จู่ๆเสียงที่รุนแรงและไม่พอใจก็ดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ
ทำลายบรรยากาศที่หมิ่นเหม่นี้
ลู่ฮั๋วเดินเข้าไปหาด้วยใบหน้าที่มืดมน แยกคนทั้งสองออกจากกัน จากนั้นก็เหวี่ยงหมัดไปที่ใบหน้าของเฟิงยู่เหนียน
เฟิงยู่เหนียนหลบไม่ทัน รู้สึกถึงความเจ็บปวด ถูกหมัดที่รุนแรงกระแทกเข้ามาอย่างจังจนถอยร่นไปสองก้าว
เขาเม้มปากแน่น แล้วยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลซึมออกจากมุมปาก
เซิงเกอถูกลู่ฮั๋วบังตัวไปไว้ข้างหลัง เห็นเขาถูกทำร้าย แววตาที่มีความกังวลเพียงชั่วขณะ ถูกแทนที่ด้วยความสะใจ ขาดก็แต่เสียงโห่ร้องดีใจเท่านั้น
กล้ามารังแกเธอ ถูกอัดแค่นี้ก็ถือว่าน้อยไป!
คนชั่วแบบนี้ควรเอาให้ตาย !
“ได้ข่าวว่าประธานเฟิงมีแฟนใหม่แล้ว แต่ยังมาก้อร่อก้อติกอดีตภรรยาอีก แบบนี้มันไม่ดีเลยนะครับ ?”มุมปากลู่ฮั๋วยกหยัก กลับคืนสู่ความอ่อนโยนและความสง่า ราวกับคนที่ทำร้ายคนอื่นเมื่อครู่ไม่ใช่เขา
เฟิงยู่เหนียนช้อนตาขึ้นมอง ถึงแม้ใบหน้าจะได้รับบาดเจ็บและมีเลือดออก แต่เขาก็ไม่ได้ดูด้อยไปกว่าลู่ฮั๋วแต่อย่างใด
“อดีตภรรยาก็เป็นภรรยา แล้วประธานลู่ใช้สิทธิ์อะไรมาปกป้องอดีตภรรยาของผมครับ ?”
เขาจงใจเน้นคำว่า“ของผม”ในประโยคสุดท้าย ราวกับสิงโตผู้เย่อหยิ่ง ที่ต้องมาเผชิญหน้ากับศัตรูที่ต้องการเหยื่อของตัวเอง แสดงอำนาจอย่างไม่กลัวเกรง
สิทธิ์ของการเป็นพี่ชายเธอ!
รอยยิ้มบนใบหน้าของลู่ฮั๋วค่อยๆนิ่งลง
แต่คำพูดนี้กลับไม่ได้พูดออกไป เพราะเซิงเกอคว้ามือเขาเอาไว้แน่น
เขาเค้นเสียงหึในลำคอ“ ประธานเฟิงนี่ช่างน่าสนใจจริงๆ เซิงเกอเป็นคนมีความคิดเป็นของตัวเอง เธอมีสิทธิ์จะเลือกหรือไม่เลือกใคร ประธานเฟิงมีสิทธิ์อะไรมาคิดว่าเธอเป็นสมบัติของตัวเอง?”
ทั้งสองคนจ้องมองสบตากัน ออร่าที่ต่างสูสีกัน และไม่มีใครยอมใคร
สายตาราวกับจะฟาดฟันกัน อดไม่ได้ที่อยากจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย แต่จนแล้วจนรอดต่างก็ล้มคู่ต่อสู้ลงไม่ได้
กลิ่นของดินปืนอบอวลไปทั่วทั้งโรงรถ
เซิงเกอแทบสำลักกับกลิ่นดินปืนนี้ ทำงานมาทั้งวัน เธอก็เหนื่อยมากแล้ว อยากจะจบการรบราฆ่าฟันกันนี้ให้เร็วที่สุด
เธอกระแอมไอเสียงดัง “ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีก คุณลู่กับคุณเฟิงแยกย้ายกันเถอะนะคะ ”
เมื่อเฟิงยู่เหนียนเห็นเธอกำลังจะจากไปเดินเข้าไปหาแล้วคว้าตัวเธอเอาไว้
ลู่ฮั๋วขยับเข้าไปหา ขวางเธอเอาไว้ แววตามีไอเย็นแผ่ซ่าน กำลังส่งสัญญาณเตือน
เพราะอยู่ในถิ่นที่ทำงานของเขา เฟิงยู่เหนียนก็จึงไม่กล้าดื้อแพ่งเท่าไร มองไปยังเซิงเกอแล้วยกยิ้ม “คุณน่าจะยังไม่ได้ทานข้าว ? เราไปทานข้าวกัน แล้วพูดคุยกันหน่อยเป็นไง ?”
เซิงเกอแทบไม่ต้องคิด
“ฉันไม่หิว ไม่กิน ไม่คุยอะไรทั้งนั้น !”
ใบหน้าของเฟิงยู่เหนียนมืดมนทันทีแต่ลู่ฮั๋วกลับหลุดขำออกมา
เจ้าหญิงน้อยของเขาช่างพูดจาฉะฉานเสียจริง !
ราวกับชนะไปยกหนึ่ง ลู่ฮั๋วจ้องมองเฟิงยู่เหนียนอย่างท้าทาย ถามเซิงเกอว่า “แม่สาวน้อย ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ผมไปส่งคุณแล้วกันนะ?”
เซิงเกอหันมอง เปลวเพลิงแห่งสงครามจากสายตาของสองหนุ่มกำลังจะลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
เธอหมดคำพูด เอาอีกแล้ว……
หวังเหลือเกินว่าสวรรค์จะช่วยจัดการกับสองหนุ่มนี้ซะ เธอจะได้สบายหูขึ้นบ้าง
เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ ไม่ต้องค่ะ พอดีเลยฉันจะได้สำรวจเส้นทางไปด้วย”
พูดจบ เธอก็ขึ้นรถซานตานาคันหนึ่ง แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนชายหนุ่มทั้งสองคนในลานจอดรถก็ยังคงเขม่นกันอยู่
เพราะเซิงเกอไม่ได้ตอบตกลงกับคำชวนของลู่ฮั๋ว เฟิงยู่เหนียนก็จึงได้แต้มคืน เขายกยิ้มอย่างมีเลศนัย “ ดูๆไปแล้วประธานลู่ก็ไม่ได้รู้จักอดีตภรรยาของผมดีพอนะครับ ”
ลู่ฮั๋วชำเลืองมองอย่างเย็นชา “ผมกับเธอ โตมาด้วยกัน สนิทกันมากกว่าคุณ”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเฟิงยู่เหนียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เมื่อลู่ฮั๋วเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ก็รู้สึกลำพองใจอย่างมาก“ ขอเตือนประธานเฟิงว่าให้ดูแลคนที่อยู่ตรงหน้าตัวเองจะดีกว่า อย่าไปให้ความสนใจกับคนที่ไม่มีวันจะได้กลับคืนเลย”
พูดจบ ลู่ฮั๋วก็ก้าวเท้ายาวเดินตามฮัวหยุนขึ้นไปยังชั้นบน
โชคดีที่ครั้งนี้เขาเห็นมันผ่านกล้องวงจรปิดซะก่อน ออกคำสั่งให้ปิดทางเข้าออกของลานจอดรถชั้นล่างสุดทันที ไม่ให้พนักงานคนไหนเข้าไป ไม่อย่างนั้นเจ้าหญิงตัวน้อยของเขาก็คงจะต้องเสียเปรียบอีกเป็นแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉันนี่แหละ...คุณหนูพันล้าน เซิงเกอ!
เรื่องนี้น่าสนุก...รอติดตามต่อนะคะ...
ไม่ลงต่อเหรอคะ มีตั้ง 452 ตอนจบนะคะ รออ่านต่อนะคะ...
เรื่องนี้ไปติดเหรียญเเอปอื่นซะแล้ว...