ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 674

สรุปบท บทที่ 674 เพราะถึงอย่างไรก็เป็นอุบัติเหตุ โยงไปไม่ถึงตัวคุณหรอก: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ตอน บทที่ 674 เพราะถึงอย่างไรก็เป็นอุบัติเหตุ โยงไปไม่ถึงตัวคุณหรอก จาก ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 674 เพราะถึงอย่างไรก็เป็นอุบัติเหตุ โยงไปไม่ถึงตัวคุณหรอก คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม ที่เขียนโดย Meow(○` 3′○) เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่มู่น่อนน่อนมาถึงที่ห้องประชุมนั้น ก็พบว่าทุกคนได้มากันครบแล้ว

ฉินสุ่ยซานโบกมือให้กับมู่น่อนน่อน มู่น่อนน่อนจึงได้นั่งลงไป

บริษัทเฉินซื่อลงทุน เมืองพัง2 นั้น เป็นโครงการที่เฉินถิงเซียวตัดสินใจเอง

ท่านประธานตัดสินใจด้วยตัวเองแล้ว คนเบื้องล่างจึงไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติม

เรื่องการเซ็นสัญญาจึงเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งหมดล้วนเป็นฉินสุ่ยซานที่สื่อสารกับเขา โดยที่มู่น่อนน่อนแทบจะไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง

มู่น่อนน่อนยิ่งคิดยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ในเมื่อไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ แล้วให้เธอมาทำไม

เฉินถิงเซียวว่างมากไปหรือว่าไง?

มู่น่อนน่อนสูดลมหายใจเข้าลึก อารมณ์โกรธกำลังปั่นป่วนอยู่ในจิตใจเธอ

เพียงแต่ ในความเข้าใจของเธอ เฉินถิงเซียวไม่ใช่ผู้ชายที่ใจแคบ ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเธอด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ 

พูดไปพูดมาก็อาจเป็นเพราะเพื่อซูเหมียน

มู่น่อนน่อนยิ่งครุ่นคิด ก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่เฉินถิงเซียวทำนั้นล้วนทำเพื่อซูเหมียน เข่าถึงกับอ่อนจนยืนไม่ค่อยไหว

ด้วยนิสัยของเฉินถิงเซียว ถ้าไม่ได้รักคนคนหนึ่งแล้ว แม้แต่หน้าก็ไม่มองด้วยซ้ำ แล้วจะเอาเวลาว่างมากมายจากไปมาต่อกรกับเธอ?

คิดว่าเขาทำเพื่อซูเหมียนจริง ๆ หลังจากที่ เมืองพัง2 ถ่ายทำแล้ว ให้ซูเหมียนหาเรื่องเธอก็พอแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องมาต่อกรเธอด้วยตัวเอง

ความคิดทั้งหมดแล่นเข้ามาในหัวสมองของเธอ เมื่อผ่านการไตร่ตรองของมู่น่อนน่อนก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นคิดมากเกินไป

“น่อนน่อน ไปกันเถอะ เธอยังคิดอะไรอยู่”

เสียงของฉินสุ่ยซานได้ดึงความคิดของมู่น่อนน่อนกลับคืนมา 

เมื่อมู่น่อนน่อนสติกลับคืนมา ก็พบว่าคนในห้องประชุมต่างทยอยเดินออกไปด้านนอกแล้ว มีเพียงฉินสุ่ยซานที่ยังรอเธอ

เธอรีบลุกยืนขึ้น “อืม ไปกันเถอะ”

ทั้งคู่เดินเรียงกันออกไปด้านนอก  ฉินสุ่ยซานเห็นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของมู่น่อนน่อน จึงได้เอ่ยถามขึ้น “คิดอะไรอยู่”

“เปล่า” มู่น่อนน่อนย่อมไม่มีทางที่จะบอกฉินสุ่ยซานว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

เวลานี้ ด้านหน้าจู่ ๆ เกิดความโกลาหลขึ้น

ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนที่เดินอยู่ด้านหน้าฉับพลันก็วิ่งกันวุ่น

จากนั้นคนที่อยู่ในชั้นนี้ต่างก็ออกมากันหมด

มู่น่อนน่อนราวกับเหมือนได้ยินเสียงบางอย่างราง ๆ 

เธอเอียงหูไปฟัง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ดูเหมือนเป็นเสียงเตือนควันไฟ”

จากนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเสียงใครได้ตะโกนดังขึ้น “ไฟไหม้ ไฟไหม้แล้ว!”

ทุกคนต่างรีบวิ่งกรูไปยังประตูหนีไฟมุ่งหน้าลงไปด้านล่าง

แม้แต่ฉินสุ่ยซานที่เดินอยู่ข้าง ๆ มู่น่อนน่อน ก็สีหน้าเปลี่ยนและต้องการวิ่งไปยังประตูทางออก

ห้องเซ็นสัญญา ไม่ได้อยู่ชั้นเดียวกันกับห้องทำงานของเฉินถิงเซียว ห้องทำงานของเฉินถิงเซียวยังต้องขึ้นไปอีกสองชั้น

เฉินมู่ยังอยู่กับเฉินถิงเซียว

มู่น่อนน่อนไม่ได้คิดเรื่องอื่นแต่อย่างใด หันหลังแล้ววิ่งขึ้นไปยังชั้นบนตึก

ฉินสุ่ยซานรู้สึกว่ามู่น่อนน่อนไม่ได้ตามมาด้วย จึงหันกลับไปดู ก็เห็นมู่น่อนน่อนวิ่งสวนทางกับกลุ่มฝูงคน เห็นได้ชัดว่ากำลังจะวิ่งขึ้นไปบนตึก

สีหน้าของเธอลนลานแล้วตะโกนเรียกชื่อของมู่น่อนน่อน “มู่น่อนน่อน นี่เธอจะไปไหน!”

“เธอไปก่อนเลย ไม่ต้องห่วงฉัน” มู่น่อนน่อนหันมามองฉินสุ่ยซานเพียงครู่เดียว และก็เดินสวนฝูงคนขึ้นไปชั้นบน

คนที่อยู่ชั้นบนน้อยกว่าคนที่อยู่ชั้นล่าง มู่น่อนน่อนขึ้นชั้นถัดไปด้วยความยากลำบาก และพบว่าชั้นนี้นั้นว่างเปล่า บันไดที่ผ่านไปยังชั้นห้องทำงานของเฉินถิงเซียวนั้นก็ว่างเปล่า

ใครล่ะจะไม่รักชีวิต ตอนที่วิ่งหนีเอาชีวิตรอด ทุกคนก็ประหนึ่งนักกีฬา วิ่งกันเร็วมาก

มู่น่อนน่อนเร่งความเร็ว ตรงมุมบันได ก็ได้ชนเข้ากับคนที่วิ่งลงมาจากชั้นบน

คนที่ลงมาจากชั้นบนก็เดินลงเร็วมากเช่นกัน ทั้งคู่จึงชนกันอย่างจัง จนหัวของมู่น่อนน่อนถึงกับมึนเล็กน้อย

มู่น่อนน่อนได้กลิ่นไหม้จาง ๆ แต่เธอกลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน

หนำซ้ำยังพิงอยู่ที่ราวจับบันได มองดูเฉินถิงเซียวที่เดินลงบันไดอย่างสนใจ 

เฉินถิงเซียวเดินลงมาอย่างรวดเร็วในตอนแรก เมื่อเดินลงเรื่อย ๆ ก็เริ่มช้าลง ๆ 

มู่น่อนน่อนหัวเราะออกมาอย่างไม่มีเหตุผล “ตุณชายเฉิน รีบเดินสิ ฉันได้กลิ่นไหม้แล้ว ไฟไหม้ขึ้นมาแล้วใช่ไหม ฉันตายอยู่ที่นี่ก็ไม่เกี่ยวกับคุณ เพราะถึงอย่างไรก็เป็นอุบัติเหตุ โยงไปไม่ถึงตัวคุณหรอก”

เธอแกล้งทำเสียงให้สูงขึ้น ก็เพื่อให้เฉินถิงเซียวได้ยินคำพูดของเธออย่างชัดเจน

เมื่อเสียงพูดจบลง เฉินถิงเซียวก็เร่งฝีเท้าเดินลงต่อไปเรื่อย ๆ

มู่น่อนน่อนยังคงท่าเดิมยืนพิงราวบันได สีหน้ายิ้มแย้มค่อย ๆ หยุดชะงัก เหมือนกับทุ่งหญ้าที่ถูกเผาไหม้ จนเหลือเพียงความแห้งแล้ง

เขาเดินจากไปแบบนี้จริงเหรอ?

แต่เมื่อสักครู่เธอ เห็นได้ชัดเจนว่าในดวงตาของเขานั้นลนลานเป็นห่วงเธอ นั่นคือลักษณะที่เธอคุ้นเคยที่สุดบนตัวของเฉินถิงเซียว เธอจะดูผิดไปได้อย่างไร

หรือว่า เธอนั้นจะดูผิดจริง ๆ

มู่น่อนน่อนจับราวบันไดเซลงกับพื้น

หรือว่าที่เฉินถิงเซียวแยกทางกับเธอไม่ได้เป็นเพราะเขามีความลำบากใจ แต่เป็นเพราะว่าเขาไม่ได้รักเธอแล้วจริง ๆ ?

เธอถูกเจียงซ่งแต๊ะอั๋งที่จีนติ่ง เฉินถิงเซียวกลับยืนดูอยู่ข้าง ๆ

เธอไปเยี่ยมเฉินมู่ที่คฤหาสน์ของเฉินถิงเซียว ระหว่างทางกลับบ้านถูกเจียงซ่งขวางไว้ เฉินถิงเซียวกลับโอบกอดกับซูเหมียนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ ส่วนเฉินถิงเซียวก็ทำราวกับมองไม่เห็นอย่างนั้น

และวันนี้ เธอคิดว่าเธอเห็นความเป็นห่วงเป็นใยในดวงตาของเฉินถิงเซียว

แต่ว่าเขากลับเดินจากไปโดยที่ไม่หันกลับมา

มู่น่อนน่อนรู้สึกไม่ว่าคนคนหนึ่งจะมีความลำบากใจมากเพียงใด แต่ความรักนั้นมักจะปกปิดไม่มิด

การรักใครสักคนหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สนใจความเป็นความตายของเธอ

อย่างเช่นเธอ วินาแรกที่ได้ยินเสียงไฟไหม้ คนที่เธอคิดถึงนอกจากเฉินมู่แล้วก็คือเฉินถิงเซียว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม