ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 107

กลับบ้านแล้ว...

ซู่เป่ามองลานบ้านที่อยู่ต่อหน้า มันออกจะเงียบเหงา แต่ก็มีความถูกชะตาบางอย่างบอกไม่ถูก

บ้านคุณตาก็บ้าน ที่นี่ก็บ้านเหมือนกัน

แต่ว่าที่นี่ให้ความรู้สึกอีกแบบ แบบที่เคยฝันเห็น

เพียงแต่ว่าภาพที่เห็นในฝันมันไม่ชัดเจน แต่พอมามองวันนี้ก็รู้สึกคุ้นเคย

มู่กุยฝานพาซู่เป่าเดินตรงไปที่ห้องโถงกลาง แล้วไปหยุดอยู่ตรงหน้าลานตั้งศาลบรรพบุรุษ

“คนที่หลับใหลไปตลอดการในนี้ก็คือคุณปู่คุณย่าและทวดของลูก” มู่กุยฝานพูดเบา ๆ “ซู่เป่าเข้าไปจุดธูปเคารพท่านสักดอก คำนับท่านสักทีได้ไหมลูก?”

มู่กุยฝานมองซู่เป่า เห็นว่าเธอกำลังมองไปทางศาลบรรพบุรุษ เขาแอบลุ้นในใจ

ถ้าเกิดเธอไม่ตกลง... จะทำยังไง?

แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าตัวน้อยกลับตอบรับเสียงใสว่า “ค่ะ”

คุณตาบอกว่าคุณพ่อกับคุณทวดเป็นฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขาสมควรได้รับการเคารพจากทุกคน

ดังนั้น เธอก็ควรจะทำความเคารพ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่รู้จักพวกท่านก็ตาม...

แต่ว่าก็ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวอีกหน่อยก็รู้จัก

ซู่เป่าพูดอย่างแน่วแน่ “จุดธูปไหว้คุณปู่คุณย่ากับคุณทวด”

มู่กุยฝานรู้สึกฝาดในลำคอ เสียงแหบพร่า “ดีมาก ไม่เสียแรงที่เป็นเด็กดีของพ่อ”

เขาก้าวเดินไปยังศาลบรรพบุรุษด้วยฝีเท้าที่มั่นคง จู่ ๆ ก็เหมือนนึกอะไรได้ พูดขึ้นมาว่า “ซู่เป่า ลูกยังไม่ได้เรียกพ่อเลยนะ”

เจ้าตัวเล็กเรียกคุณปู่คุณย่าคุณทวดก่อน

นี่เขาเป็นลำดับที่สี่เหรอ?

ซู่เป่าจ้องมองกรอบประตู ไม่ตอบอะไร

มู่กุยฝานเอ่ยด้วยความแปลกใจ “ซู่เป่า”

ซู่เป่ามองมาที่เขา กระพริบตาปริบ ๆ ในที่สุดก็ตอบออกมาถือเป็นการยอมรับ “พ่อ”

“ครับ”

มู่กุยฝานตื่นเต้นมาก ดีใจแทบลอยได้ สุดท้ายก็เลยเดินหัวโขกกรอบประตู

ลูกน้องที่ทำหน้าที่เฝ้ายามอยู่ในมุมมืด ???

ซู่เป่าเหมือนรู้ล่วงหน้า วินาทีนั้นหัวเล็ก ๆ ของเธอหมอบลงแนบชิดกับบ่าของมู่กุยฝาน

เลยไม่เป็นไรเลย

เธอมองกรอบประตู แล้วก็หันมามองหัวของมู่กุยฝานอีกที

โอ้ คุณพ่อขายาวสูงขนาดนี้จริง ๆ ด้วย

เดินชนกรอบประตูจริง ๆ ด้วยแฮะ

เอาอีก...

มู่กุยฝานร้องซี๊ด

ผีหลอกแล้ว เขาเนี่ยนะจะชนกรอบประตู?

เขาสูง 194 เซนติเมตร

ถึงประตูลานศาลบรรพบุรุษจะต่ำไปหน่อยก็จริง แต่มันไม่มีเหตุผลเลย เมื่อก่อนเขาไม่เคยชนสักครั้ง

แต่เด็กดีของเขากลับไวพริบไวมาก เขายังไม่ทันรู้ตัว เธอก็หมอบลงแล้ว

ขณะที่เขากำลังชื่นชมเธอในใจ ก็ได้ยินซู่เป่าพูดขึ้นมาว่า “เอาอีก”

มู่กุยฝาน “...”

ซู่เป่ารีบเอามือปิดปาก

โธ่เอ๋ย ทำไมถึงพูดความในใจออกมาได้นะ

มู่กุยฝาน “ลูกว่าอะไรนะ?”

ซู่เป่าโบกไม้โบกมือ “ซู่เป่าไม่ได้พูดนะคะ คุณปู่กรอบประตูต่างหากที่พูด”

มู่กุยฝานกระตุกมุมปากขึ้น อดอมยิ้มได้

หัวไวจริงเชียว!

มู่กุยฝานวางซู่เป่าลงกับพื้น จูงมือเธอเดินไปหน้าป้ายชื่อบรรพบุรุษ

เขาหยิบธูปมาจุดหกดอก ให้ซู่เป่าสามดอก ให้ตัวเองสามดอก

มู่กุยฝานไม่คุกเข่าให้ฟ้าดิน แต่ต่อหน้าพ่อแม่กับคุณปู่เขาคุกเขาลงอย่างไม่ชักช้าเลย ก้มลงคำนับหัวโขกพื้นเสียงดัง

เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดว่า “คุณปู่ดูสิครับว่านี่ใคร?”

“คิดไม่ถึงใช่ไหมครับ ว่านหลานปู่จะมีลูกสาวที่น่ารักแบบนี้ แถมสวยมากด้วย!”

นี่ก็หลายปีมาแล้ว แต่ภาพที่เขายังลืมไม่ลงก็คือภาพสุดท้ายที่เขามองปู่ เขาหันกลับไปมอง ปู่ก็มองเขา

แต่หันกลับไปอีกที ก็เหลือเพียงภาพแผ่นหลังของคุณปู่ที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด

ทั้งที่รู้ว่านั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็น แต่กลับไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ...

“มานี่ ซู่เป่า เรียกคุณทวดสิคะ”

ซู่เป่าเลียนแบบมู่กุยฝาน คุกเข่าลงบนเบาะรองดังฟุ่บ ตะโกนเรียก “คุณทวด”

มู่กุยฝานรู้สึกฝาดในลำคอ เขาพูดต่อว่า “เรียกคุณปู่คุณย่าสิคะ”

ซู่เป่า “คุณปู่คุณย่า”

พูดจบก็เลียนแบบมู่กุยฝานโขกหัวคำนับเสียงดัง

โขกเอาเสียแรงยั้งไม่ทัน หน้าผากกระแทกพื้นดังโป๊ก

“โอ๊ย”

เธอรีบเอามือหนึ่งกุมหน้าผาก อีกมือยังกำธูปสามดอกไว้แน่น

มู่กุยฝานรีบอุ้มเธอขึ้นมาทันที “เป็นไรไหม?”

แล้วเขาก็เห็นว่าหน้าผากของเจ้าตัวเล็กเป็นรอยแดง

ไม่ใช่แค่แดง แต่เหมือนจะบวมด้วย

นี่ต้องโขกแรงขนาดไหนเนี่ย...

มู่กุยฝานไม่รู้จะว่ายังไง เขาพาซู่เป่าไปปักธูป รินเหล้าสามจอก เสร็จแล้วถึงออกจากลานศาลบรรพบุรุษ

“ยังเจ็บไหม?” มู่กุยฝานแตะหน้าผากเธอเบา ๆ ไม่กล้าไปโดนมาก

มือน้อยสองข้างของซู่เป่าปิดอยู่บนหน้าผาก

เมื่อกี้ไม่เจ็บ

แต่ตอนนี้เจ็บขึ้นมาแล้ว

มู่กุยฝานสั่งลูกน้องไปหยิบยาแดงมาให้ ซู่เป่าจ้องไปที่ลานบ้าน

ผีผู้หญิงตัวเมื่อกี้เขามาในศาลบรรพบุรุษไม่ได้ แต่ยังยืนรออยู่ข้างนอก...

ศาลบรรพบุรุษก็เปรียบเหมือนเป็นถิ่นคนอื่น ผีทั่วไปจะไม่เข้าไปยุ่งนอกจากจะไม่มีกินแล้วจริง ๆ จึงจะเข้าไปขอแบ่งของไหว้สักหน่อย ไม่งั้นก็จะหลีกเลี่ยงกันเป็นส่วนใหญ่

อีกอย่าง ศาลบรรพบุรุษแห่งนี้เป็นศาลของมู่หมิงหย่วน ผู้มีบุญคุณยิ่งใหญ่ ผีทั่วไปไม่กล้ารบกวนอยู่แล้ว

มู่กุยฝานมองตามสายของซู่เป่าไป เห็นว่าซู่เป่ากำลังมองต้นกุ้ยฮวาที่ลานบ้านก็ถามว่า “มองอะไร?”

ในลานบ้านมืดตึ๊ดตื๋อ มีอะไรน่ามอง

ซู่เป่าชะงักไปครู่หนึ่งก่อนถามว่า “พ่อ พ่อมีผู้หญิงข้างนอกหรือเปล่า?”

มู่กุยฝานอึ้งไป “อะไรนะ?”

มีผู้หญิงที่ไหน

เขาเป็นคนแบบนั้นเหรอ?

ไม่สิ นี่ตระกูลซูสอนอะไรให้เด็กเนี่ย?

มู่กุยฝานขมวดคิ้วพูดว่า “พ่อไม่เคยมีผู้หญิงที่ไหน ตอนนี้ก็ไม่มี ต่อไปก็ไม่มี”

ซู่เป่าคิดอะไรแผลง ๆ ถามว่า “งั้นหนูเกิดมาได้ไง?”

มู่กุยฝาน “...”

เขากระแอม “กับแม่ของลูก... ไม่นับ”

ความคิดของซู่เป่าถูกดึงกลับมาทางปกติแล้ว เธอถามว่า “ทำไมแม่ไม่นับล่ะ?”

มู่กุยฝาน “เอ่อ... มันเป็นอุบัติเหตุ”

ซู่เป่า “งั้นซู่เป่าก็เป็นอุบัติเหตุเหรอ?”

มู่กุยฟาน “เอ่อ...”

ซู่เป่า “งั้นพ่อไม่ได้ชอบแม่เหรอ?”

มู่กุยฝาน “อ่ะแฮ่ม...”

ซู่เป่า “แล้วทำไมพ่อต้องมามีอุบัติเหตุกับแม่ด้วย?”

มู่กุยฝาน “ซู่เป่า กินไอติมไหม?”

ซู่เป่าตาลุกวาว “กิน”

สองพ่อลูกพูดกันไปคนละเรื่องพลางเดินเข้าไปข้างใน

ใต้ต้นกุ้ยฮวาผีผู้หญิงตัวนั้นเงยหน้า ยืนอุ้มหัวตัวเอง สายตาโกรธแค้น

เธอลอยตามพวกเขาไปช้า ๆ รักษาระยะห่าง แต่ไม่ยอมไปจากมู่กุยฝาน

“เอื๊อก...” เธอส่งเสียงออกมาจากลำคอ ฟังดูน่ากลัว เหมือนโดนเชือดคอขาดทำให้ส่งเสียงอออกมาไม่ได้

**

ซูอีเฉินทำงานจนถึงเที่ยงของอีกวันถึงกลับบ้าน

ไม่คิดว่า... มู่กุยฝานจะยังไม่พาซู่เป่ามาส่งบ้านอีก!

นายหญิงซูกดปุ่มบังคับรถเข็นตรงออกมา พูดด้วยความโมโห “ซู่เป่าอยู่ไหน? โตขนาดนี้แล้วพาหลานออกไปยังทำหายได้อีก”

ซูอีเฉินเม้มปาก พูดเสียงเรียบ “แม่ครับ ซู่เป่าไปกับพ่อเขา”

ไม่ได้หาย

นายหญิงซูถลึงตาใส่ “ไม่พากลับมาก็คือหาย”

ซูอีเฉินมองไปที่นายท่านซูที่อยู่หลังนายหญิงซู

หลังนายท่านซู ก็มีซูอี้เซิน ซูอิ๋งเอ่อร์ ซูลั่ว กับซู่จื่อหลินยืนอยู่

จากนั้นก็เป็นซูเหอเหวิน ซูเหอเวิ่นกับหานหาน

คนทั้งบ้านตั้งแต่เด็กยันแก่ยืดกอดอกจ้องเขา

เหมือนกำลังพูดว่า “ยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ?

ซูอีเฉิน “...”

ลุงใหญ่ปวดหัว ลุงใหญ่กดหัวคิ้วลงต่ำ ทำได้เพียงรับประกันว่า “ไม่ต้องห่วงครับ ซู่เป่าไม่เป็นไรแน่นอน”

พูดจบก็ย้ำเสริมว่า “จะไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่ปลายเล็บ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน