ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 560

ในร้านหม้อไฟไม่ใหญ่มากริมถนนร้านหนึ่ง มีผู้ชายร่างสูงใหญ่นั่งอยู่สองคน ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมาก

ผู้ชายสองคน คนหนึ่งนั่งอยู่ข้างผู้หญิงผิวขาวซีดผิดปกติคนหนึ่ง อีกคนก็นั่งอยู่กับเด็กผู้หญิงน่ารักไม่ธรรมดาคนหนึ่ง

ซู่เป่าถือถ้วยใบเล็กอยู่ในมือ หม้อไฟที่มาใหม่เป็นหม้อยวนยาง (หม้อที่ใส่น้ำซุปได้สองอย่าง) น้ำซุปไม่เผ็ดคือซุปไก่และเห็ด ซู่เป่าซดซู๊ดคำหนึ่ง รู้สึกเพียงความสดชื่นพุ่งขึ้นจมูก

“อาหย่อย!” ใบหน้าเล็ก ๆ ของซู่เป่าฉายความปลื้มปริ่ม

เหยาหลิงเยว่เลียนแบบซู่เป่า ยกถ้วยใบเล็กด้วยสองมือ...จากนั้นก็ซดน้ำซุปไก่จนหมดถ้วย

“อาหย่อย!” เธอก็พูดเหมือนกัน

ซู่เป่าหัวเราะฮ่า ๆ มองกระเพาะวัว ต้มเผ็ดเลือดหมูกับกระเพาะวัว ลูกชิ้นกุ้ง ไส้เป็ดที่เดือดปุด ๆ อยู่ในหม้อเผ็ด

“กินได้หรือยังคะ” ซู่เป่าจ้องหม้อไฟตาไม่กะพริบ

การมาของซู่เป่าทำให้อารมณ์ตึงเครียดของมู่กุยฝานผ่อนคลายลง

ลูกรักมาแล้ว เขาเปิดบอตได้แล้ว

สำหรับพี่อวิ๋นเจาจะอยู่ที่ไหน ตอนนี้ยังไม่รีบ กินหม้อไฟก่อนแล้วค่อยว่ากัน

เขาใช้ตะเกียบกลางคนทีหนึ่ง จากนั้นก็คีบกระเพาะวัวขึ้นมา “กินได้แล้วล่ะ”

ซูอีเฉินขมวดคิ้ว “ต้มอีกหน่อย”

มู่กุยฝานแย้ง “ลวกกระเพาะวัวเนี่ย มีคำพูดหนึ่งเรียกว่าขึ้นเจ็ดลงแปด”

“หรือก็หมายถึง ใช้ตะเกียบคีบกระเพาะวัวแกว่งลวกในหม้อไฟเจ็ดแปดทีก็กินได้แล้ว”

ซูอีเฉิน “...”

มู่กุยฝานพูด “จริงนะ ผมจะหลอกพี่ทำไม”

เมื่อก่อนเขาขึ้นเหนือล่องใต้ ผ่านความลำบากมาหมด แผงลอยข้างถนนอะไรก็เคยกินมาแล้ว ขึ้นเจ็ดลงแปดเป็นวิธีการกินที่รสสัมผัสดีที่สุด

ซูอีเฉินยื่นตะเกียบออกไปกดตะเกียบของมู่กุยฝานกลับลงไปในหม้อไฟเงียบ ๆ

พอเห็นมู่กุยฝานจะพูดอะไร เขาก็พูดขึ้นว่า “อยากโดนแม่เอามือสับหัวเหรอ”

มู่กุยฝานหดตะเกียบกลับทันที

ซูอีเฉินพูดชืด ๆ “ฉันก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกินหม้อไฟ ถึงขึ้นเจ็ดลงแปดจะมีรสสัมผัสดีที่สุด แต่มันยังไม่สุกดี ระวังพยาธิ”

เขามองมู่กุยฝานแวบหนึ่ง สายตานั้นราวกับกำลังบอกว่า นายตายไม่เป็นไร อย่าทำหลานรักฉันตาย

มู่กุยฝาน “...”

เขาลูบจมูก นั่งพิงพนักเก้าอี้แล้วพูดแบบขี้เกียจ “กฎของธรรมชาติ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แมลงไม่กัดเราตายก็คือเรากัดแมลงตาย”

ซูอีเฉิน “...”

ซู่เป่ากัดนิ้ว “สรุปยังต้องต้มต่ออีกไหมคะ”

หม้อไฟห๊อมหอม เธอจะน้ำลายไหลอยู่แล้ว

สุดท้ายมู่กุยฝานจึงพูดว่า “ต้องต้มให้สุก ๆ รออีกสองนาทีนะเด็กดี”

อีกด้านหนึ่ง เหยาหลิงเยว่คีบกระเพาะวัวขึ้นมาแล้ว วางพลิกอยู่กับผงพริกปรุงรสให้ทั่ว จากนั้นก็ยัดเข้าปาก เริ่มกินงั่ม ๆ

ถึงกับข้าวในบ้านจะอร่อยอย่างไร แต่บางครั้งก็สู้รสจัดข้างนอกไม่ได้ เหยาหลิงเยว่กินจนแก้มป่อง ซู่เป่าเห็นแล้วก็กลืนน้ำลายอย่างอดใจไม่อยู่

ในที่สุดก็รอจนอาหารสุกดีแล้ว เมื่อนั้นซูอีเฉินจึงตักขึ้นมาวางอยู่ในถ้วยของซู่เป่า

ซู่เป่าเลียนแบบเหยาหลิงเยว่ วางกระเพาะวัวไว้ในผงพริกปรุงรส พลิกไปพลิกมา แล้วก็ยัดเข้าปากทันที

ซูอีเฉินกับมู่กุยฝานห้ามไม่ทัน เห็นเธอพ่นไฟเสียแล้ว

“ฮ่า...” ซู่เป่าแลบลิ้นออกมา น้ำหูน้ำตาไหล

ซูอีเฉินกับมู่กุยฝานผู้ชายตัวโตสองคนตกใจทำอะไรไม่ถูก คนหนึ่งหยิบน้ำ แต่พบว่าน้ำร้อนเกินไปจึงรีบไปหยิบนมถั่วเหลืองในตู้เย็นให้เธอ

รอจนซู่เป่าดื่มนมถั่วเหลืองเย็นลงไปขวดหนึ่งแล้ว ก็เห็นว่าปากของเธอเจ่อขึ้นมา

อื่ม...ปากแดงเจ่อ...

ทั้งสองคนทั้งขำทั้งพูดไม่ออก ดีนะที่แม่ไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นต้องเฉาะหัวพวกเขาแน่

ซู่เป่าเห็นปากของตัวเองจากกระจกกำแพง ถามด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “พ่อคะ พรุ่งนี้กลับไปปากหนูจะหายหรือยังคะ”

จะให้คุณยายเห็นไม่ได้!

เมื่อวานตอนที่เธอบอกว่าจะมาหาพ่อ คุณยายก็หน้าบึ้งแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังอนุญาต

ก่อนจะมายังกำชับกับเธอหนักหนา ‘ต้องกินข้าวเยอะ ๆ ระวังความปลอดภัย’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน