ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 28

เมื่อทุกคนตื่นขึ้นมาในตอนเช้า และเห็นสภาพของซู่เป่าติดอยู่ที่รั้วกั้น

สีหน้าของลุงแต่ละคนก็กลายเป็นแบบนี้(⊙ˍ⊙)

ซูจื่อซีหัวเราะแบบไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่นิด ทั้งหัวเราะไปด้วยและพูดไปด้วยว่า‘ซื่อบื้อชะมัด’ ทำให้ซู่เป่ารู้สึกอับอายจนวางหน้าไม่ถูก

“หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้!” เธอลุกลนจนเกิดบันดาลโทสะขึ้นมาและจ้องเขม็งไปที่ซูจื่อซี

ซูอี้เซินกำหมัดไว้ใต้ริมฝีปากพร้อมกับกระแอมไอเบาๆ

รอยยิ้มใต้ตาที่ซ่อนไว้แต่ก็ยังไม่แนบเนียนพอ

ถึงแม้ซู่เป่าจะโชคร้ายไปหน่อย แต่พวกเขาทุกคนก็เป็นห่วงเธออย่างมาก

แต่...

ใช่ว่าพวกเขาจะหัวเราะไม่ได้

เพียงแต่นายหญิงซูรู้สึกใจหายใจคว่ำจริงๆ จึงได้ตำหนิไปอย่างโมโหว่า

“มัวแต่หัวเราะเยาะอยู่นั่นแหละ รีบไปช่วยเอาตัวซู่เป่าออกมาเร็วๆสิ !”

ซูจื่นหลินจึงรีบพูดว่า “ผมจะโทรตาม 119 เดี๋ยวนี้เลยครับ”

ซู่เป่าอึ้งไปสักพักก่อนจะพูดตอบกลับมาว่า “ไม่เอา ลุงสองอย่าโทรนะ”

เธอรู้จัก 119 ดี เพราะเมื่อก่อนตอนอาศัยอยู่ที่หนานเฉิงมีบ้านหลังหนึ่งถูกไฟไหม้

แล้วเธอก็เห็นกับตาว่ามีลุงนักดับเพลิงคนหนึ่งวิ่งเข้ากองไฟอย่างกล้าหาญ

วินาทีนั้น ลุงนักดับเพลิงที่คอยช่วยเหลือผู้คนตกทุกข์ได้ยากก็ได้กลายเป็นฮีโร่ในใจของเธอ

และเป็นไอดอลของเธอไปแล้ว

จะให้ไอดอลที่เขาชื่นชอบมาเห็นสภาพที่ตลกซื่อบื้อแบบนี้ได้ยังไง?

นายหญิงซูไม่รู้ว่าซู่เป่ากำลังคิดอะไรอยู่ จึงรีบพูดไปว่า“ซู่เป่าอย่าดื้อนะ แบบนี้มันอันตรายมาก

ให้ลุงนักดับเพลิงมาช่วยหนูเถอะนะ?”

เธอไม่เข้าใจว่าศักดิ์ศรีของเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง มีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน

ซู่เป่าพูดอย่างดันทุรังว่า “คุณยายคะ หนู... หนูออกมาเองได้คะ รอแปบเดียวนะคะ... ”

เธอหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็ออกแรงสุดขีด

แล้วก็มีเสียงดังขึ้นมาจากหัวที่โดนชนจนเจ็บ

จี้ฉาง“……”

เขาใช้มือปิดหน้าไว้อย่างหวาดเสียว

“เฮ้ยๆๆ อย่าทำแบบนี้นะเพราะมันดูซื่อบื้อมาก” เขาจึงพูดต่อว่า“เจ้าลองหักท่อนเหล็กดูก่อนสิ”

ซู่เป่า “?”

เธอจะหักมันได้เหรอ?

จี้ฉางยืนพิงอยู่ที่ข้างรั้วกั้น และมองดูนักสู้ตัวจิ๋วที่ติดอยู่ในรั้วกั้นอย่างสบายใจ

“ถ้าไม่อย่างงั้นอาจารย์จะมอบด้ายแดงให้เจ้าเพื่ออะไรล่ะ?”

ซู่เป่ามองดูด้ายแดงที่พันไว้รอบข้อมือ

ทางด้านหลัง มีเหวยหว่านกำลังยืนมองด้วยสายตาที่เย็นเยือกอยู่หน้าประตู

แบบนี้ก็สามารถติดเข้าไปได้ เด็กคนนี้มันช่างซื่อบื้อจริงๆเลย

เมื่อเห็นการตอบสนองของคนตระกูลซู แต่ละคนแสดงสีหน้าท่าทางอย่างเป็นห่วงเป็นใย

บางคนก็ไปยกบันไดบางคนก็ไปเอาเบาะมารองไว้

ทำให้เหวยหว่านยิ่งไม่พอใจมากขึ้น

แค่ติดอยู่ชั้นสองของอาคาร?ถึงกับต้องตื่นตระหนกขนาดนี้เชียวเหรอ?

ด้านล่างของอาคารชั้นสองเป็นพื้นหญ้าหนาๆ ถึงจะไม่เอาอะไรรองไว้ แม้ตกลงไปก็ไม่ถึงกับตายได้หรอก

เพราะเป็นซู่เป่าเลยตื่นตระหนกกันมากอย่างนี้ ถ้าเป็นหานหานก็คงจะเฉื่อยชาไม่สนใจ

เมื่อก่อนทำไมเหวยหว่านถึงไม่รู้สึกว่าคนตระกูลซูมีสองมาตรฐานมาก่อน

ไม่รู้ว่าด้านล่างอาคารมีเบาะลมขนาดใหญ่วางไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ซูอีเฉินและซูเยว่เฟยกับคนอื่นๆต่างก็เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ด้านล่างอาคารด้วยสีหน้าที่กังวล

ซูเยว่เฟยเอ่ยปากพูดว่า“ศรีษะของเด็กจะใหญ่กว่าลำตัวอยู่แล้ว ถ้าศรีษะลอดผ่านเข้าไปได้

ลำตัวก็น่าจะลอดผ่านเข้าไปได้เหมือนกัน ”

ฉะนั้นขอแค่ซู่เป่าหมุนตัวขยับมาไปมาก็จะสามารถหลุดลอดผ่านออกมาจากรั้วกั้นได้แล้ว

สีหน้าที่จริงจังของซูอีเฉิน “ถ้าทำแบบนี้อาจเสี่ยงตกลงมาได้นะ”

ซูลั่วขยับขาแว่นสีทองพร้อมกับขมวดคิ้วและหัวเราะออกมา

“ด้านล่างมีเบาะลมที่หนาใหญ่รองไว้ ถึงจะตกลงมาจากชั้นสองก็ไม่ถึงกับตายได้หรอก”

พี่น้องคนอื่นๆต่างก็หันมาจ้องมองเขา

ซูลั่วยกไหล่พร้อมกับชูมือขึ้น ที่เขาพูดออกมาก็ไม่ผิดนี่!

ที่จริงพี่น้องคนอื่นๆก็อยากเสนอความคิดเห็นนี้กับนายหญิงซู แต่ก็เกรงว่าคนแก่อย่างท่านจะรับไม่ได้

นายหญิงซูเกิดความลังเลใจก่อนจะพูดว่า “ถ้าตกลงมาชนเข้ากับหัวพอดีจะทำยังไง?

แล้วถ้าหัวตกพื้นแล้วเกิดคอเคล็ดขึ้นมาล่ะ?หรือถ้านิ้วมือพลาดพลั้งแทงเข้าดวงตาจะทำยังไง?

ซูเยว่เฟยพูดปลอบใจอย่างสุดจะทนว่า “คุณแม่อย่ากังวลจนเกินไป เดี๋ยวให้เหล่าอู่เอาคีมตัดเหล็กมาก่อน รออีกสักครู่ก็ได้แล้วครับ”

ในช่วงที่ทุกคนกำลังเครียดอยู่นั้น ไม่มีใครเหลียวมองซู่เป่าที่กำลังยื่นมือเล็กๆทั้งสองข้างจับราวกั้นไว้ และใช้แรงเด็กกินนมอย่างสุดกำลังดึงออกมา!

ด้ายแดงในข้อมือได้เปล่งแสงน้อยๆออกมา จนทำให้ราวเหล็กถูกบิดจนงอโค้งด้วยมือของซู่เป่าเอง

ศรีษะของซู่เป่าก็ลอดผ่านออกมาได้อย่างง่ายดาย

เธอพูดด้วยความดีใจว่า “ฉันออกมาได้แล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน