ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 168

มู่กุยฝานเดินผ่านฝูงชนอย่างรวดเร็ว แล้วเห็นศีรษะคนลอยอยู่บนผิวน้ำจากที่ไกลๆ

ที่น่าแปลกก็คือมีหญิงสาวสองคนนั่งตัวเปียกอยู่ริมแม่น้ำและเอาแต่ร้องไห้

แต่เมื่อสักครู่เขาได้ยินว่ามีเด็กผู้หญิงสองคนตกน้ำ ช่วยขึ้นมาได้แล้วเหรอ

มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งร้องไห้ตะโกนว่า “ยังเหลือลูกสาวของฉัน ลูกสาวของฉัน”

เธอทั้งพูดทั้งรีบร้อนอยากจะลงแม่น้ำ

มู่กุยฝานดึงเธอไว้และพูดว่า “คุณอย่าลงไป”

หญิงวัยกลางคนไม่ฟังและดึงดันจะลงไป “ลูกสาวของฉัน รีบช่วยลูกสาวของฉัน”

แต่พวกลุงๆ ป้าๆ ที่อยู่บนฝั่งกลับตะโกนร้องอย่างร้อนรนใจว่า “ไม่ใช่ เป็นผู้ชาย... ยังเหลือผู้ชายอีกคน”

สรุปว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่

หญิงวัยกลางคนผลักมู่กุยฝานออกอย่างสุดแรง แต่ถูกมู่กุยฝานดึงกลับมา

เขาตะคอกว่า “คุณว่ายน้ำเป็นเหรอ”

หญิงวัยกลางคนส่ายหน้าอย่างประหม่า

มู่กุยฝานพูดว่า “อย่าลงไป รออยู่ตรงนี้ ได้ยินไหม”

พูดจบเขาก็กระโดดลงน้ำทันที ชีวิตคนแล้วแต่โชคชะตา แต่เวลาไม่รอใคร

มู่กุยฝานว่ายไปยังศีรษะที่ลอยอยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าหญิงวัยกลางคนจะกระโดดลงน้ำในเวลานี้ ริมแม่น้ำค่อนข้างตื้น แต่ยิ่งไปทางใจกลางแม่น้ำยิ่งลึก เธอว่ายไปทางใจกลางแม่น้ำพลางตะโกนร้องอย่างร้อนรนใจว่า “ลูกสาวของฉัน ช่วยลูกสาวของฉันก่อน”

เธอเพิ่งพูดประโยคนั้นจบก็พลันเหยียบเท้าพลาด จากนั้นจมลงในแม่น้ำทันที

หญิงวัยกลางคนร้องตะโกนจากจิตใต้สำนึกและตะเกียกตะกายจากสัญชาตญาณ

“ช่วยด้วย...”

มู่กุยฝานหงุดหงิดมาก บอกเธอแล้วว่าอย่าลงมา ว่ายน้ำไม่เป็นและยังดึงดันจะลงมา

เขามองไปทางศีรษะที่โผล่ขึ้นมาใจกลางแม่น้ำ แต่มันไม่เคลื่อนไหวแล้ว

หญิงวัยกลางคนอยู่ใกล้เขากว่า ระยะห่างเพียงสองเมตร

ถ้าเขาช่วยคนที่อยู่ตรงใจกลางแม่น้ำก่อนแล้วค่อยกลับมาช่วยเธอ ป้าคนนี้อาจจะเสียชีวิตก่อน แต่คนที่อยู่กลางแม่น้ำไม่ขยับ อาจเป็นไปได้มากว่าเขาเสียชีวิตแล้ว

มู่กุยฝานเลือกที่จะช่วยผู้ที่มีโอกาสรอดชีวิตสูง คนเราเมื่อต้องเผชิญกับการช่วยเหลือในช่วงเวลาวิกฤตจะไม่ได้พิจารณาด้วยซ้ำว่าควรหรือไม่ควรช่วย จะพิจารณาแค่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่

มู่กุยฝานว่ายกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วยกป้าคนนั้นขึ้นและออกแรงเหวี่ยงเธอขึ้นฝั่ง จากนั้นหันหน้าว่ายกลับไปยังใจกลางแม่น้ำ

ป้าคนนั้นลงล้มบนพื้นโคลนริมแม่น้ำอย่างจริงจังและร้องไห้คร่ำครวญ จากนั้นถูกคนดึงขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็ว และยังสามารถได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอจากไกลๆ

นายหญิงซูและซู่เป่าตามไม่ทันขายาวใหญ่ของมู่กุยฝาน ดังนั้นจึงมาถึงที่นี่ในเวลานี้

ซู่เป่ามองไปทางริมแม่น้ำ พลันร้อนรนใจขึ้นมาทันที

“คุณพ่อ คุณพ่อ” เธอรีบวิ่งลงไป

นายหญิงซูร้อนรนใจ “ซู่เป่า อย่าลงไป”

ซู๋เป่าหันหน้ากลับมา “คุณยายไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ซู่เป่าไม่วิ่งเล่นไปทั่วค่ะ คุณยายอย่าไปไหนเพ่นพ่านนะคะ”

เธอวิ่งลงไปทันทีที่พูดจบ

นายหญิงซูร้อนรนใจก็ไม่มีประโยชน์ เธอไม่สามารถลงไปได้ ถึงลงไปนอกจากจะสร้างความวุ่นวายแล้วก็ทำอะไรไม่ได้

เธอจับรีโมทไว้แน่น จากนั้นควบคุมรถเข็นให้ถอยหลังไปครึ่งเมตร เพราะริมแม่น้ำมีคนเยอะมากเกินไป เธอกลัวว่าถ้าไม่ระวังแล้วเกิดโดนคนวิ่งมาชนตกลงไปก็มีแต่จะเพิ่มความวุ่นวาย

นายหญิงซูถอยไปอยู่ในเขตที่ปลอดภัย จากนั้นรีบคว้าคนที่เดินผ่านไปมาและขอร้องเขาให้ช่วยลงไปดูซู่เป่า...

ขาสั้นๆ ของซู่เป่าวิ่งเร็วมากและในไม่ช้าเธอก็มาถึงริมแม่น้ำ เธอไม่หุนหันพลันแล่นแต่ยืนควักมืออยู่ริมแม่น้ำพร้อมทั้งตะโกนว่า “คุณพ่อ กลับมา”

มีคุณลุงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาและรีบอุ้มเธอขึ้น “เพื่อนตัวน้อย อย่าวิ่งเล่นเพ่นพ่าน”

ลมบนผิวน้ำแรงมาก มู่กุยฝานได้ยินเพียงเสียงว่ายน้ำของตัวเอง เขาว่ายมาถึงใจกลางแม่น้ำแล้วและคว้าตัวคนที่ลอยมากับน้ำ

ในขณะที่จับโดนเสื้อของเขา มู่กุยฝานเพียงรู้สึกถึงความเหนียวเหนอะหนะและฝ่ามือลื่นๆ

ตอนเขากำลังแปลกใจว่าคนคนนี้เพิ่งตกน้ำแต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนสัมผัสตระใคร่น้ำราวกับแช่อยู่ในน้ำมานาน แล้วคนที่ลอยอยู่ในน้ำก็พลิกมาเผยให้เห็นใบหน้าซีดเซียวและกรอกตาขาว น่ากลัวสุดๆ

เป็นผู้ชาย

มู่กุยฝานตกใจ และในขณะนั้นเองเขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างจับข้อเท้าของเขา แล้วดึงเขาลงไปก้นแม่น้ำอย่างแรง

“?!”

กล้าคิดร้ายกับปู่มู่แกเหรอ

มู่กุยฝานเตะเท้าลงไปทันที

คนปกติจะสำลักน้ำเพราะตกใจเมื่อเห็นศพกรอกตาขาว แต่มู่กุยฝานไม่เป็นแบบนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าตอนคนปกติอยู่ในน้ำแล้วจู่ๆ ถูกอะไรบางอย่างจับข้อเท้าต้องตกใจจนเกือบช็อคและตะเกียกตะกายด้วยความตื่นตระหนกแน่... แต่มู่กุยฝานก็ไม่เป็นแบบนั้น

มู่กุยฝานใจเย็นมาก เขาคว้าศพชายที่ลอยอยู่ด้วยมือข้างหนึ่งพร้อมกับเตะขาอย่างแรง เขาได้รับการฝึกฝนการต่อสู้ใต้น้ำ คนธรรมดาจะไม่สามารถใช้กำลังใต้น้ำได้ แต่เขาทำได้

เขาเพียงรู้สึกว่าตัวเองได้เตะวัตถุทรงกลมชิ้นหนึ่ง เพราะเขาลื่นทันทีหลังจากที่เตะโดนสิ่งนั้น รูปร่างของวัตถุนั้นคิดว่าน่าจะเป็นศีรษะคน

มู่กุยฝานไม่มีเวลามาคิดว่าสิ่งที่อยู่ใต้น้ำคืออะไร เขาคว้าศพชายด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างว่ายน้ำเข้าหาฝั่งอย่างรวดเร็ว

แต่สิ่งที่อยู่ใต้น้ำยังคงไล่ตามมา จากนั้นไม่นานขาของเขาก็ถูกดึงลงไปอีกครั้ง

มู่กุยฝานที่กำลังว่ายไปข้างหน้าถูกดึงกลับมา และสิ่งที่อยู่ใต้น้ำนั้นแรงเยอะมาก

มู่กุยฝานขมวดคิ้ว แล้วเหวี่ยงศพชายไปทางฝั่งอย่างสุดแรง จากนั้นเขาก็ไม่สนใจแล้วว่าศพนั้นจะขึ้นฝั่งได้อย่างราบรื่นหรือไม่

แน่นอนว่าความปลอดภัยของตัวเองสำคัญกว่า

ด้วยเหตุนี้เขาจึงใช้สองแขนพยายามว่ายน้ำเข้าฝั่ง

แต่ข้อเท้าทั้งสองข้างที่อยู่ใต้น้ำถูกสิ่งนั้นจับไว้ ถึงแม้มู่กุยฝานไม่ถูกดึงกลับลงไปอีก แต่ก็ไม่สามารถว่ายไปข้างหน้าได้ แล้วก็นิ่งไปแบบนั้น

ความรู้สึกที่ข้อเท้าเหนียวหนึบเหมือนกับความรู้สึกตอนที่เขาเพิ่งจับศพชายผู้นั้นเมื่อสักครู่

มู่กุยฝานคิดทบทวนอย่างรวดเร็ว ตามแรงกำลังของสิ่งที่อยู่ใต้น้ำตอนนี้ ตราบใดที่เขาไม่ตื่นตระหนกก็อาจไม่ถึงตาย กำลังกายของเขาสามารถยืนหยัดได้จนกว่านักดับเพลิงจะมาถึง

แต่ถ้าถ่วงเวลาไปแบบนี้ก็ไม่เป็นผลดีกับเขา เพราะเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ใต้น้ำคืออะไรกันแน่ จะเกิดระเบิดพลังขึ้นมากะทันหันหรือไม่

ในเวลานั้นเองบนผิวน้ำก็ปรากฏแสงสีเขียว แล้วนกแก้วที่กำลังคาบยันต์ในปากก็บินมาข้างๆ มู่กุยฝาน จากนั้นเหยียบบนศีรษะของเขา

มู่กุยฝาน “...”

เสี่ยวอู่คาบยันต์ไว้ในปากพร้อมกับจิกที่หน้าผากของมู่กุยฝาน

มู่กุยฝาน “...”

เขายื่นมือไปจับยันต์ไว้

แล้วเสี่ยวอู่ก็กระพือปีกบินขึ้นพร้อมกับร้องอ้ากๆ ว่า “เผามันเลย เผามันเลย”

ที่แท้ ซู่เป่ามองดูใจกลางแม่น้ำอยู่บนฝั่งอย่างใจจดใจจ่อ ตอนมู่กุยฝานกำลังดิ้นรนขัดขืนเธอเห็นไอหยินอยู่รอบๆ ตัวมู่กุยฝาน

เธอไร้ซึ้งหนทางเข้าไปและลุงนักดับเพลิงก็ยังมาไม่ถึง

ภายใต้ความเป็นห่วงเธอพลันมองเห็นเสี่ยวอู่และมีความคิดขึ้นมาทันที เธอหยิบยันต์หนึ่งแผ่นจากกระเป๋าใบเล็กของเธอจากนั้นให้เสี่ยวอู่คาบเอาไป

โชคดีที่เสี่ยวอู่ไม่ทำให้ผิดหวัง

มู่กุยฝานถือยันต์และตบมันบนผิวน้ำ

เขาไม่เคยใช้ยันต์มาก่อนและไม่รู้ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ต้องใช้ยังไง แต่เมื่อสักครู่เสี่ยวอู่คาบยันต์และจิกบนหัวของเขาแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล

ดังนั้นจึงทำได้เพียงตบมันบนผิวน้ำ

ปรากฏว่าเขาเดาถูก แม่น้ำสีดำราวกับน้ำหมึกระเบิดเป็นเปลวไฟสีเขียวพร้อมเสียงคำรามต่อหน้า มู่กุยฝานรู้สึกว่าบางอย่างที่จับข้อเท้าเขาไว้พลันปล่อยเขาในทันที

แม่น้ำสีดำหายไปอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับจากแสงไฟสะท้อนของทั้งสองฝั่ง

มู่กุยฝานฉวยโอกาสนี้ว่ายกลับอย่างรวดเร็ว และตอนเขากำลังจะว่ายถึงฝั่ง เขาก็เห็นศพชายนั้นอีกครั้ง

ดูเหมือนว่าจะถูกกิ่งไม้ที่ยื่นออกมาจากริมแม่น้ำเกี่ยวไว้

เขาไม่สนใจ ในที่สุดก็ว่ายกลับมาถึงฝั่ง

ซู่เป่าพุ่งเข้าไปกอดมู่กุยฝานไว้แน่นพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า “คุณพ่อ...”

มู่กุยฝานลูบศีรษะของเธอ “ไม่เป็นไร”

เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้แปลกประหลาดมากจริงๆ แต่เขาเคยประสบพบเจอกับทุ่งสังหารที่ทั้งรอดและเสียชีวิตมามากมายและอันตรายกว่านี้อีกมาก

หลังจากนั้นไม่นานนักดับเพลิงก็มาถึงและกู้ศพชายนั้นขึ้นมาก่อน

ใบหน้าศพชายซีดเซียวและถลึงตาค้าง ราวกับเสียชีวิตทั้งๆ ที่ยังมีห่วง ทำให้ผู้คนที่มุงดูอยู่ริมแม่น้ำตื่นตระหนก

มู่กุยฝานขมวดคิ้ว ศพผู้ชาย...

เมื่อสักครู่กรอกตาขาวไม่ใช่เหรอ

ทำไมกรอกตากลับมาแล้วล่ะ...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน