ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 534

หลังจากตระกูลไปแล้ว ผ้าที่คลุมอยู่บนหินก็ถูกลมพัดปลิวไป เผยให้เห็นแสงสีม่วงสะดุดตา

ลุงหนิวถือส้อมขนาดใหญ่เดินลาดตระเวน ก็เห็นหยกที่โผล่ออกมา

“เงินทองไม่สามารถเปิดเผยให้คนนอกเห็น…” เขาพึมพำและเห็นป้าอู๋กำลังจะหมักผักกาดดองอยู่ ก็เลยไปหยิบฟิล์มพลาสติกสีขาวที่เธอเตรียมไว้จะเอามาคลุมผักกาดดองมาพันรอบหินขนาดใหญ่สองสามครั้ง

ป้าอู๋ “เอ้ะ…ทำอะไรน่ะ! อันนี้ฉันจะเอาใช้ดองผักกาดนะ!”

พอมองไปที่หินที่ถูกพันแบบนั้นอีกครั้ง ก็เห็นว่าหินสีเทาโดยรวมในตอนนี้ข้างบนเหมือนเขางอกอย่างงั้นแหละ น่าเกลียดสุดๆ

ลุงหนิวบอกไปว่า “นี่คุณยังมีอีกสองกะละมังที่ยังไม่ได้เริ่มหมักไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวก็ไปเอามัสตาร์ดมาตากบนหินนี้สิ ทั้งสะอาดและแห้งไวด้วย”

ป้าอู๋ “…”

นี่ไม่ใช่หินธรรมดานะ จะให้เอาใช้ตากมัสตาร์ดเหรอ?

ลุงหนิวโบกมือ “คุณฟังผมก็พอ!”

พ่อบ้านเนี่ยเคยกำชับว่าหินก้อนนี้มีมูลค่าเกือบพันล้านและตอนนี้กำลังหาศิลปินแกะสลักที่เหมาะสมอยู่ ให้เขาจับตาดูดีๆ

“ของมีค่าอย่างงี้ ยิ่งไปจริงจังเท่าไหร่พวกขโมยมันก็ยิ่งจะสนใจมากกว่าเดิม เอามาใช้หมักมัสตาร์ดแบบนี้แหละดีแล้ว” ลุงหนิวเอ่ย

ป้าอู๋ถึงกับไปต่อไม่ถูก

ภายใต้การนำของลุงหนิว ในที่สุดป้าอู๋ก็เอามัสตาร์ดทั้งถังไปตากอยู่บนนั้น

“เอ๊ะ ดูสิ เอามาใช้ตากมัสตาร์ดก็เข้าอยู่นะ!” ป้าอู๋ประเมินอย่างพอใจ

เศษหินที่ถูกผ่าออกมาในตอนนั้น ซูอิ๋งเอ่อร์ได้เอาไปเก็บไว้ในห้องของเขาแล้ว มุมที่ขาดไปไม่เพียงแต่จะมีฟิล์มพลาสติกสีขาวมาห่อไว้ แถมยังมีมัสตาร์ดสองลูกที่ป้าอู๋วางลงไปด้วย

“ก็ดีนะๆ” ป้าอู๋เช็ดมือบนผ้ากันเปื้อนแล้วก็ไปยุ่งเรื่องอื่นต่อ

นอกคฤหาสน์ตระกูลซู มีรถสีดำคันหนึ่งค่อยๆ ขับผ่านไปอย่างช้าๆ

โดรนพกพาขนาดเล็กลำหนึ่งแอบบินอยู่เหนือบ้านตระกูลซูเงียบๆ

ในรถสีดำ มีคนหนึ่งถามว่า “บินสูงไปมองไม่เห็น! บินเตี้ยหน่อยไม่ได้เหรอ?”

อีกคนบอกว่า “ถ้าเตี้ยกว่านี้ก็จะโดนจับได้น่ะสิ รีบๆบินรอบหนึ่งแล้วรีบไป”

เขตที่อยู่อาศัยของคนรวยแถวนี้มีการคุมเข้มงวดมาก โดรนไม่สามารถบินตามใจชอบได้ และบินต่ำเกินไปก็ไม่ได้ พวกเขาแอบเข้ามาและรอมาเนิ่นนานกว่าจะมีโอกาสสามารถ ‘บิน’ โดรนได้

ที่แท้ก็เป็นพวกแก๊งโจรเจียงหนานนี่เอง

ข่าวลือที่ตระกูลซูได้หินหยกล้ำค่าไปนั้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ล่าสุดก็กำลังหาผู้ร่วมงานที่เหมาะสมอยู่

คนพวกนี้แอบย่องมาสังเกตการณ์หลายวันแล้ว จนในที่สุดก็รอถึงวันที่ตระกูลซูออกไปทั้งบ้าน

รถสีดำขับผ่านไป ภาพและวิดีโอจากโดรนก็อัปโหลดเข้ามาที่คอมพิวเตอร์ทันที

พวกโจรเบิกตากว้างมองหา “บอกว่าเป็นหินก้อนใหญ่มาก…ฉันว่าน่าจะซ่อนอยู่ในอาคารหลัก”

เขาชี้ไปที่อาคารหลักของตระกูลซู

“ประเด็นก็คือไม่รู้ว่าหินหยกนั้นหน้าตายังไง พวกเราก็ตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งหมดแล้ว แต่ก็ไม่เห็นเบาะแสของหินหยกที่ถูกขนส่งเข้ามาเลยสักนิด…”

“ช่วงนี้นอกจากรถส่วนตัวของตระกูลซูเองแล้ว ก็ไม่มีรถคันอื่นที่เข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลซูเลย เพราะฉะนั้นก็น่าจะเป็นรถของพวกเขาเองที่ขนกลับไป”

“เนื่องจากขนเข้ามาด้วยรถส่วนตัว อย่างน้อยหินหยกใหญ่ที่สุดก็น่าจะไม่ใหญ่เกินที่เก็บของหลังรถนะ”

ในภาพมีหินขนาดใหญ่วางอยู่หน้าอาคารหลัก ข้างบนหินเต็มไปด้วยมัสตาร์ด

พวกโจรมองข้ามมันไปโดยอัตโนมัติ

ถึงยังไงกินก้อนใหญ่ขนาดนี้ ที่เก็บของหลังรถส่วนตัวก็คงยัดไม่พอหรอก

ไม่ต้องพูดถึงว่าข้างบนยังมีมัสตาร์ดตากไว้เต็มไปหมด ใครมันจะไปตากมัสตาร์ดบนหินหยกมูลค่าหลายพันล้านกันเล่า

“แม่งเอ้ย…ประเด็นก็คือเหล่าซานโดนจับไปแล้ว ไม่งั้นพวกเราก็จะยังมีคนช่วยสำรวจต้นทางให้อยู่ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ซวยขนาดนั้น พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอตำรวจสี่คนดักอยู่”

“ก็บอกเขาแล้วว่าอย่าไปโลภกับของเล็กๆน้อยๆพวกนั้น แต่เขากลับบอกว่าการขโมยนั้นไม่มีขอบเขต”

ความสามารถอื่นๆ ของเหล่าซานอาจไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่การสำรวจต้นทางของเขานั้นถือว่าไม่เลวเลยล่ะ

คาดไม่ถึงว่าจะเข้าไปเจอกับตำรวจตรงๆ

พวกพวกแก๊งโจรนึกถึงเรื่องเหลือเชื่อนี้แล้วยังรู้สึกว่ามันไร้สาระมาก

“ค่อยหาทางสำรวจโครงสร้างในบ้านของตระกูลซูอีกทีแล้วกัน…”

แก๊งโจรพวกนี้เคยปล้นธนาคาร เคยขโมยตู้เซฟของคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกมาแล้ว ถึงขั้นเคยแม้กระทั่งขโมยโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์มาแล้ว

เพราะฉะนั้นรอบนี้พวกเขายังคงมั่นใจเหมือนทุกที แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะเผชิญกับอะไรอยู่…

**

ตระกูลซูไปถึงที่เกาะหนีกวงอย่างมีความสุข และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านตัวเองกำลังโดนปล้น

ทฤษฎีที่ว่ายิ่งไปจริงจังเท่าไหร่พวกขโมยมันก็ยิ่งจะสนใจมากกว่าเดิมนั้นพวกเขาทราบอยู่แล้ว แค่ต้องหาคนมาร่วมมือด้วย ข่าวลือเรื่องหินหยกก็น่าจะรั่วไหลไปไม่มากก็น้อยแน่นอน

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่พวกเขากำลังจะพิจารณาในตอนนี้

ภูมิประเทศของเกาะหนีกวงไม่เหมาะสําหรับการสร้างสนามบิน หลังจากเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลซูมาถึงที่เมืองข้างเกาะแล้ว ก็ต้องนั่งเรือต่อไปยังเกาะหนีกวง

มู่กุยฝานกระซิบกับซู่เป่าว่า “ยังมีการฝึกซ้อมปรับตัวในสภาวะไร้น้ำหนักด้วย แต่ฐานฝึกของทีมเราไม่ค่อยเหมาะกับหนูเท่าไหร่ หนูยังเด็กเกินไป”

“เพราะฉะนั้นตอนที่พวกเราไปถึงเกาะหนีกวงแล้วก็ไปฝึกกับบันจี้จั้มพ์และรถไฟเหาะที่ลุงใหญ่ของหนูสร้างไว้แล้วกัน”

ซูอีเฉินที่เดินอยู่ข้างหน้า “?”

นายหญิงซู “…”

เหยาหลิงเยว่ที่ตามอยู่ข้างหลังเงียบๆก็พูดประโยคหนึ่งออกไปด้วยความชำนาญว่า “จ้วงมันออกไป!”

มู่กุยฝานลูบจมูก

แต่เสียดายที่เขายังหาสถานที่ที่มีผีอยู่เยอะๆไม่เจอ มิฉะนั้นจะได้สามารถฝึกการต่อสู้จริงๆได้…

มีนักท่องเที่ยวจํานวนไม่น้อยเลยที่นั่งเรือไปเกาะหนีหวง ที่เกาะหนีกวงได้มีการสร้างสวนสนุกอลังการขึ้นมาอยู่แห่งหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็มีทะเลน้ำตื้นใสสะอาด หาดทรายที่ละเอียดและนุ่มละมุน แถมยังมีโรงแรมหรูที่มีสิ่งอํานวยความสะดวกครบครัน ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ก็จะมีพวกคนรวยพาลูกๆ มาเที่ยวเล่นที่นี่อยู่เยอะแยะเลย

วันหยุดสุดสัปดาห์จะเป็นช่วงเวลาที่พีคที่สุด แต่สัปดาห์นี้คนยังถือว่าน้อย

ซูอิ๋งเอ่อร์แย่งซู่เป่ามาจากอ้อมแขนของมู่กุยฝานแล้วมาแบกไว้ที่ไหล่เหมือนกับเจ้าเด็กแล้วเอ่ยว่า “สัปดาห์นี้ลุงใหญ่ได้จำกัดตั๋วไว้ คนก็เลยไม่ค่อยเยอะและไม่เบียด! สองวันนี้หนูก็เล่นให้เต็มที่เลยนะ!”

เด็กๆ ต้องมีสภาพแวดล้อมที่สนุกสนานมีชีวิตชีวา ถึงจะเล่นสนุกได้

เคยมีนายหญิงร่ำรวยคนหนึ่งเคยสร้างสวนสนุกขนาดใหญ่ให้หลานชายของตัวเองเอาไว้เล่นสนุก แต่เด็กๆ กลับไม่ได้รู้สึกสนุกขนาดนั้นในสวนสนุก และในที่สุดก็ไม่เล่นต่อ ก็เพราะว่าขาดสภาพแวดล้อมที่มีสนุกสนานมีชีวิตชีวาไงล่ะ

ดังนั้นสวนสนุกยังไงก็ต้องเปิดให้ภายนอกเข้าได้ ไม่เพียงแต่จะมีชีวิตชีวา แต่ยังได้เงินอีกด้วย!

ตระกูลซูก็หาเงินกันแบบนี้แหละ ทำงานโดยสอดคล้องกับความเป็นจริงแบบนี้อยู่เสมอ…

ซู่เป่านั่งอยู่บนไหล่ของลุงห้าแล้วชี้อย่างมีความสุขว่า “ออกเดินทาง~นั่งเรือกัน!”

ทั้งคณะขึ้นไปนั่งที่เรือสำราญสุดหรู จากนั้นเรือสำราญก็แล่นออกจากฝั่งอย่างรวดเร็วและหายไปในพริบตา

มีเด็กหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนแล้วมองด้วยความอิจฉาไปที่ทิศทางของเรือสําราญสุดหรู

ก็คือหยวนหยวนนั่นเอง

ในที่สุดเธอก็เจอลูกพี่ลูกน้องของเธอสักทีและเธอก็กลับมาจริงด้วย ผีคุณแม่ไม่ได้โกหก!

ลุงทั้งหลายของซู่เป่าทั้งสูงและหล่อมากแถมยังเอ็นดูเธอขนาดนี้ เดินไปที่ไหนก็ดึงดูดสายตาให้คนรู้สึกอิจฉา

หยวนหยวนนึกถึงเรื่องทุกอย่างในกระจก ก็รู้สึกเหมือนโดนแย่งสิ่งที่ควรจะเป็นของเธอไป อึดอัดจนทนอิจฉาไม่ไหว

มู่เหม่ยหัวถือตั๋วเข้าประตูและตั๋วเรือแล้วทำหน้าบ่นว่า “อะไรกัน ยังต้องมาต่อคิวอีก!สถานที่อะไรเนี่ย ตั๋วเข้าใบเดียวก็ตั้ง 8888 แล้ว แถมยังไม่รวมค่าเรืออีก!”

“จองโรงแรมไปสองวัน วันละหนึ่งหมื่น…ยังไม่รวมค่ากินค่าดื่มอีกนะ”

เพิ่งเห็นตระกูลซูที่ดูหรูผ่านไปเมื่อกี้ แล้วกลับมามองดูแม่ตัวเอง…หยวนหยวนก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ในใจ

ใช่ พ่อของเธอนี่ขี้เหนียวจริงๆ มีเงินตั้งมากมายขนาดนั้นแต่กลับเสียดายไม่ให้เงินเธอกับแม่มาใช้เลย

ยังดีที่เธอตอบรับผีคุณแม่ แล้วผีคุณแม่ก็ช่วยคำนวณว่าสัญญาที่พ่อจะเซ็นจะเกิดวิกฤตนิดหน่อย เธอเลยไปห้ามทัน

พ่อดีใจมากก็เลยรับปากให้เธอมาเที่ยวที่เกาะหนีกวง!

ด้วยความช่วยเหลือขอผีคุณแม่แล้ว ยังไงเธอก็จะสามารถจัดการซู่เป่าได้อย่างแน่นอน แล้วหลังจากนี้ชีวิตของเธอและแม่ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ!

“แม่ รีบไปกันเถอะ!” หยวนหยวนจูงมือมู่เหม่ยหัวแล้วแทบรอไม่ไหวที่จะออกเดินทางไปยังเกาะหนีกวง

ครั้งนี้ผีคุณแม่ไม่ได้มาด้วย แต่ได้มอบหมายภารกิจสำคัญให้เธอไว้แล้ว…

หยวนหยวนจับลูกแก้วสีดำในมือไว้แน่น

ผีคุณแม่บอกว่าข้างในมีผีร้ายอยู่เยอะมากๆ

ขอแค่ปล่อยผีร้ายพวกนี้ไว้ที่สวนสนุก…

**

เกาะหนีกวงตั้งอยู่ใกล้กับทางใต้เล็กน้อย อากาศก็เลยอุ่นกว่าในเมืองจิงอยู่มากเลย เรือสำราญจอดเทียบที่ท่าเรือทางตอนเหนือของเกาะและมีแดดจ้ามากๆ!

เสี่ยวอู่ยื่นหัวออกมา ขนบนหัวของมันโดนลมทะเลพัดจนยุ่งเหยิงนิดหน่อย

มันตะโกนด้วยความตื่นเต้นว่า “ทะเลเอ๋ย…แม่ของฉัน!”

ในเวลานี้เอง จู่ๆก็มีคลื่นลูกใหญ่กระทบแนวปะการังและสาดเข้ามาที่ใบหน้าของเสี่ยวอู่พอดี

เสี่ยวอู่ถูกคลื่นสาดเข้ามาจนตัวสั่น “เชี่ย! นี่มันแม่เลี้ยงชัดๆ!!”

ทุกคน “…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน