ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 312

ซู่เป่ายังไม่รู้ว่าการขโมยดวงเมืองคืออะไร ซูเหอเวิ่นเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกว่าดวงเมืองก็สามารถขโมยได้ด้วย เขาประหลาดใจมากทีเดียว

“พวกเขาเป็นใคร?” ซูเหอเวิ่นถาม

จี้ฉางเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “พวกเจ้ายังเด็ก บางสิ่งบางอย่างพวกเจ้ายังไม่จำเป็นต้องรู้ มันไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเจ้า”

ซู่เป่าแบะปาก “เอาอีกแล้ว ๆ อะไร ๆ ก็เด็กยังรู้ไม่ได้ แต่ผู้ใหญ่ไม่บอก แล้วเด็กจะรู้ได้ไง?”

ระหว่างที่พูดเธอจิบน้ำไปอึกหนึ่ง งอนตุ๊บป่อง

จี้ฉางอดขำไม่ได้ เขาเอื้อมมือไปจิ้มแก้มของเธอ ปรากฎว่าน้ำในปากของซู่เป่าพ่นพรวดออกมา

เธอรีบเอามือปิดปากและจ้องไปที่จี้ฉาง

ท่านอาจารย์นิสัยไม่ดีเลย!

จี้ฉางหัวเราะ “ท่านอาจารย์ทำไปเพื่อพวกเจ้านั่นแหละ”

คนบางคนทั้งชั่วร้ายทั้งใจแคบ อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนจากปรโลก บางครั้งเขาก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้

จี้ฉางกลัวว่าถ้าพูดมากไปเดี๋ยวซู่เป่าจะจำฝังใจแล้วบังเอิญไปพบกันกับพวกนั้นได้

ซูเหอเวิ่นเปลี่ยนวิธีพูด “แล้วพวกเขาเก่งกาจมากไหมครับ?”

จี้ฉางขำพรืด “มองจากบางมุมพวกมันก็นับว่าเก่งกาจมากเลยล่ะ แม้แต่พวกมันกันเอง หรือในกลุ่มชั่วร้ายกันเองก็ยังต้องคอยกันพวกมันเลย”

“แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องบรรพบุรุษ เราถือว่าเป็นบรรพบุรุษของพวกเขา”

“เวทมนตร์ของคนพวกนั้นมีต้นกำเนิดมาจากศาสตร์หยินหยางของประเทศหลง ในสมัยชุนชิวศาสตร์หยินหยางกับศาสตร์พยากรณ์แบโบราณเดิมเป็นศาสตร์ที่สงวนไว้สำหรับผู้ปกครองบ้านเมืองโดยเฉพาะ แล้วสุดท้ายก็ได้กลายมาเป็นศาสตร์ที่โบราณเรียกว่าศาสตร์หยินหยาง”

ซูเหอเวิ่นประหลาดใจ “ศาสตร์หยินหยาง องเมียวจิเหรอ? นั่นมันเป็นของประเทศเพื่อนบ้านไม่ใช่เหรอ?”

จี้ฉางพูดเรียบ ๆ “สมัยนี้เมื่อพูดถึงองเมียวจิวัยรุ่นโดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่มักจะคิดว่าคำนี้มาจากประเทศหยิง แต่ที่จริงบรรพบุรุษที่แท้จริงมาจากประเทศหลงของเรา”

ในสมัยชุนชิววิชาการปกครอง ศาสตร์หยินหยางเผยแพร่ไปยังประเทศหยิงและได้หลวมรวมกับกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของเขารวมทั้งศาสตร์การพยากรณ์และหยินหยางธาตุทั้งห้า ค่อย ๆ ก่อร่างเป็นศาสตร์ฮวงจุ้ยสองนิกาย ธรรมและอธรรม

“บรรพบุรุษของเราบอกว่าหยินและหยางแน่นย้ำเรื่องความผิดชอบ แยกแยะขาวดำ ใช้วิธีการทางโหราศาสตร์ที่ถูกต้องเป็นเครื่องมือสร้างความมงคลและขจัดสิ่งชั่วร้าย ใช้ความสามารถเหล่านี้เพื่อช่วยเหลือมนุษย์โลก แต่พวกนิกายฝ่ายอธรรมเชื่อว่าหากเจ้าต้องการฝึกฝนให้ถึงระดับสูงสุด เจ้าต้องทำทุกวิถีทาง อะไรใช้ได้ก็ใช้ให้หมด ไม่มีการแบ่งแยกชั่วดี”

คนที่ไม่มีแยกชั่วดีขาวดำ และใช้ทุกอย่างเพื่อประโยชน์ตัวเองนั้นน่ากลัวมาก

ดังนั้นพวกเขาจึงบอกว่าพวกเขาแค่อาศัยดวงเมือง แต่ไม่บอกว่าโขมยดวงเมือง

เมื่อเห็นซูเหอเวิ่นกับซูเป่าที่เบิกตากว้างด้วยความไร้เดียงสาแล้ว

จี้ฉางก็หยุดหัวข้อสนทนาไว้เพียงเท่านี้ แล้วพูดว่า “สรุปคือถ้าพวกเจ้าเจอคนพวกนั้น พวกเจ้าต้องระวังตัวให้มากเข้าใจไหม?”

ซู่เป่าพยักหน้ารับพลางทำแก้มป่อง

แต่ซูเหอเวิ่นกลับดึงดันจะถามให้หมดเปลือก “แล้วเราจะได้เจอพวกเขาอีกไหมครับ? ถ้าพวกเขาร้ายกาจและน่ากลัวขนาดนั้น เราควรตามสืบเรื่องตุ๊กตาต่อไปไหม? ถ้าเราไม่ตามสืบต่อ แล้วพวกเขาจะทำมันต่อไปไหม? จะทำร้ายใครไหม? จะมีใครตายไหม? จะ...”

จี้ฉางปากกระตุก ลากมือทั้งสองลงมาตรง ๆ แล้วคีบเอายันต์สีเหลืองมาจากอากาศ แล้วก็โยนออกไปปิดผนึกปากซูเหอเวิ่นไว้

ซูเหอเวิ่น “?”

ทั้งที่อยากพูดแต่ทำไมพูดไม่ได้นะ?

ซูเหอเหวินเม้มปาก “กินข้าวกันก่อนดีกว่า”

เขาหยิบเมนูมาแล้วถามว่า “อยากกินอะไรกัน?”

ซู่เป่ารีบยกมือขึ้นทันที “พี่ใหญ่ หนูอยากกินไอศครีม เค้ก ขนมงา เค้กฟักทอง...”

ซู · ผู้ปกครอง · เหอเหวินปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดว่า “ไม่ได้”

ซูเหอเวิ่นดูเมนู “มีแต่ของเผ็ดทั้งนั้นเลย”

ซู่เป่าชะโงกหัวเล็ก ๆ ของเธอมาดู เผ็ด ๆ ทั้งนั้นเลยเหรอ?

แม่ของเธอชอบกินเผ็ดที่สุดเลย

เธอยื่นมือเล็ก ๆ ออกมา ดูรูปสูตรอาหารแล้วก็ชี้ไปมั่ว ๆ “เอานี่...นี่แล้วก็นี่...”

ซูเหอเหวิน “...”

ซูเหอเวิ่นถามว่า “น้องแน่ใจนะ? อาหารพวกนี้เผ็ดมากเลยนะ”

ซู่เป่านึกถึงที่กินเผ็ดไปคราวก่อนแล้วก็เอามือจับก้นโดยไม่รู้ตัว

“งั้น...งั้นก็ใส่พริกเม็ดเดียวได้ไหม...?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน