันหลังกลับเข้าวิลล่า
มู่น่อนน่อนนั่งอยู่ในรถ ความคิดยังคงค่อนข้างล่องลอย
เธอค่อยๆ คาดเข็มขัดนิรภัย วางมือบนพวงมาลัยครู่หนึ่งถึงสตาร์ทรถ
ขณะที่เธอขับรถออกจากเขตวิลล่า ด้านหน้ามีรถกำลังขับเข้ามาเช่นกัน เป็นรถที่ดูค่อนข้างคุ้น
หลังจากเข้ามาในระยะประชิด มู่น่อนน่อนจึงพบว่า นั่นเป็นรถของเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่เห็นแล้วขับต่อไป
ทว่าเฉินถิงเซียวกลับขวางทางเธอ
ทั้งคู่หยุดนิ่งกันไปชั่วขณะ และเป็นมู่น่อนน่อนที่ลงจากรถก่อน
หลังจากเธอลงจากรถ เฉินถิงเซียวก็ตามลงมา
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปตรงหน้าเขา สบกับดวงตาราวกับหมึกของเขา ก่อนจะหลบอย่างอึดอัด “คุณกำลังขวางทางฉัน”
ปฏิกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ของเธออยู่ในสายตาเฉินถิงเซียว เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ต่อไปมาหามู่มู่ ไม่ต้องสนใจฉีเฉิง”
มู่น่อนน่อนค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อย เม้มริมฝีปากและพูดว่า “เพราะอะไร”
“ฉีเฉิงเป็นบอดี้การ์ดของเฉินจิ่งหยุ้น เฉินจิ่งหยุ้นเป็นคนในตระกูลเฉินของเรา สถานะคุณอยู่ตรงไหนมาให้ผมบอกคุณว่าเพราะอะไร” น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวทุ้มต่ำอยู่ในระดับเดียวกัน ไม่มีร่องรอยของอุณหภูมิ ราวกับกำลังคุยกับคนแปลกหน้า
มู่น่อนน่อนอ้าปากเล็กน้อย รู้สึกในลำคอเหมือนมีอะไรติดอยู่ อยากพูดแต่กลับไม่มีเสียงออกมา
เธอยังปรับตัวให้ชินกับเฉินถิงเซียวที่คุยกับเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่ได้
แม้เฉินถิงเซียวจะเยาะเย้ยเย็นชาใส่เธอ ก็แสดงได้เพียงว่า เฉินถิงเซียวยังมีความรู้สึกต่อเธออยู่
คำพูดของเฉินถิงเซียวความจริงแล้วมีเหตุผล มู่น่อนน่อนไม่มีทางโต้แย้งได้เลย
มีช่วงเวลาหนึ่ง มู่น่อนน่อนอยากถามเขาออกไป เพราะอะไรกันแน่ถึงตกลงแยกทาง ทำไมต้องไล่เธอออกมา
แต่ศักดิ์ศรีและสติสัมปชัญญะของเธอไม่ยอมให้เธอถาม
มู่น่อนน่อนกำมือแน่น หันหลังกลับไปขึ้นรถ
เฉินถิงเซียวมองมู่น่อนน่อนเดินกลับไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เธอมีรูปร่างผอมเพรียว ภายใต้การห่อหุ้มของเสื้อโค้ตตัวหนา ก็ยังดูผอมบาง
เขาเฝ้ามองกระทั่งมู่น่อนน่อนขึ้นรถแล้ว ถึงได้หันกลับไปขึ้นรถตัวเอง ขับรถหลบ ให้มู่น่อนน่อนออกไป
หลังจากมู่น่อนน่อนไปแล้ว เขาจึงขับรถกลับไปที่วิลล่า
เฉินถิงเซียวลงจารถและตรงเข้าวิลล่า คนรับใช้และบอดี้การ์ดระหว่างทางที่เดินผ่านต่างก้มศีรษะน้อยๆ เพื่อต้อนรับ
“คุณชายกลับมาแล้ว”
เฉินถิงเซียวสีหน้าบึ้งตึง ทั้งกายมีกลิ่นอายเย็นยะเยือก ก้าวกว้างไปข้างหน้า โดยไม่พูดอะไรสักคำ
พวกคนรับใช้เห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากอีกเลย ต่างคนต่างไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
เข้าไปถึงห้องโถง เขาเห็นฉีเฉิงจ้องฉีเฉิงอย่างเย็นชามากพร้อมกับพูดประโยคเดียว “มาห้องหนังสือ”
พูดจบ เขาล่วงหน้าขึ้นชั้นบนไปห้องหนังสือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...