ข่งซูยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก
เซิงเกอคนนี้เป็นใครกันแน่ ?
ตอนนี้ทำไงดี!เมื่อครู่ปากดีว่าเธอจบเห่แน่ ตอนนี้กลับต้องมาตบปากตัวเอง……
เธอรู้จักกับคุณชายรองโจ๋วแต่ตัวเองได้ดูประวัติของเธอมาแล้ว เด็กกำพร้าที่มาจากสถานสงเคราะห์จะรู้จักกับคุณชายรองโจ๋วได้ยังไง ?
ข่งซูรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ แอบถอยห่างออกไปเงียบๆ แล้วกดโทรหาใครบางคน
และสายตาของทุกคนที่มองมายังเซิงเกอ ก็แปรเปลี่ยนเป็นความชื่นชม
ตัวสำคัญหลักอย่างโจ๋วซิงโฮ๋ก็ไม่รู้สึกถึงการมองมาของทุกคน
นั่งยองๆลงข้างเซิงเกอแล้วทุบขาให้เธอเบาๆ ในตอนที่มองเซิงเกอ เขาช้อนตาที่งามงอนขึ้น แล้วยกยิ้มให้อย่างน่าเอ็นดู
“ไม่เจอกันตั้งนาน พี่เซิงดูสวยขึ้นมาก ผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยแบบนี้จะโกรธผมที่เป็นเด็กน้อยไม่ได้หรอกนะ ไม่อย่างนั้นจะน่าเกลียดทันที !”
นิ้วมือที่เรียวยาวของเซิงเกอจิ้มไปที่หน้าผากของเขา ริมฝีปากแดงขยับเข้าใกล้ใบหูของเขาและพูดข่มขู่เสียงเบาว่า“อย่ามามุขนี้ ต่อไปก็ตั้งใจถ่ายละครดีๆ หากยังจงใจหาเรื่องอะไรอีก พี่จะบอกวีรกรรมของนายให้คุณท่านโจ๋วได้รับทราบ”
“อย่านะ!ท่านจะต้องตีผมให้ตายอย่างไม่สนใจอะไรแน่!”
โจ๋วซิงโฮ๋รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว รีบร้องขอความเมตตาจากเซิงเกออย่างน่าสงสาร“พี่เซิงวางใจได้ ผมเชื่อฟังพี่ที่สุดแล้ว ”
ริมฝีปากแดงของเซิงเกอยกหยัก“ งั้นตอนนี้ ก็ไปขอโทษป้าแม่บ้านที่ทำความสะอาดด้วย ”
“ห๊า?”
สีหน้าของโจ๋วซิงโฮ๋เปลี่ยนไปทันที“ผมเป็นคุณชายรองโจ๋วนะ พี่ให้ผมไปก้มหัวให้คนทำความสะอาด ? แล้วหน้าผม…จะเอาไปไว้ที่ไหน พี่เซิง……”
เซิงเกอหุบยิ้มทันที และมีสีหน้าจริงจัง
“นี่มันสมัยไหนแล้ว ยังมาแบ่งชนชั้นวรรณะอีก ? นายโมโหแล้วขว้างปาข้าวของ แต่คนอื่นเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ยังต้องมาเก็บกวาดของที่นายทำทิ้งไว้ อีกทั้งเมื่อกี้เขาก็พูดเตือนนายแล้ว แต่นายกลับต่อว่าเขากลับ นายไม่สมควรรับผิดชอบเหรอ ?”
โจ๋วซิงโฮ๋ถึงกับจนมุมในทันที
หันไปมองก็เห็นแม่บ้านที่ทำความสะอาดกำลังเก็บกวาดเศษซากที่เขาทำทิ้งเอาไว้ ในใจรู้สึกผิดเล็กน้อย เดินไปหาอย่างเก้ๆกังๆ พูดขอโทษอย่างจริงใจ แล้วยังให้ค่าตอบแทนอีกด้วยเล็กน้อย
แม่บ้านที่ทำความสะอาดแปลกใจมาก ปฏิกิริยาตอบรับก็ดีมากเช่นกัน
เซิงเกอยังได้ให้ผู้จัดการชดใช้ค่าเสียหายให้กับกองละครสำหรับอุปกรณ์ประกอบฉากที่ถูกทำลายจนเสียหาย
ตลอดช่วงบ่าย มีเธอคอยเฝ้าดูอยู่ การถ่ายละครของโจ๋วซิงโฮ๋ก็เป็นไปอย่างจริงจังและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แทบทุกฉากเล่นเพียงครั้งหรือสองครั้งก็ผ่าน ทำเอาผู้กำกับยิ้มไม่หุบ แล้วขอบคุณเธอเสียยกใหญ่
เธอเม้มปาก“เขายังเด็ก ดื้อรั้นไปบ้าง สั่งสอนสักหน่อยก็ดีขึ้นค่ะ”
ผู้กำกับหัวเราะร่าเห็นความสำคัญของเซิงเกอมากขึ้นไปอีก
เมื่อถึงเวลาเลิกกอง โจ๋วซิงโฮ๋คว้าแขนของเซิงเกอแล้วทำท่าออดอ้อน เพื่อขอโทษกับพฤติกรรมที่ได้ล่วงเกินเธอในวันนี้ คิดอยากจะเลี้ยงข้าวเธอ
เซิงเกอไม่สามารถต้านทานเขาได้ ก็จึงตอบตกลง
เพื่อหลีกเลี่ยงซาแซงแฟน ให้ได้ออกไปกินข้าวอย่างสงบสุข โจ๋วซิงโฮ๋แต่งตัวอย่างมิดชิด ไม่สังเกตดีๆก็แทบจะจำไม่ได้
ทั้งสองคนมาที่ร้านอาหารสุดหรูระดับเจ็ดดาวที่แพงที่สุดในเมืองฟางโดกัส
ทันทีที่เข้ามาในร้านอาหาร เซิงเกอก็ถูกการตกแต่งด้วยโทนสีเข้มนี้ดึงดูด เธอไม่ชอบร้านอาหารที่สว่างโล่ง บรรยากาศของแสงไฟที่มืดสลัวเล็กน้อย ทำให้การดื่มด่ำกับอาหารนั้นดีมากกว่า
หลังจากที่สั่งอาหารแล้วเสร็จ โจ๋วซิงโฮ๋ก็ส่งสายตามาทางเธอไม่หยุด พูดเสียงเบาว่า“พี่เซิง ผู้ชายที่นั่งโต๊ะนั่นพี่รู้จักไหม ? ตั้งแต่เมื่อกี้จนตอนนี้ เขามองมาที่เราอยู่หลายครั้งแล้ว ”
เซิงเกอหันมองไป ก็เห็นเป็นเฟิงยู่เหนียนที่พามู่จื่อหนิงมานั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะข้างๆ
มู่จื่อหนิงก็เห็นเธอเช่นกัน สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความลำพองใจและท้าทาย ท่าทีที่ราวกับเป็นผู้ชนะ
เธอละสายตาออกอย่างเฉยชา “คนนั้นคือประธานของเฟิงซื่อกรุ๊ป”
โจ๋วซิงโฮ๋พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ“ ถ้าอย่างนั้นคนที่อยู่ข้างๆเขาก็น่าจะเป็นคู่หมั้นที่เพิ่งเปิดตัววันนี้ว่าจะหมั้นหมายกันในเดือนหน้านะสิ”
มือของเซิงเกอชะงัก แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ยังคงตั้งใจกินอาหารต่อ
แต่แล้วการซุบซิบนินทาของโจ๋วซิงโฮ๋ก็ถูกปลุกขึ้นมา“ได้ยินมาว่าเขาหย่าร้างกับอดีตภรรยาหลังจากที่แต่งงานกันมาสามปีอย่างลับๆ ไม่รู้ว่าใครคือผู้โชคร้ายคนนั้น”
เซิงเกอมองเขาไปแวบหนึ่ง
“เปล่า คิดเรื่องงานอยู่””
มู่จื่อหนิงโล่งอก แล้วพูดอย่างงอนๆว่า“ตั้งแต่ที่ฉันไปต่างประเทศ เราก็ไม่ได้มาทานข้าวด้วยกันนานมากแล้ว วันนี้คุณปล่อยวางทุกอย่างลงก่อนนะ แล้วอยู่กับฉันแค่ตรงนี้ตกลงไหม ?”
ท่าทีของเฟิงยู่เหนียนดูหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเล็กน้อย นัยน์ตาดำขลับแน่นิ่ง ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
เขาไม่ตอบคำถามของมู่จื่อหนิงลุกขึ้นอย่างสง่างามและจัดคอเสื้ออย่างลวกๆ
“คุณกินไปก่อน ผมมีธุระนิดหน่อย จะรีบกลับมา”
“อะยู่!”
……
ในห้องน้ำ เซิงเกอได้ทำความสะอาดคราบน้ำผลไม้ที่หกเลอะบนกระโปรง และเติมลิปสติกด้วย
เธอมองตัวเองในกระจก และเหม่อลอยไปชั่วครู่
แต่งเข้าตระกูลเฟิงไปสามปี เธอไม่เคยแต่งหน้าทาปากเลย ต้องซักผ้าทำอาหารทำงานบ้าน ผิวก็แห้งกร้านจนจะเป็นยายเพิ้งอยู่แล้ว และไม่เคยดูแลตัวเองเลยสักครั้ง
แต่ในอนาคต เธอจะเริ่มต้นอาชีพการงานของเธอแล้ว จะกลับไปเป็นเจ้าหญิงน้อยที่เย่อหยิ่งของลู่ซื่อกรุ๊ป!
สำหรับผู้ชาย ก็คงจะเป็นแค่ตัวถ่วงเธอเท่านั้น
ขณะที่กำลังครุ่นคิด ที่ประตูก็มีร่างที่สูงใหญ่เดินเข้ามา
เซิงเกอไม่ได้มอง กำลังจดจ่อกับการล้างมืออยู่
จากนั้น ก็ได้ยินเสียงล็อกของลูกบิดประตู
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย ใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยของชายหนุ่มปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอ
เฟิงยู่เหนียนเดินเข้ามาหาเธออย่างไร้อารมณ์ความรู้สึก ไอเย็นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างเต็มไปด้วยแรงกดดัน
เซิงเกอมองเขาด้วยความตกใจ ใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าทำเธอรู้สึกราวกับมันคือภาพลวงตา“ไม่คิดว่าประธานเฟิงผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกธุรกิจของเมืองฟางจะเข้าห้องน้ำผู้หญิงเป็นด้วย และยังล็อกประตูอีก นี่คุณเป็นพวกโรคจิตหรือเปล่า ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉันนี่แหละ...คุณหนูพันล้าน เซิงเกอ!
เรื่องนี้น่าสนุก...รอติดตามต่อนะคะ...
ไม่ลงต่อเหรอคะ มีตั้ง 452 ตอนจบนะคะ รออ่านต่อนะคะ...
เรื่องนี้ไปติดเหรียญเเอปอื่นซะแล้ว...