ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 409

ซูเป่ายกมือขึ้นแล้วโยนก้อนหินในมือออกไปพร้อมร้องฮ่า!

เฉินชางอวี๋หัวเราะเยาะ คอยดูเถอะ เขาว่าเธอก็แค่ดวงดี

ดูจากทิศทางที่เธอโยนไป เห็นชัดเลยว่าเอียง!

เขายืนอยู่กับที่ไม่ขยับ เอ๊ะ อะไรกัน?

วินาทีต่อมา…

ก้อนหินโยนไปโดนต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังเขาแล้วเด้งกลับมาโขกท้ายทอยเขาเขาดังก๊อก!

เฉินชางอวี๋: “?!”

แบบนี้ก็ได้เหรอ?

เฉินชางอวี๋ลมลงบนพื้นเสียงดัง คราวนี้ไม่ต้องรอให้เขาลุกขึ้นหนีก็มีเท้าข้างหนึ่งที่สวมรองเท้าบูทหนังเหยียบลงบนพื้น

มู่กุยฝานหัวเราะเสียงดัง สายตาเย็นชา “หนีสิ ไปต่อสิ”

เฉินชางอวี๋ไม่ยอมอยู่แล้ว เขาเอายันต์ที่เพิ่งเขียนขึ้นมาด้วยความรีบร้อนเมื่อกี้แปะบนตัวมู่กุยฝาน คิดไม่ถึงว่าจะมีแสงสีสองสว่างขึ้นมาจากตัวมู่กุยฝานเผายันต์ของเขาในพริบตา

ยันต์คุ้มภัย!

มีอาวุธแบบนี้อยู่ที่เท้าด้วยเหรอ แม่แต่นิ้วเท้าก็มียันต์คุ้มภัยด้วยเหรอ!

เฉินชางอวี้กัดกรามด้วยความเครียดแค้น — ใครกันที่อยู่เบื้องหลังคนพวกนี้?!

ใช้ยันต์อย่างกับใช้กระดาษชำระ มันสมเหตุผลไหมเนี่ย?!

เฉินชางอวี๋จ้องมู่กุยฝานแล้วพูดขึ้นมาด้วยเสียงดุร้าย “โลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ค่อยดูก็แล้วกัน!”

มู่กุยฝานพูดว่า “นายคิดว่านายเข้าไปแล้วจะได้ออกมาอีกหรือไง? จำคุกตลอดชีวิตรู้จักไหม”

เฉินชางอวี๋ไม่พูดอะไรเพียงแต่ถอนหายใจ

จะออกได้หรือไม่ได้มันขึ้นอยู่กับความสามารถของเขา ตัวคนออกมาไม่ได้ แต่วิญญาณล่ะ?

เขารู้อยู่แล้วว่าสักวันต้องมีคนจ้องจัดการเขา เขาจึงเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ก่อนแล้ว

เฉินชางอวี๋ยิ้มเยาะมุมปาก หลับตาลงแล้วไม่พูดอะไร

ตอนนี้เองก็มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นมากระทันหัน “คุณลุง หนูนับนิ้วทำนายให้แล้วนะ ชาตินี้คุณลุงจะมีกินมีใช้ มีชุดเหลืองใส่ แล้วก็กำไลแวววับกับสร้อยข้อเท้าด้วยนะ! ไม่ต้องลำบากเที่ยววิ่งไปวิ่งมาอีกแล้ว”

มู่กุยฝานเลิกคิ้วเล็กน้อย ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเฉินชางอวี๋ต้องถูกส่งไปที่เรือนจำxx ที่นั้นมีเสื้อกั๊กสีเหลืองพอดี

มีชุดเหลืองให้ใส่จริงด้วย

เฉินชางอวี๋ไม่สนใจ เขาหลับตาทำหน้าเย่อหยิ่งไม่ยอมคน

จี้ฉางกอดอกหน้าตาไม่เรียบเฉย “กล้าขโมยวิญญาณต่อหน้าต่อหน้าท่านยมบาล บังอาจนักนะ”

“เป๋าน้อย จัดการเขาสิ อย่าให้เขามีทางรอดได้! ก่อนหน้านี้เจ้าใช้ตาข่ายดักวิญญาณมาตลอด คราวนี้อาจารย์จะสอนวิชาใหม่ให้เจ้า — คำสอนของพ่อ”

ซู่เป่าชะงัก อะ…อะไรนะ?

คำสอนของพ่อเหรอ?

เธอหันไปมองพ่อด้วยความสงสัย พ่อกำลังเรียกอาอีว่านปาเตากับอาปาสือเข้าไปมัดคนนั้นไว้

ซู่เป่ามองไปที่จี้ฉางอีกหน

จี้ฉางพูดว่า “คาถานี้สามารถผนึกวิชาของอีกฝ่ายได้ ทำให้วิญญาณเขาออกจากร่างไม่ได้”

อยากสลับวิญญาณนักใช่ไหม?

เขาจะจัดการผนึกเขาเสียเลย ต่อไปอย่าว่าแต่วิชามนต์ดำเลยแม้แต่พรสวรรค์ที่หาได้ยากก็จะโดนผนึกไปด้วย ต่อไปอย่าได้คิดจะทำเลวอีกเลย

นี่ก็เท่ากับเป็นการดับอนาคตเขาในวงการนี้เลย ดังนั้นคาถานี้จึงชื่อว่าดับอนาคต

เพียงแต่ว่าจี้ฉางคิดว่าชื่อนี้มันปกติธรรมดาเกินไป เด็ก ๆ ต้องจำไม่ได้แน่

สู้ชื่อที่เขาตั้งเองไม่ได้เข้าใจง่ายจำง่ายด้วย

จี้ฉางพูดว่า “คาถานี้มีหลักการเหมือนกับตาข่ายดักวิญญาณ ต่างกันที่ตาข่ายดักวิญญาณใช่ควบคุมวิญญานผี แต่คำสอนของพ่อนี้ใช้ควบคุมวิญญาณคนเป็น ท่องตามอาจารย์นะ…”

เขาทำหน้าจริงจังแล้วยกมือขึ้นมาข้างหนึ่ง

ซู่เป่ารีบยืนตัวตรง ยกมือขึ้นมาข้างหนึ่งตามแบบอาจารย์

จี้ฉางสูดหายใจเข้าลึก ๆ สายตาเฉียบคมแล้วตบลงไปที่ตัวเฉินชางอวี๋อย่างรวดเร็วพลางตะโกนว่า “เรียกพ่อสิ!”

ซู่เป่าทำตาม เธอรวบรวมสมาธิแล้วตบลงไปบ้าง ปากก็ตะโกนว่า “เรียกพ่อสิ!”

เฉินชางอวี๋ “…”

มู่กุยฝาน “?”

นี่เขามีหลานเพิ่มมาอีกคนเหรอ?

มู่กุยฝานอมยิ้ม น้ำเสียงมีความเกียจคร้าน “เรียกปู่สิ”

เฉินชางอวี๋ “…”

เป็นบ้าหรือไง จะจับเขาก็จับสิ ทำไมต้องเหยียดหยามกันด้วย?

ว่านเทากับว่านปาสือต่างก็กระตุกมุมปาก นายท่านตามใจคุณหนูใหญ่จริง ๆ… ขนาดอะไรแบบนี้ก็ยังเล่นด้วย

เฉินชางอวี๋ถูกพาตัวออกไปทั้งไม่เต็มใจ เขาไม่รู้เลยว่าที่ซู่เป่าตบเขาเมื่อกี้คือการปิดทางออกออกเขาทุกทางแล้ว

สมองของเขาทำงานอย่างรวดเร็ว เขายังคิดอยู่เลยว่าพอเข้าเรือนจำแล้วจะเขียนยันต์ยังไง จะทำพิธีให้ครบยังไง จากนั้นก็เปลี่ยนร่าง… โดยไม่มีใครล่วงรู้

ไม่รู้เหมือนกันว่าพอเขารู้ว่าตัวเองจะต้องถูกขังตลอดชีวิตออกมาไม่ได้อีก แถมไม่มีวิธีอะไรให้ใช้อีกแล้วด้วย… เขาจะรู้สึกผิดไหม?

โดยเฉพาะตอนนี้เขามีเงินเก็บหลายสิบล้าน ไหนจะคฤหาสน์หลายแห่งทั่วประเทศอีก

เข้าเรือนจำไปแบบนี้ทุกอย่างที่ทำมาก็ไร้ประโยชน์

เรื่องที่น่าเศร้าที่สุดในชีวิตมนุษย์มีอยู่สองเรื่องก็คือ : ตอนชีวิตอยู่ ไม่มีเงิน… พอตายไปแล้ว เงินกลับยังอยู่…

มองดูเฉินชางอวี๋ที่ถูกคุมตัวไป ซู่เป่ารู้สึกว่าตัวเองได้ทำเรื่องยิ่งใหญ่สำเร็จไปอีกเรื่อง!

เริ่มตั้งแต่ที่ลุงสามเจอผีเจ้าสาว จนกระทั่งลุงสามโดนแปะหนังวิญญาณ

แล้วมาถึงตอนนี้เธอจับคนร้ายได้แล้ว!

ไม่สิ พ่อจับคนร้ายได้แล้วต่างหาก!

ซู่เป่ากอดขามู่กุยฝานแล้วประจบว่า “พ่อเก่งมากเลย พ่อเก่งที่สุดในโลกเลย!”

มู่กุยฝานเหลือบมองเธอ อดขำไม่ได้ “ว่ามาเถอะ จะกินไอติมรสอะไร?”

ก็แค่อยากให้เขาพาไปกินไอติมไม่ใช่เหรอ?

ไม่ต้องชมก็ได้ แค่บอกว่า ‘พ่อหนูอยากกินไอติม’ ต่อให้ต้องฝ่าดงปืนดงกระสุนเขาก็จะเอาไอติมมาเสิร์ฟให้ถึงปากอยู่ดี

ซู่เป่าชูมือขึ้นด้วยความดีใจ “หนูอยากกินรสสตอว์เบอร์รีค่ะ!”

สองพ่อลูกเดินจูงมือกันออกไปจากป่า

ซู่เป่าแกว่งมือใหญ่ ๆ ของมู่กุยฝานไปมาพลางพูดอย่างมีความสุขว่า “พ่อค่ะ เมื่อกี้ท่านอาจารย์สอนวิชาใหม่ให้หนูด้วย! มันสุดยอดมากเลยนะคะ!”

มู่กุยฝานชะงักไปชั่วขณะ แล้วก็ได้ยินซู่เป่าพูดต่อว่า “วิชานี้มีชื่อว่าคำสอนของพ่อ! ตบลงไปบนตัวคนร้ายหนึ่งทีก็จะสามารถผนึกวิญญาณไว้ในตัวเขาได้ แล้วเขาก็จะไปทำชั่วไม่ได้อีก มันสุดยอดมากเลยใช่ไหมคะ?”

มองดูเจ้าตัวเล็กที่มีความสุขจนหน้าแดง

มู่กุยฝานกระตุกมุมปาก ที่แท้อาจารย์ของซู่เป่าก็ไม่ปกติหรอกเหรอ?…

จี้ฉางบ่นอยู่ข้าง ๆ “ก็แค่ไอติมเอง ไอติมอร่อยตรงไหน…”

ในขฯะนี้ก็มีลูกน้องคนหนึ่งวิ่งเข้ามาพูดเสียงเบาว่า “นายท่าน ชายหัวล้านคนนั้นจู่ ๆ ก็ตาเหลือก…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน