ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 419

โรงพยาบาลสัตว์

ที่นี่เป็นโรงพยาบาลสัตว์ที่ดีที่สุดในบริเวณใกล้เคียง มู่กุยฝานค้นหาที่ใกล้ ๆ แล้วก็มาเลย ไม่คิดว่าจะมีคนเยอะขนาดนี้

มีสัตว์เลี้ยงมงคลต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นแมวและสุนัข แล้วก็มีหนูแฮมสเตอร์ นกแก้ว มีแม้แต่กระต่าย หมู…

หัวของเสี่ยวอู่เอนพิงแคปซูลอวกาศในกระเป๋า รู้สึกเหมือนได้เห็นโลกกว้าง มันร้องว้าว เลียนแบเสียงเด็กแบบในแอปคลิปวีดิโอสั้นที่กำลังดัง “อะไรกัน? นี่มันอะไรกันนะ?"

มันจ้องมองหมูตัวเล็ก ๆ ที่เจ้าของกอดไว้ในอ้อมแขน

ซู่เป่าตอบทั้งที่ยุ่งอยู่ว่า "นั่นคือหมู"

เสี่ยวอู่จ้องมองนกแก้วที่ถูกขังอยู่ในกรงตลอดเวลา สีเขียวสะท้อนแสงเหมือนมันเลย

“เฮ้เพื่อน แกเป็นตัวผู้หรือตัวเมียเหรอ?"

หลังจากคราวก่อนที่พลาดไปหาเรื่องไก่ตัวผู้ เสี่ยวอู่ก็ระมัดระวังมากขึ้น

แต่ก็ไม่มีคน (นก) สนใจมัน

ซู่เป่ากําลังพาวูล์ฟด็อกตัวใหญ่ไปรักษา ล้างท้องกับพ่ออยู่

สองพ่อลูกโดดเด่นมากจริง ๆ คนหนึ่งสูงใหญ่และสง่างาม อีกคนอ้วนเตี้ยน่ารักน่าหยิก ทําให้คนหันกลับมามองบ่อย ๆ

มู่กุยฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องรักษา วางมือข้างหนึ่งไว้หลังเก้าอี้ มีความหมายว่าจะปกป้องซู่เป่าไว้ในอ้อมแขน

อีกมือวางไว้บนหัวสุนัขจรจัดที่เก็บมาแบบสบาย ๆ

สุนัขจรจัดไม่ขยับเขยื้อน

มันมองคนที่ผ่านไปมาอย่างเงียบ ๆ ดวงตาของมันขี้ขลาดและเปล่าเปลี่ยวเล็กน้อย

สุนัขที่มาหาหมอส่วนใหญ่จะถูกเจ้าของกอดไว้ในอ้อมแขน เจ้าของพวกมันมีสีหน้าเป็นห่วง พวกมันบอบบางนุ่มนวล ขนสะอาดสวยงาม

ทำให้นึกถึงอดีต มันก็เคยมีเจ้าของอุ้มแบบนี้เหมือนกัน

แต่แล้วเจ้าของกลับทิ้งมัน เขาขับรถพามันไปที่อื่นซึ่งมันไม่รู้จัก

มันคิดว่าเจ้าของพามันไปเที่ยวเล่น มันเล่นเพลินแล้วก็วิ่งออกไปข้างนอก

หันไปดูอีกทีเห็นรถเจ้าของขับไกลออกไปแล้ว มันไล่ตามไปตลอดทาง แต่ทำอย่างไรก็ไล่ไม่ทัน

ต่อมามันหลงทางและหาทางกลับบ้านไม่เจออีกเลย

มันคิดว่าเจ้าของคงลืมว่ามันยังไม่ได้ขึ้นรถ และต้องไม่ได้ตั้งใจแน่ ๆ...

สุนัขจรจัดแววตามืดมน มันขยับตัวเล็กน้อย

ฝ่ามือของมู่กุยฝานวางไว้บนหัวของมัน ใช้มันเป็นที่รองมือ เขาพูดเบา ๆ ว่า "อย่าขยับ เดี๋ยวจะพาไปอาบน้ํา"

สุนัขจรจัดก็ไม่ขยับเขยื้อนจริง ๆ มันมองมู่กุยฝานอย่างรวดเร็วและมองไปที่ซู่เป่าอีกทีอยู่เนือง ๆ

ในห้องโถงสาวสวยคนหนึ่งมองหาเขาคอยื่นคอยาว ไม่นานก็หามู่กุยฝานเจอ

รูปร่างหน้าตาของเขาโดดเด่น เขาสูงมากจริง ๆ ขนาดว่านั่งลงแล้วก็สูงกว่าคนอื่นอยู่

สายาของหญิงสาวมีความดีใจ เธอรีบปรับอารมณ์ทําสีหน้ากระวนกระวายทันที

"โธ่... พวกคุณอยู่นี่เอง เจ้าหมาเป็นไงบ้าง? มันเป็นอะไรไหม? หมอว่ายังไงบ้าง?"

เธอพูดไปพลางชะโงกหน้ามองห้องรักษา สายตาวิตกกังวล

มือของกุยฝานที่ลูบหัวสุนัขอยู่ชะงักไป

เขาเงยหน้าขึ้น มองผู้หญิงคนนั้นอย่างเย็นชา "คุณชื่ออะไร?"

สุนัขรู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่า มันตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้ เท้าก็สั่นเล็กน้อย

หญิงสาวร้อง 'ห๊ะ' แล้วพูดอย่างเอ๋อ ๆ ว่า “ฉันชื่อไป๋ซานซาน คุณเรียกฉันว่าซานซานก็ได้"

เธอทําหน้าตกตะลึงแบบน่ารัก ๆ จริง ๆ แล้วในใจกำลังกรี๊ดอย่างดัง : เขาถามชื่อฉันแล้ว! เขาสังเกตเห็นฉันแล้ว! กรี๊ด ๆ ๆ...

นาทีนี้ไป๋ซานซานเกือบจะลืมว่ามีสุนัขอยู่ตรงนั้น เธอถือโอกาสนั่งบนเก้าอี้ข้าง ๆ มู่กุยฝาน และมองห้องรักษาด้วยสีหน้ากังวลต่อไป

"เฮ้อ ทำไมอยู่ดี ๆ หมามันถึงไปกินของที่มีพิษได้นะ คนเดี๋ยวนี้จะไร้คุณธรรมเกินไปแล้ว"

"คราวก่อนฉันเห็นป้าคนหนึ่งในชุมชน เอากระดูกคลุกยาเบื่อหนูไปโรยข้างถนน บอกว่าหมาจรจัดน่ารําคาญมาก จะวางยาพวกมันให้ตาย..."

ไป๋ซานซานพูดอย่างโกรธเคืองอยู่คนเดียว พอหันไปมองมู่กุยฝานกลับพบว่าเขายังคงมองตรงไปข้างหน้า หน้าด้านข้างของเขาดูเย็นชา แต่ยิ่งทำให้มีสเน่ห์มากขึ้น

หญิงสาวมองจนเพ้อ เธอถามตะกุกตะกักว่า “คุณว่าไหม… คนพวกนั้นทําแบบนี้ได้ยังไง… ตอนนั้นก็เลยเข้าไปห้าม..."

มู่กุยฝานขำพรวด เขาหันไปจ้องไป๋ซานซานอย่างกระทันหัน "คุณไปเจอวูล์ฟด็อกตัวนี้ที่ไหน?"

ไป๋ซานซานหัวใจเต้นแรง เธอตื่นเต้นจนเลือดพุ่งขึ้นสมองอย่างรวดเร็ว สมองเธองง ๆ ไม่ได้เอะใจเลยว่าคำถามนี้เป็นกับดัก

เธอพูดโดยไม่ระวังตัวใด ๆ ว่า "เจอในซอยเล็ก ๆ บนถนนเต๋อหมิง..."

มู่กุยฝานได้ข้อมูลที่เขาต้องการแล้ว แม้ว่าจะตรวจสอบเองก็รู้ได้ แต่ไม่เร็วเท่าถามไปตรง ๆ

เขาเปิดโทรศัพท์ ไม่นานโทรศัพท์ก็ขึ้นพื้นหลังสีดําและตัวหนังสือสีเขียว ข้อมูลถูกโหลดผ่านไปอย่างเร็ว แล้วบนหน้าจอก็แสดงภาพกล้องวงจรปิดบนถนนเต๋อหมิงขึ้นมา

มู่กุยฝานดูภาพกล้องวงจรปิดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

ไป๋ซานซานยังไม่รู้ตัว แกล้งทําเป็นถามโดยไม่ใส่ใจ "ใช่แล้ว ฉันยังไม่รู้ว่าชื่อพวกคุรเลย"

เมื่อเห็นว่ามู่กุยฝานไม่สนใจ เธอก็มองไปที่ซู่เป่าแทน เธอทำหน้าใจดี "เด็กน้อย หนูชื่ออะไรจ๊ะ นี่หมาของหนูเหรอ?"

ซู่เป่า: "....." (พยายามเลียนแบบความเย็นชาแบบของพ่อ… น่ารักเกินไป เลียนแบบล้มเหลว...)

ทั้งพ่อและลูกสาวต่างก็ไม่มีใครตอบ แต่ไป๋ซานซานก็ไม่ได้รู้สึกเขินอาย เธอมองไปที่สุนัขจรจัดที่อยู่ข้าง ๆ ถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับหมาของหนูจ๊ะ มันไปเที่ยวเล่นที่ไหนมา ทำไมสกปรกแบบนี้ล่ะ แต่ก็น่ารักนะ"

เธอพูดพลางเอื้อมมือออกไปจะจับหมาด้วยความกล้าหาญ

มือของมู่กุยฝานวางอยู่บนหัวสุนัข ขอแค่เธอบังเอิญไปโดน...

แต่มือยังไม่ทันได้สัมผัสกลับได้ยินมู่กุยฝานพูดอย่างเย็นชาว่า "ถ้ามือไม่เอาแล้ว ผมสับทิ้งให้ได้นะ"

ไป๋ซานซาน: "..."

มือของเธอแข็งค้างอยู่กลางอากาศ ขายหน้าแทบตาย

"ฉัน… ฉันแค่อยากจับหมา..."

จะหดมือกลับมาเลยก็น่าขายหน้าเกินไป ไป๋ซานซานจึงถือโอกาสลูบหลังสุนัข

ใครจะคิดว่าสุนัขจรจัดที่ว่าดูเชื่องและขี้ขลาดเล็กน้อย จู่ ๆ ก็หันกลับมากัดเข้าที่หลังมือของเธอ!

ถึงแม้ว่ามันจะไม่กล้าเห่าเสียงดัง แต่มันก็แยกเขี้ยวแล้วจ้องเหมือนรู้ว่าเธอไม่ใช่คนดี

ไป๋ซานซานร้องด้วยความตกใจ "โอ๊ย..."

เสียงกรีดร้องนี้ทําให้คนข้าง ๆ มองตามมาเป็นแถว

ไป๋ซานซานร้องไห้น้ำตาไหล “อู๊ย เจ็บชะมัด… เลือดออกด้วย..."

ซู่เป่ามองเธอด้วยสายตาเหมือนมองคนปัญญาอ่อนและพึมพําว่า "ป้าคนนี้ดูท่าสมองไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

ในที่สุดมู่กุยฝานก็วางโทรศัพท์ลงและเหลือบตาลงมองสุนัข

"เดี๋ยวจะพาไปฉีดยานะ"

ไป๋ซานซานดีใจแสร้งทําเป็นสงวนท่าทีเธอพูดว่า "อ๋อ... จริง ๆ แล้วไม่ต้องก็ได้ ฉันไม่เป็นไร ฉันเจอสุนัขจรจัดบนถนนบ่อย ๆ บางครั้งเวลาไปช่วยเหลือพวกมันก็จะถูกข่วน..."

ในที่สุดซู่เป่าก็ทนไม่ไหวพูดขึ้นว่า "คุณน้านี่ พ่อของหนูกําลังคุยกับหมาอยู่ ไม่ได้คุยกับคุณน้า!"

มู่กุยฝานยิ้มมุมปาก เขาลูบหัวสุนัขแล้วพูดว่า “อย่ากัดคนมั่ว ๆ สิ การฉีดวัคซีนให้สุนัขยุ่งยากมากเลยนะ”

ไป๋ซานซาน: "..."

ซู่เป่าซ้ำเติมโดยไม่ตั้งใจ "พ่อค่ะ ถ้าถูกหมากัดต้องฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า แล้วถ้าหมากัดของสกปรกต้องฉีดวัคซีนอะไรคะ"

ไป๋ซานซาน: "..."

มู่กุยฝานยังไม่ทันได้พูด

เสี่ยวอู่ที่อยู่ในกระเป๋าสัตว์เลี้ยงก็ชะโงกหัวเล็ก ๆ ออกมาและตะโกนว่า "อยากฆ่าเธอทุกวินาที!"

ไป๋ซานซาน: "..."

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน