ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 131

ครูเชอร์รี่แอบมองอยู่ครู่หนึ่ง หัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้

พ่อของซู่เป่าช่างมีสเน่ห์เสียจริง จนเธอนั้นแทบถอนตัวไม่ขึ้น

ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว ความรู้สึกตกหลุมรักแบบนี้ทำให้เธอลุ่มหลง!

แต่ครูเชอร์รี่ไม่ได้สังเกตว่ามีครูผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา

เขาคือครูพละของโรงเรียน ปกติแล้วครูสอนเด็กเล็กจะมีครูผู้ชายอยู่น้อยมาก ยกเว้นในโรงเรียนเอกชนอย่างโรงเรียนประถมนานาชาติอู่เซี่ยงแบบนี้ถึงจะมีอยู่

ที่นี่แทบจะทุกห้องจะมีครูผู้ชายหนึ่งอยู่ด้วย และครูหนุ่มผู้นั้นก็คือครูโจว หนึ่งในแฟนของครูเชอร์รี่นั่นเอง

ครูโจวเป็นครูสอนวิชาพละ บุคลิกร่าเริง โดยรวมแล้วเป็นผู้ชายที่มีจิตใจดีคนหนึ่งเลยแหละ

เขาสะกิดครูเชอร์รี่เบาๆ แต่นั่นก็ทำให้เธอสะดุ้งและเอามือทาบหน้าอก“คุณนี่เอง ฉันตกใจหมดเลย”

ครูโจวบอกว่า “มานี่ ไปกับผม”

ครูเชอร์รี่ถามเขา “จะไปไหน?”

ครูโจวพาเธอไปที่ที่ไม่มีคน แล้วสำรวจร่างกายเธอ

“ไม่เป็นไรใช่ไหม ผมได้ยินว่าเด็กนักเรียนห้องคุณทะเลาะกัน ผู้ปกครองของเด็กมาที่โรงเรียน เด็กสองคนนั้นเป็นเด็กที่คุณดูอยู่”

ครูเชอร์รี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “มันเป็นความผิดของฉันเอง ตอนนั้นเผลอนิดหน่อย จากนั้นก็……”

ครูโจวปลอบใจเธอเล็กน้อย “ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นเรื่องที่เธอเองก็คิดไม่ถึงใช่ไหมล่ะ ต่อไปเวลาทำงานอย่าเหม่ออีกนะ”

เขาน้ำเสียงดุดันนิดหน่อย เพราะรู้ว่าเธอชอบเหม่อลอย

แต่มันก็น่ารักดีนะ

เธอย่นจมูกนิดหน่อยแล้วพูดแบบน้อยใจ “ตอนนั้นฉันก็กำลังคิดถึงเรื่องคุณนั่นแหละ”

ครูโจวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับเธอ “ถ้างั้นคุณคิดดีหรือยังจะเลือกใคร ผมหรือเขา?”

ตอนนั้นเธอมีสีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด “คุณพี่โจวเซียว ไม่ต้องบีบบังคับแล้วค่ะ ฉันเจ็บปวดจริงๆ นะ”

“ฉันก็รักคุณนะ แต่ว่าอี้ปินเป็นคนดีมากๆ แล้วก็ยังชอบฉันมากขนาดนั้น ถ้าเขาไม่มีฉันจะต้องเสียใจมากแน่ๆ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเข้า แต่ฉันก็กลัวจริงๆว่าจะทำให้เขาเสียใจ”

“ฉันทำไม่ได้ ฉันทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ”

โจวเซียวได้แต่ถอนหายใจ “โอเค ไม่บังคับแล้ว”

ครูเชอร์รี่พูดต่ออีกว่า “คุณให้เวลาฉันหน่อยนะ ฉันจะค่อยๆทำให้เขาเริ่มรับได้เอง”

โจวเซียวพยักหน้า

ครูเชอร์รี่พูดอีกว่า “อ๋อใช่แล้ว คุณรู้ไหมว่าผู้ปกครองของซู่เป่าเป็นใครหรือ โดยเฉพาะพ่อของเขา ฮือฮือ เมื่อกี้ฉันมองเขาครู่หนึ่งรู้สึกว่าเขาเองน่าจะสุดยอดพอตัวเลยล่ะ ฉันกลัว”

โจวเซียวบอกว่า “ซู๋เป่าเป็นน้องสาวของหานหาน เขาเป็นคนของตระกูลซู่ แต่เรื่องของพ่อเขา ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน”

ครูเชอร์รี่แอบตกใจเล็กน้อย

ตระกูลซู่ ใช่ตระกูลซู่ที่ยิ่งใหญ่ที่ชอบถ่อมตัวไหมนะ

เธอคิดอยู่ในใจ ผู้ชายที่ใส่สูทคนนั้น ที่แท้ก็เป็นถึงนายใหญ่ในนิยายนี่เอง

นั่นทำให้ครูเชอร์รี่รู้สึกใจเต้นแรงอีกครั้ง

**

หลังจากหมดเรื่องที่ทะเลาะกัน ซู่เป่าไม่ได้กลับบ้านไปพร้อมกับพ่อ แต่ยืนยันที่จะเรียนต่อให้จบ จนเลิกเรียนวันนั้นถึงจะกลับบ้านไป

หานหานมองเห็นรอยแผลบนหน้าของซู่เป่า แถมยังรู้เรื่องที่เธอไปทะเลาะเบาะแว้งกันมา ทันใดนั้นเธอก็กัดฟันขึ้นมาทันที

“มันกล้าทำร้ายเธอขนาดนี้เลยหรือ” หานหานพูดด้วยความโกรธ “ทำไมเธอไม่มาเรียกฉัน ฉันจะไปตบมัน”

เสียดายมาก ที่ไม่ได้ไปตบมันด้วยกัน

ซึเป่า “เฮ้อ พี่ ถ้าเรียกพี่ก็คงไม่ทันน่ะสิ”

หานหานบอกว่า “ก็ใช่ แต่อย่าให้ฉันเห็นหน้าไอ้เด็กบ้านั่นนะ เจอเมื่อไหร่ก็ตบเมื่อนั้นแหละ”

เธอโกรธมาก เพราะสัญญากับคนในบ้านแล้วว่าจะดูแลซู่เป่าเป็นอย่างดี

นี่เพิ่งวันแรกเองนะ ก็ทำให้เธอมีรอบแผลบนใบหน้าเสียแล้ว

หานหานขึ้นรถโรงเรียนไปด้วยกันกับซู่เป่า

รถโรงเรียนเริ่มทยอยออกไปทีละคัน ผู้ปกครองที่มารับเองก็ทยอยเดินทางกลับเหมือนกัน ทำให้สนามเด็กเล่นที่เสียงดังเมื่อกี้เงียบสงบลงทันใด

จากนั้นไม่นาน มีเด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าโรงเรียน ในมือของเขาถือกล่องเบนโตะไว้ด้วย

ครูเชอร์รี่รีบเดินมาที่หน้าประตูโรงเรียนแล้วจับมือเด็กคนนั้น “อี้ปิน คุณมาได้ที่นี่ได้ยังไง เคยบอกแล้วไงว่าไม่ให้มาหาที่โรงเรียนน่ะ”

อี้ปินส่งกล่องเบนโตะให้เธอ “ผมห่วงกว่าคุณจะลืมกินข้าวอีก แล้วจะปวดท้องอีกนะ”

ครูเชอร์รี่รับมา รู้สึกขอบคุณเขา “ขอบคุณนะ คุณดีกับฉันมากๆเลย”

อี้ปินพูดกลับว่า “แค่ขอบคุณเองหรือ”

ครูเชอร์รี่ “แหมม แล้วคุณต้องการอะไรอีกล่ะคะ”

อี้ปินชี้ไปที่แก้มของตัวเอง

ครูเชอร์รี่หน้าแดงขึ้นมา แล้วมองไปที่รอบๆ จากนั้นรีบจูบที่แก้มของเขาอย่างเร็ว

จากนั้นกระทืบเท้าเบาๆ “บ้าหน่ะ!”

จากนั้นเธอรีบกอดกล่องเบนโตะแล้ววิ่งหนีไป

อี้ปินกลั้นขำไม่ไหว “เชอร์รี่น้อย น่ารักจริงๆ”

แต่สิ่งที่ไม่มีคนรู้คือ ครูเชอร์รี่มีแต่ความเจ้าชู้อยู่ในใจ

**

นายหญิงซู่รออยู่ที่ประตูบ้านอย่างกังวล ในที่สุดซู่เป่าก็กลับมาถึงแล้ว เธอรีบเดินเข้าไปหาหลานรักทันที

“ซู่เป่ามานี่ ยายขอดูหน่อย แผลบนหน้าอ่ะเจ็บมากไหมลูก”

ซู่เป่าส่ายหัว “ไม่เจ็บแล้วค่ะ”

เพียงแค่ยาไอโอดีนที่ทาบนแผลนั้นเป็นสีแดง จึงทำให้ดูน่าตกใจเฉยๆ

นายหญิงซูรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก

ครั้งที่แล้วมู่กุยฝานพาซู่เป่าออกไปข้างนอกแล้วศีรษะได้รับบาดเจ็บ แต่เพียงทายาไอโอดีนก็หาย

แผลเก่าเพิ่งหายไปไม่เท่าไหร่ ได้แผลใหม่มาอีกแล้ว

แต่ซู่เป่าไม่ได้สนใจ เธอยื่นมือออกไปหายาย “คุณยายดูนี่ หนูได้รางวัลมาตั้งเยอะแยะเลย”

ที่หน้าผากของเธอติดไว้ว่า “เยี่ยมมาก” หลังมือซ้ายมีติดรูปชูนิ้วโป้งไว้สองอัน และหลังมือขวามีรูปเจ้าหญิงน้ำแข็ง สองอัน

เหมือนกันได้รับรางวัลยิ่งใหญ่อะไรแบบนั้นแหละถึงได้อวดคนที่บ้าน

แม้กระทั่งเสี่ยวอู่ยังไม่เว้น

“เสี่ยวอู่ดูนี่สิ ฉันมีสติกเกอร์ตั้งหลายอัน มีแต่เด็กที่เก่งถึงจะได้มานะ ฉันเก่งไหมล่ะ”

เสี่ยวอู่กระพือปีก “เก่งมากเก่งมาก เธอเหมือนไฟ เธอเหมือนแสงสว่าง เก่งมากเก่งมาก————Superstar ”

ซู่เป่าดีใจมากๆ แม้กระทั่งตอนอาบน้ำยังไม่อยากจะแกะออก สุดท้ายมู่กุยฝานหยิบสมุดเล่มเล็กเล่มหนึ่งมาให้เธอ เพื่อให้เก็บสะสมสติกเกอร์ไว้ในนั้น

สติกเกอร์ทุกดวงที่ติดไว้ ซู่เป่าจะเขียนข้อความอธิบายไว้ด้านล่าง

“สติกเกอร์ดวงนี้เพราะว่าตอนเช็กชื่อหนูพูดเสียงดังที่สุด คุณครูเลยให้รางวัล”

มู่กุยฝานหยิบสมุดไปแล้วเขียนไว้ด้านล่าง “เช็คชื่อพูดเสียงดังสุด... รางวัล อืม เสร็จแล้ว”

ซู่เป่าพูดอีกว่า “อันนี้ตอนทานอาหารกลางวันหนูทานเสร็จก่อนคนแรก แล้วทานหมดด้วย คุณครูถึงให้รางวัล”

มู่กุยฝาน “เอ่ออ... ทานข้าวเสร็จคนแรก”

ซู่เป่า “อันนี้ตอนช่วยคุณครูยกเก้าอี้”

มู่กุยฝาน “เป็นผู้ช่วยคุณครู”

พ่อลูกสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ ทำการจดบันทึกอย่างจริงจัง

เพียงครู่เดียวก็เป็นช่วงกลางคืนแล้ว มู่กุยฝานกล่อมลูกเข้านอนแล้วคุยกับลูกเบาๆ “ซู่เป่า วันนี้คิดว่าพ่อทำถูกไหม”

ซู่เป่าค่อยๆคิด “ตบตีกันเหมือนจะไม่ถูกนะคะ”

แต่เธอเองก็ตบตีกับหยางหยางเหมือนกัน

เพราะงั้นก็โทษคุณพ่อไม่ได้เหมือนกัน

มู่กุยฝานลูบหัวของเธอเบาๆ “อืม ลูกพูดถูก การใช้ความรุนแรงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง”

“แต่ว่า คนเรามีวิธีจัดการกับคนประเภทต่างๆไม่เหมือนกัน บางประเภทเราพูดด้วยเหตุผลกันกับเขา เขาตอบเรากลับด้วยหมัด แต่ถ้าเราตอบโต้กลับด้วยหมัด ก็หมายถึงเป็นทีของเขาที่จะพูดกับเราด้วยเหตุผลเหมือนกัน”

“เพราะฉะนั้นบางครั้งก็อย่ายอมมากไปจนเสียเปรียบ เข้าใจไหมลูก”

ซู่เป่าพยักหน้าเข้าใจ

มู่กุยฝานไม่ได้หวังให้เธอเข้าใจทุกอย่าง

เขาเป็นคนที่มาจากวงการสีเทา เขาเข้าใจดีมากกว่าคนอื่นเป็นไหนๆว่าอีกด้านหนึ่งของโลกใบนี้มันโหดร้ายขนาดไหน ยิ่งเข้าใจเรื่องนิสัยใจคอของคนแต่ละประเภทเป็นอย่างดี

เขาจึงหวังแต่ว่าซู่เป่าของเขาจะไม่ใจดีจนเป็นแม่ชีเกินไป แต่ก็ไม่ทำร้ายใครก่อน ไม่เสียเปรียบ และไม่ยึดติดจนมากเกินไป

เพียงแค่เป็นตัวเอง เป็นคนธรรมดาทั่วไปก็พอ

มองดูซซู่เป่าที่ค่อยๆหลับตาลง มู่กุยฝานเองก็ค่อยๆลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจเล็กน้อย แล้วค่อยๆเดินออกไป

จี้ฉางที่นั่งไขว่ห้างตลอดลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า “ที่บอกว่าไม่ไว้ใจพ่อของซู่เป่า ตอนนี้เห็นหรือยัง”

ซูจิ้นอวี่ที่เหมือนเป็นกลุ่มผีกลุ่มวิญญาณล่องลอยอยู่รอบๆ “อืม....”

จี้ฉาง “เชื่อใจแล้วหรือ แบบนี้ก็ไปเกิดใหม่ได้แล้วสินะ“

ซูจิ้นอวี่ทำท่าทางน่าสงสาร “พี่ ปรึกษากันก่อนสิ ให้ฉันสวมวิญญาณความทรงจำก่อนสิ ถ้าไม่ได้จริงๆก็เริ่มจากตอนปฏิสนธิก็ได้นะ”

จี้ฉาง “…………”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน