ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 578

ผีขี้ขลาดพูดจบ น้ำเต้าวิญญาณก็เรอพอดี ราวกับประสมโรงด้วย ใช่ๆ

ซู่เป่ามองไปที่พญาผีที่กำลังกอดตัวเองอีกครึ่งท่อน แล้วพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะ พลอยทำให้เธอต้องขาดเป็นสองท่อนเลย”

เด็กหญิงตัวน้อยอาเจียจ้องเธอ ไม่นานก็หึขึ้นมาเสียงหนึ่งพลางเบือนหน้าไปแล้วพูดขึ้นว่า “ครั้งหน้าก็บอกล่วงหน้าแล้วกัน!”

เธอใช้แรงรวมร่างของตัวเองเข้าด้วยกัน สองมือกดที่เอวแล้วออกแรงผลัก กึก การประกอบเสร็จสมบูรณ์

อาเจียฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์แบบ

“เอาละ เก็บตำหนักพญายมเถอะ!” ผีขี้ขลาดเอ่ย

ซู่เป่าพยักหน้า

ตอนนี้ตำหนักพญายมยังครอบอยู่นอกมหาวีรวิหาร

มู่กุยฝานกำลังกวดขันพระภิกษุกับเจ้าอาวาสอย่างเสียงดัง

ซูอวิ๋นเจาขวางอยู่หน้ามหาวีรวิหาร กันไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไป

เมื่อครู่นี้เขาถูกซู่เป่าโยนออกมาจากมหาวีรวิหาร

เขารีบจะเหยียบเข้าไป แต่ราวกับเหยียบเข้าไปในความว่างเปล่า ทำได้เพียงแค่ย่ำอยู่ตรงที่เดิม เดิมไม่สามารถเข้าไปได้อยู่แล้ว

เรื่องแบบนี้ จะให้คนอื่นค้นพบไม่ได้เด็ดขาด!

เขาเงยหน้า ตรงหน้ายังคงเป็นมหาวีรวิหารที่ผู้คนเข้าไปกราบไหว้ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ในตำหนัก ใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งตัวเป็นสีทองระยิบระยับ

ไม่รู้ว่าซู่เป่าเป็นยังไงบ้าง ซูอวิ๋นเจากระวนกระวายใจ

มีพระภิกษุได้ยินว่ามหาวีรวิหารถูกคนขวางไม่ให้เข้า จึงรีบมาดู

“ประสก นี่ประสกหมายความว่าอย่างไร” พระภิกษุพนมมือทั้งสอง แล้วพูดอมิตตาพุทธประโยคหนึ่ง

ซูอวิ๋นเจาเงยหน้าแล้วฉีกยิ้ม “ไม่ได้หมายความว่าอะไรครับ แค่รู้สึกว่ามหาวีรวิหารของท่านหลังนี้ดูผิดปกติ คนเข้าไปแล้วกลัวจะพบกับความโชคร้าย ทางที่ดีอย่าเข้าไปดีกว่า”

เหล่าพระภิกษุทำสีหน้าไม่พอใจ

กล้าพูดว่าแหยียบเข้าไปในวิหารของพระพุทธเจ้าแล้วจะโชคร้ายงั้นเหรอ เป็นการกระทำที่ผิดครรลองครองธรรมจริงๆ ขาดการอบรมสั่งสอน!

“อมิตตาพุทธ คำพูดนี้นั้นเป็นเพียงแค่คำพูดลอยๆ จริงๆ ประสกไม่บูชาก็อย่าลบหลู่! พระพุทธเจ้าทรงมีเมตตา เป็นผู้ปลดปล่อยสรรพสัตว์จากความทุกข์ สักการะพระพุทธเจ้าจะเจอเคราะห์ร้ายได้อย่างไร”

“อมิตตาพุทธพลังแห่งความศรัทธาส่วนตัวแรงกล้า ปกโปรดเวไนยสามระดับรากบุญ ไม่อาลัยอาวรณ์ผู้ใด ไม่ว่าจะเชื่อในอมิตตาพุทธหรือไม่ หรือตนมีความเชื่ออะไร ก็ต้องเปล่งเสียงอมิตตาพุทธเสียงหนึ่ง แต่เห็นพระพุทธเจ้าผู้มีเมตตาโปรดสัตว์แล้ว จะทำให้ผู้คนประสบเคราะห์ได้ยังไง”

“พระพุทธเจ้าเป็นอาจารย์แห่งสามโลก ขอประสกโปรดอย่าทำให้เกิดความคลางแคลงใจ”

“ประสก ใจของประสกแคบยิ่งนัก”

“อมิตตาพุทธ! พระโปรดแต่ผู้มีวาสนาต่อกัน ประสกไม่เข้าใจเหตุและผล ฉะนั้นจึงคิดไปเอง คนที่ในใจมีแสงสว่างเห็นอะไรก็ดีไปหมด คนที่ในใจคิดไม่ดี เห็นอะไรก็หม่นหมองไปหมด! ประสกมีเวรกรรมเยอะจริงๆ!”

เมื่อได้ยินว่าซูอวิ๋นเจาไม่เคารพพระพุทธเจ้า เหล่าพระภิกษุก็ผลัดกันอบรมสั่งสอนขึ้นมา

เดิมพวกเขาไม่รู้เลยว่าซูอวิ๋นเจาเป็นใคร

คนที่เห็นความปลอดภัยของประเทศชาติสำคัญยิ่งกว่าชีวิต เป้าหมายของการต่อสู้ทั้งชีวิตก็เพื่อให้ประเทศชาติสงบสุข

หากแม้แต่ซูอวิ๋นเจาก็มีเวนกรรมเยอะและใจแคบแล้วละก็ ถ้าอย่างนั้นสรรพสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายก็เป็นคนที่หนีเวรกรรมไม่พ้นแล้ว

บนใบหน้าของซูอวิ๋นเจาแฝงไปด้วยรอยยิ้มร่าเริง แต่ยิ้มแค่ที่ปากไปไม่ถึงตา “ผมก็แค่เตือนด้วยเจตนาดี จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่พวกท่าน”

เขาชะงักไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้นอีกว่า “ใครใจแคบกันแน่ ผมก็แค่เตือนไปประโยคเดียว แต่พวกท่านกลับสั่งสอนผมไม่หยุด พูดได้เพียงแค่...ผมได้ประสบการณ์เพิ่มแล้ว”

มู่กุยฝานกับเจ้าอาวาส และพระภิกษุเจ็ดแปดรูปที่เดินตามอยู่หลังท่านเจ้าอาวาส เดินเข้ามาเป็นกลุ่ม

เจ้าอาวาสได้ยินว่ามีคนก่อเรื่อง

มู่กุยฝานเป็นห่วงซู่เป่า

ฉะนั้นเพียงแค่ชั่วพริบตา ทุกคนต่างก็มาล้อมกันอยู่หน้ามหาวีรวิหาร

มู่กุยฝานหรี่ตาจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ผมว่าพระพุทธรูปองค์นี้ไม่ได้บูรณะมานานแล้ว ดูท่าใกล้จะพังลงมาแล้ว ที่ลูกหลานของผมเตือนก็ทำเพื่อพวกท่าน เพื่อไม่ให้คนตายแล้ววัดของพวกท่านชดใช้ไม่ไหว”

พระรูปหนึ่งน่าจะอายุค่อนข้างน้อย เขาพูดขึ้นอย่างเดือดดาลว่า “พระพุทธรูปของเราบูรณะใหม่ทุกปี แต่ละปีจ่ายไปหลายล้าน...”

เจ้าอาวาสตะคอก “จื้อชิ่ง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน