เมื่อคนอยู่ในสภาวะที่โมโห คำพูดอะไรก็สามารถพูดออกมาได้หมด
อันที่จริงเมื่อกู้จือหยั่นพูดประโยคเหล่านั้นออกมา ก็รู้สึกเสียใจทันที
แต่ว่าเมื่อคำพูดออกมาจากปาก ก็ยากที่จะเก็บคืน
เสิ่นเหลียงถูกตามใจตั้งแต่เล็กจนโต นิสัยจึงค่อนข้างหยิ่งแต่ไม่ยโส และก็ทนรับกับอารมณ์ไม่ค่อยได้ ทันใดนั้นจึงเชิดหน้ายืดอกแล้วก็จากไปอย่างไม่สนใจ
กู้จือหยั่นโกรธจนกำหมัดแน่นขึ้น ทุบลงไปที่โต๊ะแรง ๆ สองที
ความเจ็บปวดจึงแผ่ซ่านมาที่มือ ฉับพลันก็มีอาการชาจนไร้ความรู้สึก
เขาหยิบขวดนั้นที่อยู่บนโต๊ะที่ยังคงมีไวน์แดงเต็มขวดขึ้นมาซด
……
เชิญฉีเฉิงมาทานอาหารที่บ้าน เดิมทีมู่น่อนน่อนแค่อยากจะลองเชิงเค้นข้อมูลจากปากของฉีเฉิง
แต่ฉีเฉิงทานข้าวราวกับอดอาหารมาหลายวัน ทานเสร็จก็จากไปทันที เธอแทบจะไม่มีเวลาและโอกาสเค้นข้อมูลอะไรจากปากของฉีเฉิง
โชคดีที่ฉีเฉิงนั่นพักอยู่ตรงข้าม ครั้งนี้เค้นข้อมูลมาไม่ได้ ก็ยังมีครั้งต่อไป
มู่น่อนน่อนนั้นไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้แน่
นอกจากเฉินถิงเซียวมอบหมายให้ฉีเฉิงปฏิบัติต่อเธออย่างดีเช่นนี้แล้ว ที่ฉีเฉิงปฏิบัติดีกับเธออย่างนี้ เดิมทีก็เป็นที่น่าสงสัย
ยิ่งผ่านเรื่องราวมามากมาย มู่น่อนน่อนก็ยิ่งเข้าใจ คนอย่างพวกฉีเฉิงแบบนี้ ไม่มีทางที่จะทำเรื่องแบบนี้โดยที่ไม่มีเหตุผล
ช่วงเวลาต่อมา มู่น่อนน่อนก็แทบจะไม่ออกไปจากบ้าน อยู่แต่ในบ้านเป็นเพื่อนเฉินมู่
ฉินสุ่ยซานกำลังเตรียมตัวสำหรับถ่ายทำ เมืองพัง2 เธอโทรมาบ่นกับมู่น่อนน่อนเป็นประจำว่าผู้กำกับคนนี้สื่อสารไม่รู้เรื่องบ้างแหละ นักแสดงคนนั้นฉีกสัญญาบ้างแหละ
มู่น่อนน่อนเป็นเพียงผู้เขียนบท ฉินสุ่ยซานชอบบทที่เธอเขียน มีเธอคอยออกหน้ารับ ของมู่น่อนน่อนจึงแทบไม่ต้องกังวลเรื่องใด ๆ เลย
มู่น่อนน่อนรู้สึกขอบคุณฉินสุ่ยซาน ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่จะยอมฟังฉินสุ่ยซานบ่นอย่างเต็มใจ และมีการพูดปลอบโยนบางครั้งบางคราว
จนไป ๆ มา ๆ ความสัมพันธ์ฉินสุ่ยซานกับมู่น่อนน่อนก็ดีขึ้น
พริบตา ก็ถึงวันก่อนวันส่งท้ายปีเก่าหนึ่งวัน และฉินสุ่ยซานในที่สุดก็ไม่ค่อยยุ่งกับการถ่ายทำอีก จึงได้หิ้วของขวัญปีใหม่มาหามู่น่อนน่อนที่บ้าน
เมื่อมู่น่อนน่อนเปิดประตูแล้วเห็นฉินสุ่ยซาน ก็รู้สึกประหลาดใจ
เพราะฉินสุ่ยซานไม่ได้แจ้งเธอล่วงหน้า
“ทำไมจู่ ๆ ถึงมา?” มู่น่อนน่อนหลบไปด้านข้าง เหลือพื้นที่ไว้ให้ฉินสุ่ยซานได้เดินเข้ามา
ฉินสุ่ยซานถือถุงเล็กถุงใหญ่เดินเข้ามาด้านใน “เดิมทีว่าจะโทรมาบอกเธอสักหน่อย แต่ตอนหลังดันลืมไปเลย เดินมาถึงบันไดใต้ตึก ถึงนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ แล้วก็ครุ่นคิดว่าถึงอย่างไรเธอก็อยู่บ้าน จึงได้ตรงมาหาเธอเลย”
มู่น่อนน่อนปิดประตูแล้วเดินเข้าไปด้านใน เดินตามหลังฉินสุ่ยซาน “เธอเอาของมากมายมาทำไม เธอคนที่เธอต้องการมอบของขวัญให้ก็คือสปอนเซอร์เหล่านั้น”
“เธอหายไปสามปี ปีหน้าเปิดตัว เมืองพัง2 หลังจากเปิดตัวเธอจะกลับมาดังอีกครั้งแน่นอน ถึงเวลานั้นจะต้องโด่งดังมาก ๆ ฉันก็แค่เอาใจเธอล่วงหน้าเท่านั้น ถึงตอนนั้นเมื่อเธอดังแล้วจะได้ไม่ลืมฉันไง”
ฉินสุ่ยซานพลางพูดพลางมานั่งบนโซฟาอย่างสนิทสนม
ความจริงแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาบ้านของมู่น่อนน่อน มองดูรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เจอข้าวของเครื่องใช้ของเด็กน้อยไม่น้อย
ฉินสุ่ยซานถามเลี่ยง ๆ “ดูเหมือนว่าเธอจะไม่อยู่คนเดียว?"
ฉินสุ่ยซานจู่ ๆ ก็มาหา มู่น่อนน่อนก็ไม่มีเวลาเก็บกวาดของของเฉินมู่ อันที่จริงไม่เก็บกวาดก็ไม่เป็นไร เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ความลับใหญ่อะไร
เธอกับฉินสุ่ยซานร่วมมือกันนานขนาดนี้ ก็รู้ว่าฉินสุ่ยซานเป็นคนอย่างไร
ข่าวใหญ่! ข่าวใหญ่แน่นอน!
หลังจากที่มู่น่อนน่อนรินน้ำให้กับเฉินมู่แล้ว ก็ได้หันมามองทางฉินสุ่ยซานอีกครั้ง พบว่าฉินสุ่ยซานนั้นราวกับถูกกดจี้จุดก็ไม่ปาน ทั้งตัวแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน ดวงตาเบิกกว้าง ปากอ้าเล็กน้อย ช่างดูตลกมาก
เฉินมู่นั้นกระหายน้ำจริง ๆ ถือแก้วน้ำดื่มไปครึ่งแก้วถึงได้ปล่อยมือ
เวลานี้มู่น่อนน่อนประคองไหล่น้อย ๆ ของเฉินมู่ ให้เธอเดินมาทางฉินสุ่ยซาน “มู่มู่ นี่เป็นเพื่อนของคุณแม่ หนูต้องเรียกว่าน้าฉิน”
“น้าฉิน” เฉินมู่เรียกหนึ่งครั้งอย่างเชื่อฟัง
“อุ๊ย หนูชื่อมู่มู่เหรอจ๊ะ น่ารักจังเลย” ฉินสุ่ยซานคุยกับเฉินมู่ด้วยน้ำเสียงมุ๊งมิ๊ง
มู่น่อนน่อนยกริมฝีปาก ยกกาแฟที่ชงเสร็จมา
ดวงตาของฉินสุ่ยซานจับจ้องมาที่ตัวของเฉินมู่ เมื่อมู่น่อนน่อนเข้ามาใกล้ เธอก็ถามด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “นี่เป็นลูกของเธอกับเฉินถิงเซียวจริงเหรอ โตขนาดนี้แล้วเหรอ! พวกเธอช่างปิดเป็นความลับได้เก่งจริง!”
เฉินมู่ชอยู่ที่ห้องรับแขกไม่นาน ทักทายกับฉินสุ่ยซานเสร็จก็กลับไปเล่นที่ห้องนอน
มู่น่อนน่อนยิ้มเบา ๆ น้ำเสียงอ่อนโยนมากไม่มีการถากถางแต่อย่างใด “เธอกับสวุมู่หันก็รักษาเป็นความลับได้ดีเช่นกัน”
ฉินสุ่ยซานตะลึงงันไปชั่วขณะ
น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนฟังดูแล้วแม้จะอ่อนโยน แต่คำพูดเหมือนซ่อนด้วยความข่มขู่
มู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวไม่เคยเปิดเผยเฉินมู่ต่อสาธารณชน ความสัมพันธ์ระหว่างฉินสุ่ยซานกับสวุมู่หันก็ไม่เคยมีการประกาศอย่างเป็นทางการเช่นกัน
ถ้าฉินสุ่ยซานกล้าเปิดเผยข้อมูลของเฉินมู่ออกไป มู่น่อนน่อนก็จะแฉเรื่องของฉินสุ่ยซานกับสวุมู่หันตอบโต้กลับเช่นกัน
ไม่มีใครกลัวใคร และใครก็อย่าหวังจะได้ผลประโยชน์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...