อ่านสรุป บทที่ 665 ฉันให้อภัยเธอ แล้วใครจะให้อภัยฉัน จาก ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○)
บทที่ บทที่ 665 ฉันให้อภัยเธอ แล้วใครจะให้อภัยฉัน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Meow(○` 3′○) อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
อะไรกัน
ไหนสือเย่บอกว่าเฉินถิงเซียวประชุมอยู่ที่บริษัทไม่ใช่เหรอ
ทำไมเฉินถิงเซียวยังอยู่ที่บ้านได้ล่ะ
เฉินถิงเซียวลงมาจากชั้นบน ตอนที่เห็นมู่น่อนน่อน แววตามีความประหลาดใจแวบผ่านอย่างไว
มู่น่อนน่อนนึกขึ้นถึงวันที่เธอถูกคนของเจียงซ่งขัดขวาง ภาพเหตุการณ์ที่เฉินถิงเซียวกับซูเหมียนโอบกอดกันอยู่ข้างถนน
หลายวันมานี้ ภาพนั้นคอยตอกย้ำเธอตลอดว่าเฉินถิงเซียวไม่ใช่เฉินถิงเซียวคนก่อนหน้านี้แล้ว
มู่น่อนน่อนกำมือไว้แน่น รู้สึกความหนาวเย็นหนาวจากศีรษะลงมาสู่เท้า
เธอเม้มปากไว้แน่น เสียงที่เปล่งออกมาแฝงด้วยความเย็นชา “ผู้ช่วยสือบอกว่าคุณประชุมอยู่ที่บริษัท ฉันถึงมาที่นี่”
“งั้นเหรอ ”นาทีนี้เฉินถิงเซียวได้ลงบันไดมาแล้ว กำลังเดินมาหาเธอ
เขาได้หยุดลงตรงตำแหน่งที่ห่างจากมู่น่อนน่อนสามก้าว “สือเย่ได้บอกหรอว่าผมประชุมอยู่ที่บริษัท คือสือเย่พูดไม่ชัดเจน หรือว่าคุณฟังได้ไม่ชัดเจนพอ ”
มู่น่อนน่อนรู้สึกตัวเองคงจะบ้าไปแล้ว
เพราะนาทีนี้ ในหัวเธอไม่ได้คิดว่าจะโต้แย้งคำพูดที่แฝงด้วยการยั่วยุของเฉินถิงเซียวยังไง แต่สิ่งที่เธอคิดคือเฉินถิงเซียวผอมลงมาก ดูแล้วซูบผอมไปเยอะเลย
เธอกับเฉินถิงเซียวใช้ชีวิตมาด้วยกันนาน ต่างก็คุ้นเคยซึ่งกันและกันมาก
ดังนั้น พอไม่ได้เจอหน้ากันช่วงนึง เธอก็สามารถพบเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเฉินถิงเซียวผอมลง
เฉินถิงเซียวเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้ดีมาก น้ำหนักจะรักษาเอาไว้ที่ตัวเลขเดิมตลอด ไม่เคยขึ้นเลย นอกจากเหนื่อยล้าเกินไปถึงจะลดลงมาหน่อย
เฉินถิงเซียวที่หลังจากซูบผอมลง ดูแล้วเหมือนยิ่งดุร้ายมากขึ้น หน้าตาก็ยิ่งคมเข้มขึ้น ให้ความรู้สึกที่ยิ่งหล่อกระชากใจมากยิ่งขึ้น
เฉินถิงเซียวที่เป็นแบบนี้ สำหรับมู่น่อนน่อนแล้วรู้สึกแปลกตานิดหน่อย
มีความรู้สึกเหมือนผ่านไปหนึ่งชาติภพในชั่วขณะ
“พูดสิ”
เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายอยู่ใกล้แค่เอื้อม
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมากะทันหัน ถึงพบว่าตอนที่เธอเหม่อลอย เฉินถิงเซียวได้เดินมาที่ตรงหน้าเธอแล้ว
เขาหลุบตามองเธอ แววตามีการสำรวจที่สังเกตเห็นได้ยาก สายตาของเขากวาดผ่านใบหน้าเธอ แล้วหยุดอยู่ที่บนคอของเธออยู่ครู่นึง
มู่น่อนน่อนสังเกตเห็นสายตาของเขาได้อย่างหลักแหลม ทันใดนั้นได้ยื่นมือบังแผลช่วงคอที่เพิ่งหายเอาไว้
ตำแหน่งคอที่เธอได้รับบาดเจ็บ ที่จริงใกล้ตำแหน่งท้ายทอยแล้ว
นี่เป็นท่าทางที่เธอทำโดยไม่รู้ตัว
วันนั้นเธอแบกร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บไปยืนอยู่ที่ตรงหน้าของเขากับซูเหมียนอย่างน่าอนาถสุดๆ คำเย็นชาที่ว่า“คนที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง ไม่ต้องถามให้มากความ”ของเขา แต่ละถ้อยคำล้วนทิ่มแทงใจเธอมาก
ความหนาวเย็นแบบนั้นได้พุ่งขึ้นมาจากฝ่าเท้าอีก
มู่น่อนน่อนอดสั่นไม่ได้
ก็ไม่รู้เฉินถิงเซียวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนึกอะไรขึ้นมาได้ จู่ๆได้เดินมาข้างหน้าก้าวนึง
มู่น่อนน่อนถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไหวตัวทัน แววตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
เธอไม่รู้ว่าเฉินถิงเซียวจะทำอะไรอีก
เธอเคยเห็นหน้าตาอ่อนโยนรักใครรักจริงของผู้ชายคนนี้ เธอเห็นหน้าตาเย็นชาไร้เยื่อใยของเขา
และตอนนี้ เธอได้แต่ใช้ศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่อันน้อยนิดนี้รักษาหน้าตัวเองเอาไว้
ในเมื่อเขาเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะปล่อยมือ ถ้าอย่างนั้น งั้นก็ต่างฝ่ายต่างเด็ดขาดและจากกันด้วยดีหน่อย
“ฉันจะขึ้นไปดูมู่มู่หน่อย”มู่น่อนน่อนพูดจบก็ได้เดินผ่านข้างกายเขาอย่างเร่งรีบ ได้ขึ้นไปชั้นบนอย่างกับหนี ไม่เหลียวมองเฉินถิงเซียวอีก
เฉินถิงเซียวยืนหันหลังให้กับบันได ถึงมู่น่อนน่อนหันกลับมาดูก็มองไม่เห็นใบหน้าเขา
ในที่ๆเธอมองไม่เห็น สีหน้าของเฉินถิงเซียวเหมือนมีหิมะเย็นอวบผ่านยังไงอย่างงั้น เย็นชาจนไร้ชีวิตจิตใจ
ในห้องโถงที่ว่างเปล่า นอกจากเฉินถิงเซียวแล้ว ยังมีฉีเฉิงอยู่อีกคน
แต่ต่างก็ค่อนข้างเกรงกลัวฉีเฉิง
พวกเขาไม่ค่อยรู้ประวัติของฉีเฉิง แต่ก็รู้ว่าฉีเฉิงไม่ใช่คนธรรมดา
“เข้ามาพร้อมกันเลย”ฉีเฉิงก็ไม่สนว่าพวกเขาเห็นด้วยหรือเปล่า เขาได้ถอดเสื้อคลุมออกโดยตรง จากนั้นได้พยักหน้าให้กับพวกเขา “มาเลย”
เฉินถิงเซียวที่อยู่ในบ้านได้ยินเสียงร้องโอดโอยของบอดี้การ์ดแล้ว ไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลย
เขาเดินไปนั่งที่โซฟา จุดบุหรี่ขึ้นมามวนนึง พอดูดคำนึงแล้วได้คีบเอาไว้ในมือ ไม่แตะต้องมันอีก
……
มู่น่อนน่อนไปที่ห้องนอนของเฉินมู่ พบว่าเฉินมู่กำลังหลับอยู่
ถึงแม้เฉินถิงเซียวซูบผอมลง แต่กลับดูแลเฉินมู่ได้ดีมาก เธอดูแล้วอ้วนขึ้นกว่าก่อนหน้านั้นที่เจออีกนิดหน่อย
สีหน้าดูดีมาก ใบหน้าเล็กๆดูมีเลือดฝาดและแก้มตุ้ยนุ้ยมาก กำลังห่มผ้าเอาไว้และหลับลึกอยู่
มู่น่อนน่อนมองเฉินมู่ ไม่นึกเลยว่าอารมณ์ที่หดหู่ติดต่อกันมาหลายวัน นาทีนี้สบายใจขึ้นมาไม่น้อยเลย
เธอแข็งใจปลุกลูกตื่นไม่ได้ เธอแค่มองลูกอย่างเงียบๆ ก็ยังรู้สึกอิ่มเอมใจสุดๆเลย
เธอมองเฉินมู่อยู่อย่างนี้สักพัก ก็ได้ลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องแล้ว พร้อมทั้งได้ปิดประตูอย่างเบามือเบาเท้า
ผ่านไปนานขนาดนี้ เธอนึกว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้อยู่ที่ห้องโถงแล้ว
แต่ตอนที่เธอลงไป พบว่าเฉินถิงเซียวกำลังสูบบุหรี่อยู่ที่ห้องโถง
ที่เขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่ตรงหน้าเขามีก้นบุหรี่ทิ้งอยู่หลายอันแล้ว
เมื่อก่อนตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ที่จริงมู่น่อนน่อนไม่ค่อยคุมเฉินถิงเซียวสูบบุหรี่เลย และตอนนั้นเฉินถิงเซียวก็สูบไม่ค่อยเยอะเหมือนกัน
ในเรื่องแบบนี้ ที่จริงเขามีด้านที่ละเอียดรอบคอบมาก
แต่ตอนนี้ มู่น่อนน่อนก็ไม่มีสิทธิ์ไปคุมเขาตั้งนานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...