มู่กุยฝานกับซูเยว่เฟยเห็นซู่เป่าไม่สบอารมณ์ กำลังคิดจะปลอบเธอ
ทันใดนั้นก็เห็นเจ้าเด็กน้อยตำหนิตัวเองไปพลางลวดมือหยิบแก้วที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาเคาะบนผนัง แล้วเก็บ “หนัง” ชิ้นนั้นเข้าไปแล้ว
นักพรตมู่ในวินาทีที่แล้ว จากประสบการณ์ของฉัน หุ่นกระดาษหนังมนุษย์นี่ต้องใช้อาวุธวิเศษชั้นยอด...
วินาทีต่อมา “...”
แบบนี้ก็ได้เหรอ
แน่ใจเหรอว่านี่ไม่ได้กำลังเล่นหนังไซไฟอยู่
ลูกสุดที่รัก ตอนหนูจับผีไม่ต้องสบายๆ ขนาดนี้ก็ได้ ไม่อย่างนั้นพ่อจะคิดว่าพ่อก็ทำได้เหมือนกัน...
ซู่เป่าผนึกปากแก้วเอาไว้ “หนัง” ชิ้นนั้นดิ้นอย่างแรงอยู่ในแก้ว แต่ไม่ว่ายังไงก็หนีออกจากแก้วไม่ได้
เธอไม่ไว้ใจจึงผนึกยันต์เอาไว้อีกชั้น เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมากลับเห็นพ่อกับลุงสามทำหน้าอึ้งงัน
เสี่ยวซู่เป่าถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “พ่อคะ เมื่อกี้พ่อว่าอะไรนะคะ”
ริมฝีปากของมู่กุยฝานยกยิ้ม “ไม่มีอะไร พ่อก็แค่ถาม...ว่าจะให้พ่อช่วยไปหยิบของกินอะไรให้หนูไหม”
ซู่เป่าเอาแก้วกลับไปวางบนโต๊ะ แล้วลูบท้องน้อยๆ ส่ายหน้าและพูดขึ้นว่า “ไม่เอาแล้วค่ะ...”
เธออ่อนขนาดนี้ จะมากินอะไรกัน
ลงโทษตัวเองด้วยการห้ามกิน
มู่กุยฝานลูบศีรษะของซู่เป่า อายุยังน้อยแต่ก็ยังรู้จักโทษตัวเอง ช่างน่าขันจริงๆ
“หนูเก่งมากแล้ว” มู่กุยฝานอุ้มเธอขึ้นมา เกาคางของเธอราวกับเกาคางของแมว
ซู่เป่าอดไม่ได้ที่จะจั๊กจี๋ จึงหัวเราะฮ่าๆ ออกมา
“พ่อคะ พ่อหาคนเลวนั่นเจอหรือไหมคะ” ซู่เป่าถาม “คนคนนั้นเก่งกาจมากๆ แล้วก็ยังคิดทำร้ายคน ต้องจับเขาให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยรออาจารย์กลับมา”
นัยน์ตาของมู่กุยฝานเผยให้เห็นความชื่นชมเล็กน้อย สู้ไม่ได้ก็รู้จักรอให้อาจารย์กลับมาก่อนด้วย ช่างเป็นเด็กฉลาดจริงๆ
“หาเจอแล้ว คืนนี้พ่อจะช่วยลูกจับเขาให้ได้”
ซู่เยว่เฟยฟังแล้วพูดขึ้นอย่างครุ่นคิด “จะจับเขาต้องขังเอาไว้กี่วัน ต้องคิดหาเหตุผลอะไรเอาไว้ให้เรียบร้อย”
มู่กุยฝานยักคิ้ว หยิ่งยโสและใช้อำนาจ “ผมจะจับคน ทำไมต้องมีเหตุผลด้วย”
ซูเยว่เฟย “...นายไม่กลัวผลกระทบที่ไม่ดีเหรอ”
หน้าของมู่กุยดูไม่แยแส เขาพูดขึ้นอย่างไม่สนใจว่า “คนที่จับเขาคือนายท่านมู่ จะต้องสนใจเรื่องผลกระทบอะไรอีก”
ซูเยว่เฟย “...”
นับว่าได้เห็นความหยิ่งยโสของน้องเขยคนนี้แล้ว ปกติเห็นแต่ผู้ชายที่ชอบทำท่าทีจริงจัง...
เห็นใบหน้าของซู่เป่าเต็มไปด้วยความสงสัย กำลังเงี่ยหูตั้งใจฟัง สุดท้ายมู่กุยฝานก็อธิบายขึ้นมาประโยคหนึ่ง “วางใจนะ พ่อไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมาย จับคนมักต้องมีเหตุผลเสมอ”
ซู่เป่าพยักหน้าราวกับโขลกกระเทียม ถึงยังไงก็เชื่อในตัวพ่ออย่างไม่มีเงื่อนไขอยู่แล้ว
มู่กุยฝานถามขึ้นว่า “จริงสิ อาจารย์ของหนูไปไหนล่ะ”
ซู่เป่าเอ่ย “ครั้งก่อนพี่จื่อซีไปตำหนักพญายมมา ถูกคนขวางไม่ให้ลงชื่อ และคิดจะทำร้ายเขา ท่านอาจารย์จึงไปสืบเรื่องของคนนั้น”
มู่กุยฝานอ๋อขึ้นมาเสียงหนึ่ง ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
เขามองเวลา แล้ววางซู่เป่าไว้บนโซฟา จากนั้นพูดขึ้นว่า “พ่อต้องออกไปข้างนอกหน่อย ไปไม่นานก็กลับมาแล้ว”
ซู่เป่าพยักหน้า “อืมๆ พ่อระวังตัวด้วยนะคะ”
นัยน์ตาของมู่กุยฝานเปล่งประกาย มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย “ลูกรัก ให้ยันต์พ่ออีกสักสองสามแผ่นสิ”
ซู่เป่าไม่มีความอ้อยอิ่งเลยสักนิด เธอกระโดดลงจากโซฟาแล้วไปหยิบกระเป๋าสะพายใบน้อยของตัวเองมา จากนั้นล้วงยันต์ออกมาปึกหนึ่ง
“พ่อคะ พอไหมคะ” เจ้าเด็กน้อยทำทีท่าอย่างเป็นฮีโร่สุดๆ “ถ้าไม่พอหนูจะวาดให้พ่ออีก!”
มู่กุยฝานอดไม่ได้ที่จะขำ จากนั้นก็หยิกใบหน้าน้อยๆ แสนเจ้าเนื้อของเธอ “พอแล้ว”
เขายกเท้าก้าวออกไปข้างนอก จากนั้นก็ได้ยินซูเยว่เฟยถามขึ้นอย่างสงสัยเล็กน้อย “ซู่เป่า กลางคืนเธอนอนคนเดียวเหรอ ให้ลุงสามเล่านิทานให้เธอฟังไหม”
น้ำเสียงของเขาฟังดูอบอุ่น ราวกับเป็นห่วงซู่เป่าจริงๆ
มู่กุยฝานหัวเราะเยาะทีหนึ่ง “พี่สาม พี่กลัวใช่ไหม”
ซูเยว่เฟยที่ถูกถามคำถามนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า “...”
ซู่เป่ากระพริบตา ท่ามกลางความไม่รู้ตัวสติถูกฟันไปอีกที “ลุงสามคะ หนูเข้านอนเองได้ตั้งนานแล้ว! ไม่ต้องเล่านิทานให้ฟังหรอกค่ะ!”
“แต่ถ้าลุงสามกลัว ซู่เป่าเล่านิทานให้ลุงสามฟังได้นะคะ!”
ซูเยว่เฟยสำลัก จากนั้นพูดอย่างกระซิบขึ้นว่า “ไม่ต้อง...”
ความเร่งรีบและวุ่นวายของเมือง โคมไฟแดงสุราเขียว ในตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ตลอดทั้งทางมีป้ายไฟหลากสี มีหญิงสาววัยกลางคนทรงเสน่ห์ยืนโบกไม้โบกมืออยู่หน้าร้าน
เห็นชายหนุ่มร่างผอมเพรียว หน้าตาหล่อเหลา สง่างามเป็นพิเศษเดินมาอยู่ไกลๆ นัยน์ตาของเหล่าผู้หญิงที่เดิมหมดอาลัยตายอยากเปล่งประกายขึ้นมาในทันใด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...
บทที่ 1268 แล้วกระโดดไป 1278 เลย บทที่ 1269 1270 1271 1272 ข้ามไปทั้งหมด 4 ตอนนะคะ...