ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 500

“ในเมื่อกลัวว่าจะซวย งั้นก็ควรหนีไปให้ไกล แต่กลับมาเอาเงินกับน้า ไม่กลัวว่าเงินที่จ่ายให้น้าจะทำให้ยิ่งซวยกันไปใหญ่เหรอ”

ซูเหอเวิ่นพยักหน้า “นั่นน่ะสิ เห็นๆ กันอยู่ว่าโลภเงิน ผมว่าที่หลานชายพวกเขาตายตั้งแต่เด็กติดต่อกันถึงสองคน ทั้งหมดเป็นผลกรรมที่ทำขึ้นเองทั้งนั้น”

ผีขี้แยสะอึกสะอื้น “ฉันก็พูดแบบนี้เหมือนกัน”

ซู่เป่า “จากนั้นล่ะคะ”

“จากนั้นพวกเขาก็ซ้อมฉัน เอาบัตรเอทีเอ็มทั้งหมดของฉันและเงินที่ซ่อนอยู่ที่ตัวไปทั้งหมด แถมยังบอกว่าถ้ากล้าไม่ชดใช้ให้พวกเขา ก็จะประจานเรื่องที่เธอเป็นตัวซวยไปในละแวกนั้น พอถึงเวลานั้นก็จะไม่มีใครกล้าเรียกฉันไปร้องไห้หน้าโลงศพ”

เรื่องราวก็เป็นแบบนี้ ผีขี้แยร้องไห้อยู่สองปี ในช่วงเวลานี้อดีตสามีของเธอก็เสียลูกไปตั้งแต่ยังเด็กอีกสองคน พวกเขาจึงคิดว่าจะไม่พยายามกันอีกแล้ว และเมื่อไปตรวจก็พบว่าเป็นเพราะอดีตสามีอสุจิมีรูปร่างผิดปกติ...

ครอบครับของอดีตสามีก็ยิ่งคิดว่าเธอเป็นตัวซวย ไม่ผิดปกติเร็วหรือช้ากว่านี้หน่อย แต่ทำไมดันต้องมีรูปร่างผิดปกติตอนที่คลอดลูกด้วย

เธอเป็นตัวต้นเหตุ

คราวนี้แม้แต่จี้ฉางก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น

“เป็นความไม่สมประกอบที่มีมาแต่กำเนิด แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้าหรือ” เขาพูดพลางขมวดคิ้ว

ซูเหอเวิ่น เรื่องนี้อยู่ในจุดบอดของความรู้เขา

ตอนเรียนวิชาสุขอนามัยทางสรีรวิทยาเขารู้ว่าชายหญิงแตกต่างกัน รู้จักลูกอ๊อดตัวน้อย...แต่เยอะกว่านั้นก็ไม่รู้แล้ว

ซูเหอเวิ่นเอียงศีรษะไปถามซูอีเฉิน “พ่อครับ อสุจิของคนเราทำไมถึงมีรูปร่างไม่ปกติได้เหรอครับ”

ซูอีเฉินสำลักชาออกมาคำหนึ่ง เขามองซู่เป่าทีหนึ่ง น้ำเสียงเคร่งขรึม “สิ่งที่เด็กไม่ควรถามก็ไม่ควรถามอะไรมากมาย”

กลับไปคราวนี้ไม่ถูกนายหญิงสับเอาแย่เหรอ

จี้ฉางเอ่ย “สรุปคือไม่เกี่ยวกับเรื่องของผีขี้แย แต่เป็นปัญหาของยีนที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด”

ซูเหอเวิ่นเข้าใจในทันที ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง

“คนในครอบครัวนี้หาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลชัดๆ”

ก่อนยังไม่ได้ถาม เขานึกว่าผีขี้แยกลายเป็นผีขี้แยเพราะเหตุผลส่วนตัว หรือเพราะขี้แยเกินไปก็เลยถูกคนซ้อมจนตาย

ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเพราะโศกนาฏกรรมแบบนี้...

ผีขี้แยเอ่ย “เรื่องต่อจากนั้นก็เป็นเหมือนที่พวกเธอคิดนั่นแหละ ฉันไม่ยอม ฉันบอกอดีตสามีว่าเป็นเพราะตัวเองไม่ได้เรื่อง ยังมาโทษว่าฉันเป็นตัวซวยอีก ฉันจะแจ้งตำรวจ”

พวกเขาคิดว่าเธอนำพาความซวยมาให้พวกเขา ไม่ขอโทษไม่คำนับ แล้วยังกล้าข่มขู่พวกเขาอีก

ภายใต้ความโกรธแค้นจึงลงมือซ้อมเธอ เธอจมอยู่ในถังเก็บน้ำ จมน้ำอย่างตายทั้งเป็น

กระบวนการของการตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าของผีขี้แยช้าและยาวนานเล็กน้อย เริ่มตั้งแต่ที่เธอพัวพันกับอดีตสามี ทุกวันจะถูกอดีตสามีด่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า กดหัวให้คำนับ เธอก็ร้องไห้มาตลอด สุดท้ายก็ถูกทำให้จมน้ำตาย

เรื่องในวันที่ตายวันนั้น ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาสิบปี

จนกระทั่งเธอเคียดแค้นเป็นอย่างมาก และกลายเป็นผีร้าย

ซู่เป่าฟังจนถอนหายใจอย่างหนัก

ผีขี้แยพูดสิ่งที่ตัวเองประสบพบเจอมาจบ ก็ร้องไห้จนกลายเป็นผีเจ้าน้ำตา

น้ำตาหลังการตายไม่ใช่น้ำตาจริงๆ แต่เป็นไอพิฆาต ฉะนั้นในห้องทำงานของซูอีเฉินจึงอบอวลไปด้วยไอพิฆาต

ซูอีเฉินรู้สึกเพียงว่าหนาวเป็นอย่างมาก

เขาเงยหน้ามอง เป็นเพราะไม่ได้ปิดหน้าต่างหรือเปล่า สุดท้ายพบว่า...

เหยาหลิงเยว่กินผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะจนหมดเกลี้ยง!

“คุณ...กินหมดเลยเหรอ” ซูอีเฉินอึ้งเล็กน้อย

เหยาหลิงเยว่ยัดเชอร์รีลูกสุดท้ายเข้าไปในปาก จากนั้นถึงพยักหน้าอย่างจริงจัง ราวกับเสร็จสิ้นภารกิจอย่างนั้น

ขณะนี้เองซูเหอเวิ่นกับซู่เป่านึกถึงเหยาหลิงเยว่ขึ้นมา เบือนหน้าไปมอง เธอโง่ไปหมดแล้ว

บนโต๊ะเหลือเพียงเปลือกผลไม้กองหนึ่ง

ผลไม้สี่ถาดใหญ่ กินเกลี้ยงหมดเลย

ซู่เป่าให้เธอกินผลไม้อย่างเชื่อฟัง เธอก็ช่างซื่อสัตย์จริงๆ...กินหมดไม่เหลือเลยแม้แต่น้อยเลยจริงๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าเปลือกผลไม้กินไม่ได้ เดาว่าแม้แต่เปลือกก็คงกินจนหมด!

ซู่เป่าเผยอปาก “ป้าสะใภ้ใหญ่ ป้า...ไม่ได้กินอิ่มเกินไปใช่ไหม”

ซูเหอเวิ่นร้อนใจ “ไม่ได้บอกให้แม่กินหมดนะ!”

เหยาหลิงเยว่มองไปที่ซูเหอเวิ่นอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วชี้ไปที่เปลือกผลไม้บนโต๊ะ

“กิน...หมด?”

ไม่ใช่ต้องปอกเปลือกเหรอ

เหยาหลิงเยว่ได้ยินเพียงแค่ ‘กินหมด’ สองคำ นึกว่าต้องกินเปลือกผลไม้ให้หมด ซูเหอเวิ่นจึงรีบโยนเปลือกผลไม้ลงไปในถังขยะ

ให้ตายเถอะ ไม่ได้ดูเธอแค่แวบเดียว ก็กินไปเยอะขนาดนั้นแล้ว

ซูเหอเวิ่นกับซู่เป่ามองไปที่ท้องของเหยาหลิงเยว่ ท้องป่องออกมาเล็กน้อยอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า กลมดิก

ทันใดนั้นซู่เป่าก็นึกอะไรออก

“จริงสิ ป้าสะใภ้ใหญ่...ป้ากินเยอะขนาดนั้น ป้าปวดอึไหมคะ”

เหยาเหลิงเยว่มองไปที่เธอด้วยความสงสัย

จากนั้นมองไปที่มือของตัวเอง

ไม่เหม็นนะ

ซูเหอเวิ่นเองก็อึ้ง “ฉันไม่เคยนึกถึงปัญหานี้มาก่อนเลย...จะว่าไป ฉันไม่เคยเห็นแม่ฉันเข้าห้องน้ำเลยนะ...”

ซู่เป่าตะลึงงัน “เพราะงั้นป้าสะใภ้ใหญ่จะหนักกี่กิโล ทั้งหมดก็เป็นน้ำหนักของอาหารเหรอ”

ซูเหอเวิ่นเกาหัว “นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย ในหนึ่งมื้อคนเราจะกินอาหารประมาณสี่ร้อยแปดสิบกรัมจนถึงครึ่งกิโลกรัม ถ้าวางเงื่อนไขนี้กับคุณย่าของฉันละก็ งั้นแม่ของฉันอาจก็กินอาหารได้เก้าร้อยกรัมจนถึงหนึ่งกิโลกรัม”

“ตั้งแต่แม่ของฉันกลับมาจนถึงตอนนี้ก็สี่สิบเจ็ดวันแล้ว สมมติว่าอาหารหนึ่งมื้อเท่ากับเก้าร้อยกรัม คุณย่าของฉันให้เธอกินห้ามื้อต่อวัน งั้นหนึ่งวันก็กินไปประมาณสี่กิโลกรัมครึ่ง ทั้งหมดสี่สิบเจ็ดวันก็เท่ากับสองร้อยสิบเอ็ดกิโลกรัมครึ่ง...ยังไม่รวมผลไม้กับอาหารว่าง”

ซู่เป่าตกใจจนพูดไม่ออก สองร้อยสิบเอ็ดกิโลกรัมครึ่งเลยเหรอ!

ที่แท้คนเราก็สามารถกินได้เยอะถึงขนาดนั้น สุดยอดจริงๆ!

ไม่รู้ว่าซูเหอเวิ่นหยิบกระดาษออกมาแผ่นหนึ่งตั้งแต่เมื่อไร กำลังคำนวณอย่างเคร่งเครียด “ถ้ากินไม่หยุด ตามหลักเหตุผลตอนนี้แม่ของฉันน่าจะสองร้อยสี่สิบกว่ากิโลกรัม...แต่ตอนนี้กลับเหลือแค่ห้าสิบกิโลกรัม แล้วร้อยห้าสิบกิโลกรัมที่เหลือไปไหนล่ะ”

ไม่ได้อึออกมา แล้วก็ไม่ได้อาเจียนออกมา

ใบหน้าของซูเหอเวิ่นเต็มไปด้วยความงงงัน

ใบหน้าของซู่เป่าเองก็เต็มไปด้วยความงงงัน

ซู่เป่ามองไปที่จี้ฉาง ซูเหอเวิ่นเองก็มองไปที่...อากาศข้างๆ

ใบหน้าของจี้ฉางเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจ “อย่ามาถามข้า ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน”

เขาเป็นคนประเภทที่ไปแอบดูว่าเหยาหลิงเยว่อึหรือไม่เหรอ

มาถามเขาแล้วเขาจะรู้ได้ยังไง...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน