เซิงเกอกัดฟัน ไม่ลดความเร็ว แต่กลับเร่งเครื่องพุ่งไปข้างหน้า ราวกับจะให้พังพินาศไปด้วยกัน
รถสีดำสองคันที่อยู่ข้างหน้าเห็นเธอขับพุ่งมา ต่างก็พากันตกใจ
ในช่วงสองวินาทีสุดท้ายของการปะทะกัน รถยนต์สีดำทั้งสองคันขยับถอยหลบออกไปพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมายไปครึ่งเมตร
รถซานตานาก็ขับผ่านรอยแยกนั้นออกไปพอดี
ยังไม่ทันที่เธอจะได้โล่งอก รถสีดำทั้งสองคันก็ขับไล่ตามหลังเธอมาอย่างรวดเร็ว
เซิงเกออยากจะขับวนเล่นกับพวกเขา แต่ความเร็วของรถซานตานานี้ขับหนีรถสีดำสองคันที่อยู่ข้างหลังนั้นไปไม่ได้เลย
เธอขบริมฝีปาก ภายในใจสงบนิ่งอย่างที่สุด
ผ่านกระจกมองหลัง เธอกะจำนวนคนในรถยนต์สีดำอย่างคร่าวๆ
รวมคนขับ รถคันหนึ่งมีกันห้าคน
ทั้งหมดสิบคน ดูจากลักษณะภายนอกแล้วคงน่าจะเป็นผู้ชายที่ร่างกายกำยำแข็งแรง
หากต้องต่อสู้กันด้วยพละกำลัง เธอได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ แต่หากใช้ทักษะความว่องไวในการต่อสู้ เธอก็อาจจะพอมีโอกาสชนะมากกว่า
ในเมื่อหนีไม่พ้น ประจวบเหมาะกับวันนี้เธออารมณ์ไม่ดี งั้นก็มาลองสู้ดูกันสักตั้งแล้วกัน !
ลุย!
หลังจากวางแผนเรียบร้อย สายตาของเธอมุ่งมั่น เลือกที่จะขับรถไปจอดยังตึกร้างแถบชานเมือง
รถสีดำสองคันก็หยุดลงเช่นกัน ชายฉกรรจ์หลายสิบคนลงมาจากรถ
ในมือพวกเขาถือไม้ หน้าตาดูชั่วร้ายมาก
เซิงเกอพิงอยู่ที่ประตูรถ เอามือกอดอก ด้วยท่าทีสบายๆ
เมื่อพวกอันธพาลเห็นรูปร่างที่เร่าร้อนของเธอภายใต้กระโปรงสั้นสีขาว ดวงตาก็เป็นประกาย
งานวันนี้ ช่างกำไรเสียจริง!
เซิงเกอจ้องมองพวกเขาแต่ละคนอย่างไม่ตื่นตระหนก ริมฝีปากแดงขยับ“ไหนว่ามาสิ ใครใช้ให้พวกแกมา?”
ในตอนที่หัวหน้าอันธพาลมองมาที่เธอ นัยน์ตาเต็มไปด้วยกิเลสตัณหา“สาวสวย อย่าโทษพวกพี่เลยนะ จะโทษก็ต้องโทษที่เธอไปทำให้ใครไม่พอใจเข้า”
เห็นพวกเขาไม่ยอมเปิดเผยคนจ้างวาน เซิงเกอขี้เกียจจะพูดไร้สาระด้วย
ถอดรองเท้าส้นสูงต่อหน้าพวกเขาแล้วถือมันไว้ในมือ มุมปากเธอยกหยัก นัยน์ตาเย็นชาไหววูบ“ได้ งั้นก็เข้ามาเลย!”
ทันทีที่สิ้นเสียง อันธพาลทั้งสิบคนก็กรูกันเข้ามาหาพร้อมไม้ที่ถืออยู่ในมือ
“ติ๊ดๆๆ!”
ที่ไม่ไกลกันนักจู่ๆก็มีเสียงแตรรถดังขึ้น
ทันใดนั้นรถลัมโบร์กีนี ฮูราแคนสีบรอนซ์เงินก็ขับปาดโค้งล้อหมุนฟรี ปรากฏขึ้นตรงหน้า
ที่นั่งคนขับถูกเปลี่ยนไปแล้ว
เพราะทักษะการขับรถที่ไม่เอาไหนของหลิวเหนียน จึงถูกเฟิงยู่เหนียนไล่ลงจากรถ แล้วยังถูกหักเงินเดือนอีกเดือนหนึ่งด้วย
เฟิงยู่เหนียนที่มีใบหน้าเย็นชาก็ลงมาจากรถ
ด้วยความสูง188เซนติเมตรกับท่อนขาที่เรียวยาวเดินเข้ามาอย่างองอาจ ออร่ากระจาย ที่ตะลึงคือการก้าวเท้าเดินนี้ราวกับมีสมุนตามมาด้วยอีกสิบคน
กลุ่มอันธพาลต่างพากันตกตะลึง
ดวงตาที่ดำขลับของเขามีไอสังหารแผ่ปกคลุม มองผ่านเซิงเกอ และเตะไปที่อันธพาลคนหนึ่งจนกระเด็น
เมื่ออันธพาลคนอื่นๆเห็น หยิบไม้ขึ้นมาทันที ศึกตะลุมบอนก็เกิดขึ้น
เมื่อเซิงเกอเห็นว่าเขามาเพื่อเป็นฮีโร่ ก็จึงวางรองเท้าส้นสูงลง สวมใส่มันกลับ แล้วเอนตัวพิงประตูรถเพื่อดูการต่อสู้นี้
ในเมื่อมีคนสมัครใจมาออกหน้ารับแทน เธอก็จึงรอดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป
ทางฝั่งเฟิงยู่เหนียนลงมืออย่างเหี้ยมโหด และว่องไว แค่ไม่กี่นาทีก็ล้มคนได้ไปกว่าเจ็ดถึงแปดคน ยังเหลือคนที่เป็นหัวโจก ท่าทางดุร้ายและกำลังเตรียมพร้อมรับมือ
เขากำมือแน่น มีเสียงก็อบแกร็บดังขึ้น ดวงตาดำขลับราวกับผิวน้ำที่เงียบสงบ
นักเลงหัวโจกคนนั้นถูกเขาจ้องมองจนอกสั่นขวัญหาย ร่างกายสั่นสะท้าน รีบคุกเข่าลงในทันที
“พี่ชาย ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย ผมจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้ และจะไม่มาหาเรื่องผู้หญิงคนนั้นอีก ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย……”
ริมฝีปากของเฟิงยู่เหนียนขยับ กำลังจะอ้าปากถาม เซิงเกอที่สวมใส่รองเท้าส้นสูงเดินเข้ามา คว้าไปที่คอเสื้อของหัวโจกคนนี้ ดวงตาดุร้าย “ใครใช้พวกแกมา?”
“ผม……ผมไม่รู้ ปรกติเรามักจะรับงานไปทั่ว ขอแค่เงินถึงเราก็ทำให้ ผมไม่รู้จริงๆว่าใคร”
เขาหยุดนิ่งไปชั่วครู่ หันมองไปยังเซิงเกอราวกับจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ แต่ตอนนี้ เรามาพูดคุยเรื่องระหว่างเราได้หรือยัง?”
“เรื่องระหว่างเรา?”เซิงเกอมึนงง“วันที่หย่า เราก็ถือว่าได้สิ้นสุดทุกอย่างลงแล้ว ระหว่างเราไม่มีอะไรต้องพูดคุยกันอีก ”
หลังจากที่พูดจบ เธอก็หันหลังเตรียมขึ้นรถและกลับบ้าน
“ระวัง!”
เฟิงยู่เหนียนตะโกนเรียก
เห็นนักเลงที่อยู่ใกล้เซิงเกอขยับตัวลุกขึ้นจากพื้นอย่างเงียบๆ ยกไม้ขึ้นมา แล้วหวังจะฟาดไปยังศีรษะของเซิงเกอ
ด้วยระยะห่างแบบนั้น เขาเข้าไปขวางเอาไว้ไม่ได้แน่ !
เป็นครั้งแรกที่เขามีอาการตื่นตระหนกตกใจออกมา
วินาทีถัดไป เห็นเพียงเซิงเกอคว้าหมับเข้าที่ท่อนไม้ของนักเลงคนนั้นอย่างแม่นยำ ลูกเตะที่สวยงามกับการจับทุ่ม ร่างของชายคนนั้นก็ล้มกระแทกลงกับพื้น
ชายคนนั้นไม่ทันได้ส่งเสียงร้องโอดครวญ ก็สลบไป
จัดการตัวลิ่วล้อนี้เสร็จ เซิงเกอหันมองไปยังเฟิงยู่เหนียนที่ยังคงมีท่าทีนิ่งอึ้งอยู่ หยักคิ้วหลิ่วตาให้ แล้วส่งยิ้มท้าทายมา
ท่าทีที่ตื่นตระหนกของเฟิงยู่เหนียนก็แปรเปลี่ยนมาเป็นตื่นตกใจ
เขามองดูรถซานตานาคันเขียวของเซิงเกอที่ขับเคลื่อนออกไป และภาพที่ยังปรากฏอยู่ตรงหน้าคือภาพการโจมตีกลับที่สวยงามของเซิงเกอและรอยยิ้มท้าทายของเธอเมื่อครู่
แต่งงานกันมาสามปี เขาคิดมาตลอดว่าภรรยาของตัวเองนั้นเป็นคนที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองและเป็นคนอ่อนแอที่ไม่มีความสามารถอะไร
แต่หลังจากที่หย่าไปแล้ว เธอกลับลบล้างความคิดความเข้าใจที่มีอยู่ของเขานั้นซ้ำๆ
อันที่จริงแล้วเขาไม่เคยรู้จักตัวตนของเธอเลย!
เขามองไปยังทิศทางที่เซิงเกอจากไปดวงตาของเขาค่อยๆมืดลง
เมื่อเห็นกระบวนท่าการโจมตีและความว่องไวของเธอเมื่อครู่ ราวกับมันคือ……ยิวยิตสู?
อีกทั้งฝีมือก็ไม่ธรรมดาด้วย
ระดับนี้ไม่ใช่จะเรียนรู้กันได้ในชั่วข้ามคืน แล้วยังการขยับเคลื่อนไหวที่เผยให้เห็นถึงอารมณ์ที่สงบนิ่งและหยิ่งทะนงนั้นอีก……
เธอในแบบนี้ เบื้องหลังจะเป็นแค่เด็กกำพร้าที่เติบโตมาจากสถานสงเคราะห์เด็กเมืองฟางได้ยังไงกัน ? !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉันนี่แหละ...คุณหนูพันล้าน เซิงเกอ!
เรื่องนี้น่าสนุก...รอติดตามต่อนะคะ...
ไม่ลงต่อเหรอคะ มีตั้ง 452 ตอนจบนะคะ รออ่านต่อนะคะ...
เรื่องนี้ไปติดเหรียญเเอปอื่นซะแล้ว...