หัวของผีหลายใจก้มลง พร้อมหมุนสามร้อยหกสิบองศา
เธอค่อยๆ ลุกขึ้น หักหัวกลับไปดังเป็นเสียงกึก พร้อมพูดบ่น “ฝีเท้าหนักมากเลย”
ผีขี้ขลาดหัวเราะเย็น “บอกว่ามาบำเพ็ญ แต่เหมือนมาเที่ยวมากกว่า ยิ่งอยู่ยิ่งปลดปล่อยตัวเอง”
ผีหลายใจพยุงหัวของตนไว้ พร้อมลากผีชุดแต่งงานวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เหลือเพียงผีหนุ่มที่เคยถูกเธอพูดจีบยังคงลอยนิ่งกับที่ และนัยน์ตาของเขาแฝงแววบางอย่าง
ผีขี้ขลาดถอนหายใจทีหนึ่ง เขาทั้งเอือมระอาและหมดคำพูด “ยิ่งอยู่ยิ่งควบคุมไม่ได้แล้ว ถ้าเธอไปพูดเหลวไหลต่อหน้าซู่เป่าเข้า ฉันจะหักหัวของเธอไปขังแยกไว้ในห้องลับ…”
เมื่อเห็นผีหนุ่มตนนั้น เขาชะงักทีหนึ่ง จากนั้นยิ้มอ่อนโยน “ขอโทษทีนะ พี่สาวฉันนิสัยเสเพลน่ะ แต่เธอแค่เก่งแต่ปาก หากเสียมารยาทใส่ก็ต้องขอโทษด้วย”
นัยน์ตาของผีหนุ่มลุกวาว เขาส่ายหัวพร้อมยิ้มอย่างเคอะเขิน “ไม่เป็นไรครับ…ที่แท้เธอก็เป็นพี่สาวของคุณนี่เอง น่ารักดี”
ผีขี้ขลาด “?”
เขากวาดตาประเมินผีหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมเอ่ยถาม “นาย…”
กลิ่นไอบนตัวของผีร้ายนี่มันคุ้นๆ คล้ายกับกลิ่นไอของผีคลั่งรักที่ซู่เป่าเคยจับได้
ได้ยินเพียงผีหนุ่มตอบอย่างมารยาทและเขินอาย “ฉันชื่อเซี่ยงเปิ่นซู”
ผีขี้ขลาด “??”
ชื่ออย่างกับหนังสือเลย
“แฮ่ม” ผีขี้ขลาดพยักหน้า “ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อพันเฉินเอ๋า”
เซี่ยงเปิ่นซูฉงน “คนละแซ่กับพี่สาวเหรอครับ”
ผีขี้ขลาดเผยยิ้ม “แม้จะคนละแซ่ แต่เป็นครอบครัวเดียวกัน”
เป็นครอบครัวเดียวกันตลอดไป…ครอบครัวใหญ่นี้ เพราะมีซู่เป่า ทุกคนจึงต่างหาที่พักพิงเจอ
เซี่ยงเปิ่นซูพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
ผีขี้ขลาดพยักหน้าตอบเขา จากนั้นหันร่างจากไป
“หืม ท่านจี้กำลังดูอะไรกัน” ผีขี้ขลาดกลับมาก็พบกับจี้ฉางที่ยืนนิ่งกับที่
จี้ฉางจ้องมองจุดที่อสูรน้อยหายไป พร้อมเอ่ย “อสูรน้อยตัวนั้นเก่งกาจมาก”
ผีขี้ขลาดมองอย่างสงสัยทีหนึ่ง “งั้นเหรอครับ”
เขาไม่ได้สังเกต แต่ท่านจี้บอกเก่งกาจต้องเก่งกาจมากแน่ๆ
“ไปกันเถอะ” จี้ฉางเอ่ยพูดขึ้น
ผีขี้ขลาดพยักหน้า ทั้งคู่คนหนึ่งสวมอาภรณ์ขาวบริสุทธิ์ อีกคนสวมอาภรณ์มรกต เดินเคียงข้างกัน ปรากฏตรงหน้าผู้คนราวกับเทพเซียน
เมื่อเข้าเมือง ผีขี้ขลาดและจี้ฉางเพิ่งเห็นผีหลายใจและผีชุดแต่งงาน พวกเธอนั่งรอตรงมุมกำแพงเงียบๆ ราวกับเด็กที่ทำผิด ก้มหน้างุดพร้อมจับเสื้อผ้า และจัดผมให้กันเป็นระยะ
ผีขี้ขลาดกรอกตาใส่เธอพร้อมเอ่ย “ชุดแต่งงานติดนิสัยเสียเธอหมด”
ผีชุดแต่งงานเอ่ยเสียงแผ่ว “ข้ามิได้…”
ผีหลายใจยิ้มคิกคัก แขนข้างหนึ่งโอบไหล่ผีขี้ขลาด ส่วนแขนอีกข้างโอบไหล่ผีชุดแต่งงาน พร้อมเอ่ยถาม “พวกนายมาถึงตอนไหนกัน บังเอิญมากเลย ที่ได้มาเจอกันที่นี่”
ผีขี้ขลาดเอ่ยตอบ “บังเอิญอะไร ก็เห็นด่านเคราะห์อัสนีบาตเลยมากันไม่ใช่หรือไง”
ด่านเคราะห์อัสนีบาตที่ราวจะถล่มฟ้าดิน ต่อให้ห่างมันไกลโพ้นก็ยังรู้สึกถึงความสะเทือนจนหัวใจสั่นคลอน
พวกเขาตามด่านเคราะห์อัสนีบาตมา และเห็นร่างเล็กๆ กลางฟ้าดินมาแต่ไกล ไม่ต้องทายก็รู้ว่านั่นคือซู่เป่า
เพียงแต่เมื่อพวกเขามาถึง ด่านเคราะห์อัสนีบาตได้จบลง และไม่มีคนอยู่ที่นั่นแล้ว
จี้ฉางเดาว่าซู่เป่าน่าจะออกจากเมืองแล้ว จึงเดินทางมาพร้อมผีอ่อนแอ
ผีหลายใจพยักหน้า “ถ้างั้นเราก็เหมือนกัน”
เธอและผีหลายใจกำลังบำเพ็ญที่แดนไร้อารยะ กำลังจะบุกเข้าถ้ำมังกร จู่ๆ กลับเห็นสายฟ้าผ่าที่บริเวณจุดเชื่อมฟ้าดิน จึงรีบเดินทางมาที่นี่
แต่แล้วหาไปทั่วเมืองตามข่าวสารที่ได้ กลับไม่เจอร่องรอยของซู่เป่าเลย
กลับกัน เถ้าแก่โรงเตี้ยมเทียนพั่วดักพวกเขาเอาไว้
“ท่านแซ่จี้งั้นหรือ” เถ้าแก่เอ่ยถามจี้ฉาง พร้อมหยิบรูปภาพขึ้นมาหนึ่งใบ อืม ยืนยันแล้วว่าเป็นคนนี้
“คุณท่านซูพาคุณหนูน้อยไปหาคุณชายเจ็ดแล้วขอรับ คุณหนูน้อยบอกหากท่านมา ฝากบอกท่านว่าทุกอย่างสบายดี ให้ท่านกลับตำหนักใต้พิภพไปก่อน หรือจะเที่ยวเล่นคนเดียวสักช่วงหนึ่งก็ได้”
ท่าทีของเถ้าแก่เคารพเป็นอย่างมาก เพราะนี่เป็นถึงผีที่มาจากในแดนใต้พิภพเชียว
จี้ฉางพยักหน้า “เข้าใจแล้ว ขอบคุณครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...
บทที่ 1268 แล้วกระโดดไป 1278 เลย บทที่ 1269 1270 1271 1272 ข้ามไปทั้งหมด 4 ตอนนะคะ...