ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 29

เหวยหว่านถือถ้วยบะหมี่น้ำไว้ในมือ หานหานมักจะนอนตื่นสายเป็นประจำ

แม้จะเป็นวันที่ต้องไปเรียนก็จะตื่นสิบโมงกว่าตลอด

ปกติเหวยหว่านจะยกอาหารเช้ามาให้เธอทานทุกๆวัน

เมื่อกินข้าวเสร็จก็จะต้องพูดจาปลอบอารมณ์เด็กงัวเงียหลังตื่น

จากนั้นถึงจะส่งเธอไปที่โรงเรียนอนุบาล

เมื่อเห็นซู่เป่าพูดทักทายมา เหวยหว่านก็ตอบรับคำทักทายกลับไปตามมารยาท

ทันใดนั้นเมื่อก้มมองถ้วยบะหมี่น้ำในมือที่ถือไว้

น้ำบะหมี่ที่กำลังร้อนๆอยู่ ถ้าได้สาดเข้าไปที่หน้าของซู่เป่าละก็...

เหวยหว่านถึงกับสะดุ้งในความคิดของตัวเอง และค่อยๆทำใจให้เย็นลง

จากนั้นก็เดินผ่านขึ้นไปอย่างหน้านิ่ง

ซู่เป่าเอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวว่า

“อาจารย์ ใบหน้าของป้าสะใภ้รองเป็นอะไรเหรอคะ!”

จี้ฉางลอยอยู่ข้างๆ พร้อมกับกอดมือไว้ในอกและพูดว่า “มันเป็นเงาความตาย”

ซู่เป่าจึงถามต่อไปว่า “เงาความตายคืออะไรเหรอคะ?”

จี้ฉางหรี่ตาลง“มันหมายความว่า หล่อนเคยฆ่าคนตายมาก่อน”

ถ้าใครเคยฆ่าคนตายหรือเป็นเหตุทำให้คนตาย เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับคนก่อนที่เขาจะตายจากไป

ก็จะมีเงาแบบนี้ติดตัวมาได้

ซู่เป่ากอดกระต่ายในมือไว้อย่างแน่นด้วยความตกใจ

จากนั้นก็วิ่งเข้าห้องนอนไปเอาเสี่ยวอู่ออกมาด้วย

จี้ฉางถามด้วยความแปลกใจว่า “เจ้าเอามันไปด้วยทำไม?”

นกตัวนี้ร้องเก่งมาก ถ้าเบื่อๆก็จะส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวพูดกับตัวเองขึ้นมา

และมักจะร้องเพลงที่คนฟังไม่รู้เรื่อง

อย่างเช่น หว่อเมินอี้ฉี่เสว่เมาเจี้ยว อี้ฉี่เมียวเมียวเมียวเมียว

คุณสามารถนึกภาพนกหัดร้องเพลงแมวร้องออกไหม?

ช่างเป็นเรื่องที่ตลกสิ้นดี!

ซู่เป่าพูดว่า“เสี่ยวอู่อยู่บ้านตัวลำพังหนูไม่ไว้ใจเลยคะ!”

ถ้าหากว่าถูกป้าสะใภ้รองเอาไปต้มซุปจะทำยังไง...

นกแก้วตัวนั้นจึงกางปีกสีเขียวของมันชูขึ้นมา พร้อมกับตะโกนพูดออกมาว่า

“มีสัตว์ร้าย อย่าไว้ใจ อย่าไว้ใจ!”

ซู่เป่าลูบปีกของมันลงมา “ไปๆๆ พวกเรารีบไปกันแถอะ!”

สวมชุดกระโปรงเอี๊ยมและสะพายกระเป๋าลายแมวเหมียว พร้อมกับถักเปียผมสองข้างตามแบบสไตล์เจ้าแก้มก้อน มือข้างหนึ่งอุ้มกระต่ายหนึ่งตัวส่วนอีกข้างอุ้มนกแก้วหนึ่งตัว

ทำไมถึงน่ารักบ๊องแบ๊วอย่างนี้!

นายหญิงซูพูดกำชับขึ้นมาอีกด้วยความเป็นห่วงว่า “พวกแกต้องดูแลซู่เป่าให้ดีๆล่ะ!

โดยเฉาะแก จื่อหลิน อย่าให้ซู่เป่าห่างหายไปจากสายตาของแกเป็นอันขาด”

ซูจื่อหลินตอบด้วยน้ำเสียงกดดันว่า“ทราบแล้วครับแม่”

ซูอิ๋งเอ่อร์เดินไปอย่างลุกลี้ลุกลน“ไปขึ้นรถกันเถอะ!”

เขามองดูเด็กน่ารักไร้เดียงสาอย่างซู่เป่า จนหัวใจแทบจะละลายไป!

มีหลานสาวที่น่ารักแบบนี้ ก็ต้องเอาออกไปอวดหน่อยสิ!

เหวยหว่านกำลังพูดปลอบให้หานหานตื่นนอน

หานหานไม่อยากตื่นแต่ก็ต้องฝืนตื่นขึ้นมาอย่างขี้เกียจ แล้วยืนอยู่ที่ระเบียงมองลงไปข้างล่าง

เมื่อเห็นซูจื่นหลินอุ้มซู่เป่าขึ้นรถ เธอจึงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

ไม่อุ้มลูกสาวตัวเอง ไปอุ้มแต่หลานสาวอย่างเดียว!

เมื่อซู่เป่าเงยหน้าขึ้นก็เจอเข้ากับแววตาที่มืดมัวของเหวยหว่าน

จนถึงกับต้องตกใจและกอดคอซูจื่อหลินไว้อย่างรวดเร็ว

ซูจื่อหลินเงยหน้ามองตามซู่เป่า และเหลียวมองเหวยหว่านด้วยสายตาที่เยือกเย็น

จากนั้นก็พาซู่เป่าขึ้นรถไป

เมื่อเห็นรถขับออกไปจากคฤหาสน์ยิ่งอยู่ยิ่งไกลมากขึ้น

เหวยหว่านรู้สึกหัวใจเต้นแรงและเกิดความหงุดหงิดขึ้นมา

ซูจื่อหลินทำงานที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างระดับประเทศ เขาเป็นสถาปนิกที่มีฝีมือระดับสูง

ซูอิ๋งเอ่อร์เป็นประธานผู้รับผิดชอบ คนหนึ่งจัดการภายในอีกคนหนึ่งจัดการภายนอก

และทั้งสองก็ถือว่าเป็นเสาหลักสำคัญของบริษัทที่ขาดไม่ได้เลย

และตอนนี้เขาทั้งสองรับผิดชอบโครงการก่อสร้างที่เขตพัฒนาซีเฉิงอยู่

โครงการนี้ได้ดำเนินการมาแล้วหกปี

เหวยหว่านไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหัวใจของตัวเองถึงต้องเต้นแรงด้วย ไซต์งานก่อสร้างที่เคยเกิดเรื่องแห่งนั้นก็ได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว ไม่เหลือร่องรอยอะไรให้สามารถสืบหาหลักฐานได้อีก

เว้นแต่ว่าศพคนตายสามารถฟื้นคืนชีพได้...แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!

เหวยหว่านพยายามตั้งสติอารมณ์ให้นิ่ง แล้วก็พูดจาอย่างอ่อนโยนว่า

“เจ้าหญิงน้อยหานหาน ตื่นได้แล้วจ้า... ”

อุตส่าห์พูดเอาใจให้หานหานไปโรงเรียนอนุบาลจนได้

เหวยหว่านเดินกลับเข้ามาก็เห็นนายหญิงซูรอเธออยู่ที่ห้องรับแขกชั้นล่าง

“คุณแม่...”

นายหญิงซูชี้ไปที่โซฟาเพื่อบ่งบอกว่าให้เธอนั่งลงก่อน แล้วเอ่ยปากพูดจาด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า

“หานหานไปโรงเรียนอนุบาลในเวลานี้เกือบทุกวันเลย เธอเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าหล่อนอาจจะไปรบกวนเด็กคนอื่นๆ ในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังนอนหลับพักเที่ยง?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน