ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 1794

สรุปบท ตอนที่ 1794 ดวงจันทร์ลับขอบฟ้าและฝุ่นดาว 28: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน

ตอนที่ 1794 ดวงจันทร์ลับขอบฟ้าและฝุ่นดาว 28 – ตอนที่ต้องอ่านของ ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน

ตอนนี้ของ ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน โดย ไอซ์ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายวัยรุ่นทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1794 ดวงจันทร์ลับขอบฟ้าและฝุ่นดาว 28 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ซูอีเฉินได้ค้นพบทิศทางในการฝึกบำเพ็ญของตนเอง เหยาหลิงเยว่ก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยความก้าวหน้าทุกวัน

ทุกวันเธอจะคอยตรวจดูว่าเขาพัฒนาไปถึงไหนแล้ว

ซูอีเฉินถึงกับพูดไม่ออก และด้วยเหตุนี้เขาจึงฝึกบำเพ็ญอย่างหนักมากยิ่งขึ้น

หัวของเหยียนปู๋อ้าวปลิวเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ความโกรธแค้นในใจของเหยียนปู๋อ้าวยิ่งสะสมมากขึ้น ทุกครั้งที่กินข้าวเขาจะตักอาหารมากินอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้ของกินจะไม่น่ากินเลยก็ตาม แต่เขาก็กินจนหมด

แม้ว่าจะออกล่าและถูกซ้อมทุกวัน แต่เหยียนปู๋อ้าวก็เริ่มรู้สึกว่าพลังของตนเพิ่มขึ้นช้าๆ

เขาแข็งแกร่งกว่าตอนที่เพิ่งมาถึงจิ่วโยวมากนัก!

ในที่สุดวันนี้เหยียนปู๋อ้าวก็ออกมาจากลานบ้านได้ แต่กลับพบว่าลานบ้านนั้นเงียบสงัด

ในที่ไกลๆ มีเสียงครึกครื้น ราวกับว่ากำลังมีพิธีอะไรบางอย่าง

“ใครเป็นเจ้าของบ้านนั้น?” เขามองไปที่ตัวเรือนหลักของลานบ้าน

เหยาจี๋เสียง ผู้ดูแลกระสอบทรายตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “นั่นเป็นบ้านของจอมขมังเวทของเรา”

เหยียนปู๋อ้าวแอบถามอย่างไม่ให้ผิดสังเกต “จอมขมังเวท?”

เหยาจี๋เสียงอธิบายให้ฟังว่า “พวกเราที่นี่เป็นเผ่าแม่มด โดยที่จอมขมังเวทก็คือผู้ที่มีพลังเวทนั่นเอง”

เหยียนปู๋อ้าวเข้าใจแล้ว!

เขาเคยได้ยินเรื่องชนเผ่าแม่มดมาก่อนว่ากันว่าพวกเขาได้สูญหายไปจากประวัติศาสตร์นานแล้ว

ที่แท้คนเหล่านี้ไม่ใช่ชาวพื้นเมืองแห่งจิ่วโยว แต่เป็นชนเผ่าแม่มดหรอกหรือ?

ตามตำนานกล่าวว่าจอมขมังเวทสามารถเรียกลมเรียกฝน ปัดเป่าภัยพิบัติและรักษาโรคให้กับชาวบ้านได้...

เหยียนปู๋อ้าวเข้าใจหน้าที่ของจอมขมังเวทแล้ว ดูท่าจะไม่ต่างจากพวกนักพรตที่ท่องคาถาเต้นรำตามพิธีกรรมทั่วไป

เขานึกอะไรขึ้นมาได้ทันที แล้วก็มีแผนการในใจ!

เขาคิดวิธีที่จะเข้าหามหาจอมขมังเวทออกแล้ว!

ฝ่ายตรงข้ามจะต้องยกย่องเขาเป็นแขกผู้ทรงเกียรติอย่างแน่นอน!

**

วันนี้เป็นวันที่ชนเผ่าแม่มดประกอบพิธีขอพร

คนทั้งเผ่ามารวมตัวกันที่กลางแท่นบูชา สวมใส่เสื้อผ้าที่ฉูดฉาด บนใบหน้าและลำคอประดับด้วยสีสันหลากหลาย

พวกเขาจะนำสิ่งที่ได้จากการล่ามาแสดง ไม่ว่าจะเป็นขนนกสีสวย เกราะสัตว์ เขี้ยวสัตว์นักล่า หรือหน้ากากกระดูกสีขาว...

เหยาหลิงเยว่สวมชุดสีดำสง่างาม เปี่ยมด้วยกลิ่นอายแห่งความลึกลับ

บนใบหน้าของเธอสวมหน้ากากสีเทาเงินของจอมขมังเวท ซึ่งส่องประกายระยิบระยับ

ซูอีเฉินเองก็อยู่ในชุดสีดำ ผมยาวของเขามัดสูงเพิ่มความดิบเถื่อนในตัวเขายิ่งขึ้น

ถูซานฉานยืนมองชนเผ่าแม่มดเต้นรำไปพลางกินเนื้อย่างไปพลาง แล้วสายตาก็เห็นเหยียนปู๋อ้าวเดินมากับเหยาจี๋เสียง

"โธ่ คนที่มาเกาะกินมาถึงแล้วสินะ!" ถูซานฉานหัวเราะเยาะ

เหยียนปู๋อ้าวหัวเราะเย็นชา “แล้วพวกเธอแตกต่างจากฉันตรงไหนกัน?”

ก็ล้วนแต่เป็นคนที่ชนเผ่าแม่มดช่วยเอาไว้เหมือนกัน แต่แค่โชคดีหน่อยที่ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ดีกับเผ่าแม่มดเท่านั้นเอง

ตลอดทางที่เดินมานี้เขาได้กระชับความสัมพันธ์กับเด็กหนุ่มในชนเผ่าถามอะไรเขาก็ตอบทุกอย่าง

เหยียนปู๋อ้าวไม่สนใจถูซานฉาน สายตาของเขาเหลือบไปเห็นจอมขมังเวทที่นั่งอยู่บนที่นั่งสูงสุด

เขาไม่รู้เลยว่าจอมขมังเวทผู้สวมหน้ากากนั้นคือเหยาหลิงเยว่

"ซูอีเฉินไปนั่งอยู่ตรงนั้นได้ยังไง?" เหยียนปู๋อ้าวขมวดคิ้ว เมื่อเห็นซูอีเฉินนั่งอยู่ข้างมหาจอมขมังเวท

ในตอนนั้นเอง เขาได้ยินเสียงผู้ชายหลายคนพูดคุยกันเบา ๆ ว่า

"เขามีอะไรดีนักหนา... อ่อนแอราวกับลูกเจี๊ยบ ความสามารถก็ไม่มี แต่กลับกล้ามานั่งข้างมหาจอมขมังเวท!"

"เขาน่ะ ใช้ก็แค่รูปลักษณ์หล่อ ๆ ของตัวเองเท่านั้นล่ะ! ก่อนหน้านี้จอมขมังเวทไม่เคยสนใจใครเลยแต่ทำไมกลับพาเขามาด้วยล่ะ?"

"จอมขมังเวทเลือกใครก็ได้ แต่ทำไมกลับเลือกเอาใจแค่เขาคนเดียว!"

เหยียนปู๋อ้าวถึงกับสะดุ้ง

เขาหัวเราะเย็นชา ซูอีเฉินที่เคยมีความสัมพันธ์อันดีกับภรรยาตัวเองในโลกหลังความตาย แต่พอมาอยู่ที่นี่เขากลับเอาตัวเข้าแลกเพื่อเข้าหามหาจอมขมังเวท

เหยียนปู๋อ้าวคิดถึงภรรยาของซูอีเฉินขึ้นมา เธอเคยเข้าประตูจิ่วโยวพร้อมกับซูอีเฉินและถูซานฉานแต่ตอนนี้กลับไม่เห็นเธออยู่ด้วย

ดูเหมือนว่าเธอจะถูกทอดทิ้งไปแล้ว

ถ้าต้องเลือกระหว่างภรรยาผู้ไร้ความสามารถกับจอมขมังเวท เขาก็คงเลือกมหาจอมขมังเวทเช่นกัน

"ไม่นึกเลยว่าจอมขมังเวทของพวกเธอจะเป็นผู้หญิง" เหยียนปู๋อ้าวพูดกับเหยาจี๋เสียง

เหยียนปู๋อ้าวไม่อาจสู้พวกเขาได้เลย เขาโดนทุบตีจนใบหน้าที่เคยเรียบเนียนบวมเป่ง

สุดท้าย เขาถูกมัดไว้กับเสาไม้ท่ามกลางเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ ชาวเผ่าแม่มดตะโกนซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่หยุดยั้งว่า

"เผาเขาให้ตายซะ! เผาเขาให้ตายซะ!"

"ใครกล้าลบหลู่จอมขมังเวทต้องเผาให้ตาย!"

คราวนี้เหยียนปู๋อ้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว

ทำไมเรื่องราวกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคิดเลย!

ถูซานฉานยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนอาศัยจังหวะนี้เย้ยหยันว่า “ช่างตลกจริง ๆ เห็นคนหลงตัวเองมามากแล้ว แต่ไม่เคยเจอใครหลงตัวเองขนาดนี้มาก่อน!”

“คนโง่มาก็เจอเยอะ แต่ไม่เคยเจอโง่ขนาดนี้มาก่อน!”

“นายชื่อเหยียนปู๋อ้าวหรือไง? น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นเหยียนไม่มีสมองมากกว่า!”

เหยียนปู๋อ้าวตื่นตกใจมองไปยังที่นั่งสูงสุด แล้วร้องตะโกนออกมาด้วยความเร่งรีบว่า "ท่านจอมขมังเวท ผมไม่มีเจตนาลบหลู่ท่านเลย ขอท่านเชื่อผมเถิด!"

“ถ้า...”

เหยียนปู๋อ้าวกัดฟันพูด "ถ้านี่คือธรรมเนียมของพวกท่าน ให้ผมคุกเข่าต่อคนต่ำช้านี่ก็ได้ผมยอม!"

“แต่ท่านต้องเข้าใจว่าผมไม่ได้คุกเข่าให้เขา แต่คุกเข่าต่อความเคารพที่ผมมีต่อท่าน!”

เหยียนปู๋อ้าวคิดว่าการที่เขาชูจอมขมังเวทให้สูงขนาดนี้จะทำให้ตัวเองรอดพ้นได้

เขามั่นใจว่าตราบที่จอมขมังเวทโบกมือทุกอย่างก็จะจบลงด้วยดี

และจอมขมังเวทก็โบกมือจริง ๆ

เหยียนปู๋อ้าวรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที

แต่กลับไม่ใช่การโบกมือให้ปล่อยเขาเป็นอิสระ แต่เป็นการโบกมือให้คนจุดไฟต่างหาก!

พรึ่บ!

เปลวไฟก็ลุกโชนทันทีและแตะตัวเหยียนปู๋อ้าว...

เหยียนปู๋อ้าวแทบกระอักเลือด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

เขาไม่ได้ลบหลู่จอมขมังเวท แถมยังพยายามเอาอกเอาใจ ยกย่องเธอ และยังช่วยชี้ตัวซูอีเฉินเป็นคนเลวทราม

แต่จอมขมังเวทไม่เพียงไม่ขอบคุณเขา แต่กลับสั่งให้เผาเขาอีก!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน