ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 1727

สรุปบท ตอนที่ 1727 จี้ฉาง 13: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน

ตอน ตอนที่ 1727 จี้ฉาง 13 จาก ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1727 จี้ฉาง 13 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายวัยรุ่น ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน ที่เขียนโดย ไอซ์ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

จี้ฉางยืนอยู่กับที่ แต่ไท่ซานหวังกลับไล่ตามขึ้นไป

“นี่...เมื่อกี้เจ้าพูดถึงข้าอยู่หรือเปล่า” ความเย็นชาที่เขาแสร้งทำขึ้นมาเมื่อครู่หายไปภายในสองวิ

เขาไล่ตื้อไม่หยุด “พญายม ตอบสิ”

“เจ้าดูสิว่าข้าลำบากขนาดไหนกัน ครั้งที่แล้วถูกเจ้าเตะกระเด็น และเพิ่งกลับมาวันนี้”

“คนเราอย่าเลือดเย็นกับเพื่อนร่วมงานแบบนี้สิ”

พญายมทนไม่ได้ เธอยกมือ ตบเขาปลิวกระเด็นออกไปอีกครั้ง

จี้ฉางตามอยู่ด้านหลัง เขาเดินอย่างเชื่องช้า สุดท้ายแยกกันตรงปลายทาง และกลับไปยังห้องของตน

ไฟวิญญาณของจวนจี้ยังคงวางไว้ในห้องของเขา ด้านหน้าไฟทุกดวงนั้นมีธูปจุดอยู่ และมีของบูชาตั้งไว้

“ข้าจมปลักอยู่กับอดีตจริงหรือ” จี้ฉางนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าไฟวิญญาณเหล่านั้น และเอ่ยพูดเสียงต่ำ “หรูหรู่ เจ้าว่าพี่เป็นคนแบบนั้นจริงหรือ”

ไฟวิญญาณไม่มีการตอบสนอง แต่กลับมีความรู้สึกอบอุ่นโอบล้อมเขาไว้

หลังคนตายจะกลายเป็นผี หลังผีตายจะกลายเป็นจะเป็นหนี่ หลังหนี่ตายจะเป็นซี

ไฟวิญญาณที่ไม่สว่างอีกต่อไปของครอบครัวเขา บัดนี้กลับกลายเป็นดวงไฟที่หลงเหลือเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตอันสับสนของเขา

ส่วนไฟอีกดวงหนึ่งนั้น สว่างเกินไป แสบตาเกินไป แสบตาจนทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้

[พี่คะ ไม่เป็นไรนะ...]

[ลูกทำได้ดีมากแล้ว...]

ข้างหูราวกับมีเสียงดังขึ้น แต่จี้ฉางรู้ดีว่านั่นคือเสียงที่เขาคิดไปเอง

เขารู้ว่าครอบครัวของเขาจะปลอบเขาแบบนี้

ความรู้สึกอบอุ่นโอบล้อมเขา จนค่อยๆ สลัดไอโหดเหี้ยมบนตัวทิ้ง

ขณะนี้เอง จู่ๆ นอกประตูก็มีเสียงขยับ

“ผู้พิพากษาจี้ เจ้าวางของอะไรที่ให้ผู้อื่นเห็นไม่ได้ไว้ในห้องกัน”

เสียงของฉินก่วงหวังดังขึ้นด้านนอก น้ำเสียงของเขาจริงจัง “ปลดผนึก แล้วให้ข้าเข้าไปดู”

จี้ฉางเดินออกมา คำนับเล็กน้อยทีหนึ่ง พร้อมเอ่ย “ข้าจะวางอะไรไว้ในห้อง ท่านฉินก่วงหวังคงไม่มีสิทธิ์มายุ่งนะขอรับ”

ฉินก่วงหวังยิ้มเยือก “ข้าเป็นพญายมตำหนักที่หนึ่ง ผีขุนพลทั่วทั้งตำหนักใต้พิภพ มีใครที่ข้าไม่มีสิทธิ์ยุ่งกัน”

สีหน้าของจี้ฉางสงบ เขาเอ่ย “แม้ท่านจะเป็นพญายมของตำหนักที่หนึ่ง แต่ผู้นำของสิบตำหนักใต้พิภพนั้นกลับเป็นเหยียนหลัวหวังแห่งตำหนักที่ห้า...อย่างน้อยๆ มันก็เป็นแบบนี้ ถูกไหม”

สีหน้าของฉินก่วงหวังมืดครึ้ม “เจ้าริอาจไม่เคารพข้างั้นหรือ เจ้าเจ้า จับตัวผู้พิพากษาต่ำต้อยนี่ที่ไม่เคารถพข้าซะ”

“ข้าจะสอบปากคำแทนเหยียนหลัวหวังเอง”

ริอาจถกเถียงข้า นี่มันเป็นการไม่ให้เกียรติเบื้องบน

จงใจใส่ผนึกกีดกันให้กับห้องตนเองแสดงว่าเขาต้องมีอะไรแน่ๆ มันไม่บริสุทธิ์ใจ

ข้ามาดูว่าเจ้าได้ทำเรื่องผิดกฎระเบียบไหมด้วยความหวังดี เพื่อไม่ให้เจ้าเผลอออกนอกลู่นอกทาง แต่เจ้ากลับมิยอมเปิดผนึก...ถือว่าเจ้าไม่ภักดี

“ผีขุนพลที่ไม่ให้เกียรติ ไม่บริสุทธิ์ใจ และไม่ซื่อสัตย์ ไม่มีสิทธิ์ที่จะนั่งอยู่บนตำแหน่งนี้”

ฉินก่วงหวังสีหน้าดุดัน สะบัดมือสั่งจับจี้ฉางไป

แต่น่าเสียหาย หากไม่ได้รับการอนุญาตจากจี้ฉาง แม้แต่ฉินก่วงหวังเองก็เข้าไปไม่ได้ อย่าว่าแต่ผีขุนพลอื่นๆ เลย

จี้ฉางยืนอยู่ใต้คานประตู เขาก้มคำนับเล็กน้อย “ขอโทษขอรับ ข้ามองว่าท่านฉินก่วงหวังกำลังใส่ร้ายข้อหาให้ข้าอยู่ หากข้าทำสิ่งใดผิดไป ก็ควรให้ท่านเหยียนหลัวหวังมาเป็นผู้พิพากษา”

ฉินก่วงหวังโมโหจนจะตายอยู่แล้ว เขาชี้ไปที่จี้ฉางพร้อมสั่งเสียงคำราม “เปิดผนึกกีดกัดออกให้ข้าเดี๋ยวนี้”

เสียงของจี้ฉางไม่ลนลานแม้แต่นิด เขายังคงพูดเสียงเรียบ “ผนึกนี้ท่านเหยียนหลัวหวังเป็นผู้สร้าง ขออภัยที่ข้าเองก็ไร้ความสามารถในการเปิด”

สีหน้าของฉินก่วงหวังย่ำแย่จนถึงขีดสุด

เขามั่นใจว่าจี้ฉางต้องเปิดออกแน่ๆ เพราะก่อนหน้านี้ที่ไท่ซานหวังมา เหยียนหลัวหวังไม่ได้อยู่ข้างๆ มันยังสามารถเข้าไปได้เลย

แต่วันนี้กลับบอกว่าเปิดไม่ออก มันตั้งใจอย่างเห็นได้ชัดเลย

“ข้าว่าเจ้าจองหองเกินไปแล้ว” ฉินก่วงหวังเอ่ยอย่างโมโห “หากวันนี้เจ้าไม่ได้รับบทลงโทษ กฎระเบียบของตำหนักใต้พิภพก็วุ่นวายหมดน่ะสิ หากทุกคนจองหองเช่นเจ้ามันจะได้ที่ไหนกัน”

สายฟ้าสีดำราวกับมีดแหลมคม ทะลวงผ่านผนึก และกดทับไปบนตัวจี้ฉางอย่างแรง

แม้ว่าผนึกจะกีดกันไปส่วนหนึ่ง แต่ฉินก่วงหวังได้โจมตีอย่างสุดแรง ยังมีสายฟ้าที่สามลำที่หนาเท่าแขนเด็กผ่ามาบนหัวของจี้ฉาง

สีหน้าของจี้ฉางครึ้มลง กำลังจะถอยหลังอย่างรวดเร็ว

จู่ๆ ก็มีเสียงเยือกเย็นดังขึ้น “ฉินก่วงหวังช่างมีอำนาจเหลือเกิน”

เหยียนหลัวหวังเพียงแค่ยกมือ สายฟ้าสีดำก็หายไปโดยไร้ซึ่งวี่แวว

สีหน้าของฉินก่วงหวังมืดครึ้ม

“เหยียนหลัวหวัง เจ้าเข้าข้างลูกน้องเจ้าหรือ” เขาชี้ไปที่จี้ฉาง “เจ้ารู้ไหมว่าเขาทำเรื่องอะไรไป”

เหยียนหลัวหวังค่อยๆ เดินเข้ามา และหลุดหัวเราะ “หือ? ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยอะไรกันหรือ จึงต้องลำบากให้ฉินก่วงหวังเดินทางผ่านตั้งหลายตำหนักเพื่อมาเค้นโทษกับผู้พิพากษาของข้าน่ะ”

เธอยืนอยู่หน้าจี้ฉาง บดบังสายตาของฉินก่วงหวังเอาไว้

จี้ฉางมองแผ่นหลังเย็นชาตรงหน้า เขาก็กำมือแน่นอย่างอดไม่ได้

แต่ไม่ว่าจะกำมือแน่นอย่างไร ก็หักห้ามหัวใจที่เต้นอย่างถี่ระรัวไม่ได้ ซึ่งทำให้เขาหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

ฉินก่วงหวังเอ่ยเสียงดุ “เหยียนหลัวหวัง เจ้ารู้ไหมว่าลูกน้องของเจ้าขโมยไฟวิญญาณกลับมา และซ่อนไว้ในห้องของตนเองน่ะ”

“ข้าเพียงแค่ให้เปิดประตูเพื่อตรวจสอบ แต่ให้ตายมันก็ไม่ยอม”

เหยียนหลัวหวังหัวเราะทีหนึ่ง “ให้ตายก็ไม่ยอมต่างหากปกติ คนคนหนึ่งหากมีสิ่งของหน้าไม่อายถ่อมาถึงหน้าบ้านตนแล้ว แต่กลับก้มหัวยอมเพราะอีกฝ่ายตำแหน่งสูงกว่า เช่นนั้นเขาก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นพญายมของตำหนักที่ห้าแล้ว”

ฉินก่วงหวัง “เจ้า เหยียนหลัวหวังเจ้ากำลังปกป้องคนทำผิด”

“ดีเลย ที่แท้เจ้ารู้ทั้งรู้ว่าเขาขโมยไฟวิญญาณกลับมาแต่เจ้ากลับยังปกป้องเขาต่อ เหยียนหลัวหวัง จรรณยาบรรณของเจ้ามิคู่ควรกับตำแหน่ง”

นัยน์ตาของเหยียนหลัวหวังกระพริบแววเหน็บ เธอยกมือ สะบัดฝ่ามือใส่ฉินก่วงหวังจนเขาปลิว

เธอเอ่ยเสียงเย็น “ข้าคู่ควรกับตำแหน่งนี้ไหมต้องให้เจ้ามาเป็นคนตัดสินหรือไง”

“เมื่อกี้พูดเสียงดังฟังชัดว่าผู้พิพากษาจี้ไม่ให้เกียรติเบื้องบน แล้วทีเจ้าล่ะ เจ้าริอาจไม่เคารพข้าหรือ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน